<h2>IHG Hotels &amp; Resorts ผู้อยู่เบื้องหลังโรงแรมชั้นนำทั่วโลก พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอต้อนรับนักเดินทางผู้กระหายการท่องเที่ยว</h2>
หลังจากไม่ได้มาเยือนไทยเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า Rajit Sukumaran กรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ก็ได้มาเยือนสยามเมืองยิ้มอีกครั้งโดยเขามาพร้อมกับเป้าหมายธุรกิจของ IHG Hotels &amp; Resorts และความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

ข้อมูลจาก IHG Search ในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 เผยว่าไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย กรุงเทพ เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุด ตามมาด้วย ภูเก็ต

<figure><img class="wp-image-58535 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Rajit-Sukumaran.jpg" alt="" width="719" height="480" /><figcaption> Rajit Sukumaran กรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี</figcaption></figure>

ข้อมูลจาก STR แสดงให้เห็นว่า ช่วงปลายปี 2564 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีอัตราการจองห้องพักอยู่ที่ร้อยละ 30 ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาด แต่ก็เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการจองกำลังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ

นอกจากนี้ ปี 2564 ยังเป็นปีที่ทางเครือได้เห็นแผนการต่างๆ เป็นรูปเป็นร่างอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลงนามสัญญากับกลุ่มเจ้าของโรงแรมที่เป็นพันธมิตรกันมาอย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกับ AWC ในการสานต่อกลยุทธ์การเติบโตในการพัฒนาโรงแรม 3 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย โรงแรม Vignette Collection ในโครงการ The Aquatic Pattaya, Intercontinental Bangkok Chinatown และโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ บูทีค ในย่านไซน่าทาวน์

<figure><img class="wp-image-58537 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/InterContinental-Khao-Yai-Resort_R.jpg" alt="InterContinental Khao Yai Resort ในเครือ IHG Hotels &amp; Resorts" width="720" height="448" /><figcaption> InterContinental Khao Yai Resort</figcaption></figure>

ทั้งนี้ ยังได้เปิดตัว Kimpton Kitalay Samiu ซึ่งเป็นโรงแรม Kimpton แห่งที่สองในไทย และมีแผนจะขยายแบรนด์นี้ต่อไปเรื่อยๆ และได้ร่วมมือกับบริษัท สยามสินธร จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการ Sindhorn Midtown ให้เป็นโรงแรม Vignette Collection แห่งแรกในไทยและเอเชียอีกด้วย

โดยในปี 2565 IHG Hotels &amp; Resorts ก็พร้อมเปิดประตูโรงแรมใหม่ๆ ให้แขกจากทั่วโลกได้มาพักผ่อนกัน ไม่ว่าจะเป็น InterContinental Bali Sanut Resort และ voco Orchard Singapore โดยโรงแรมล่าสุดที่พึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมกราคมนี้คือ Holiday Inn Resort Ho Tram ซึ่งถือเป็นโรงแรมแบรนด์ Holiday Inn ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามอีกด้วย

ส่วนใครที่ยังไม่พร้อมออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ทาง IHG ก็มีแผนจะเปิดโรงแรมใหม่ๆ ในไทยมากมาย โดย Sukumaran เผยว่าทางเครือวางแผนเปิดโรงแรมเพิ่มทั่วไทยในจุดหมายปลายทางใหม่ๆ 30-34 แห่ง มากกว่า 8,000 ห้องพักใน 1 ถึง 5 ปีข้างหน้านี้ เพิ่มจากตัวเลขเดิมที่มีโรงแรมในเครือในประเทศไทยอยู่ 29 แห่งถึงเท่าตัว

<figure><img class="wp-image-58538 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/InterContinental-Chiangmai-Mae-Ping-Guestroom_R.jpg" alt="InterContinental Chiangmai Mae Pingในเครือ IHG Hotels &amp; Resorts" width="720" height="390" /><figcaption> InterContinental Chiang Mai Mae Ping</figcaption></figure>

โรงแรมแห่งใหม่ในไทยที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในปี 2565 นี้ ประกอบไปด้วย Sindhorn Midtown ซึ่งเป็นโรงแรมแรกใน Vignette Collection แห่งแรก อีกทั้งยังเดินหน้าขยายแบรนด์ Holiday Inn ด้วยการเปิด Holiday Inn Resort Samui Bophut Beach

พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัว Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit Phrom Phong, InterContinental Khao Yai Resort, InterContinental Chiang Mai Mae Ping และ Crowne Plaza Bangkok Grande Sukhumvit อีกด้วย

ทั้งนี้ Sukumaran กล่าวด้วยว่า "สำหรับเครือ IHG แล้ว ไทยถือเป็นตลาดสำคัญอย่างยิ่ง โดยการเปิดตัวโรงแรมแบรนด์ใหม่ๆ ต่างๆ ก็เริ่มเปิดจากที่ไทยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Hotel Indigo, Holiday Inn Express และ Staybridge" โดยทั้งนี้ก็เป็นเพราะตลาดลักชัวรีไลฟ์สไตล์ในไทยถือว่าเติบโตอย่างสวยงามมาโดยต่อเนื่อง

<figure><img class="size-full wp-image-58536" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Patrick-Both.jpg" alt="" width="713" height="480" /><figcaption> Patrick Both</figcaption></figure>

ทาง Patrick Both ผู้จัดการทั่วไปในกลุ่มโรงแรมลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ประจำประเทศไทย และ ผู้จัดการทั่วไป Kimpton Maa-Lai Bangkok &amp; Sindhorm Midtown Hotel Bangkok ได้กล่าวเสริมอีกว่า "พฤติกรรมผู้บริโภคไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไร (เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด) แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ โรงแรมต่างหากต้องสามารถนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคให้ได้" 

ณ ปัจจุบัน IHG Hotels &amp; Resorts มีโรงแรมในเครือทั่วโลกมากกว่า 6,000 แห่ง นับเป็นมากกว่า 890,000 ห้อง ในมากกว่า 100 ประเทศ อีกทั้งยังมีสมาชิกที่ลงทะเบียนกับเครือโรงแรมอีกมากกว่า 100 ล้านคนอีกด้วย

นอกจากนี้​เครือโรงแรมแห่งนี้ยังเป็นผู้ให้บริการด้านลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกด้วยโรงแรมระดับลักชัวรีในพอร์ตโฟลิโอมากกว่า 400 แห่ง

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/alohilani-%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b2.html">Alohilani รีสอร์ตเป็นกลางทางคาร์บอนแห่งแรกใน Hawaii</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events