<h2>Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Ola Electric ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า โรงงานแห่งใหม่ของบริษัทในรัฐ Tamil Nadu ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทใน Bangalore ประมาณ 150 กิโลเมตร จะดำเนินการโดยพนักงานหญิงรวม 10,000 ตำแหน่งงาน </h2>
<figure><img class="wp-image-51386" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/1nc253e4_bhavish-aggarwal-with-ola-electric-scooter_625x300_15_August_21.jpg" alt="Ola Electric" width="720" height="444" /><figcaption> Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ</figcaption></figure>

“ที่นี่จะเป็นโรงงานสำหรับพนักงานหญิงล้วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก” Bhavish Aggarwal กล่าวพร้อมโพสต์วิดีโอสั้นๆ ของตัวเองที่กล่าวถึงกลุ่มพนักงานหญิง ซึ่งบางคนภูมิใจที่ได้ทำงานให้กับบริษัท

โดยในทวีตและบล็อกโพสต์บนเว็บไซต์ของ O<a style="color: #008000;" href="https://olaelectric.com">la Electric</a> Aggarwal กล่าวว่า "ผู้หญิงชาวอินเดียจะนำการปฏิวัติยานยนต์ไฟฟ้าจากอินเดียไปยังทั่วโลก และเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย อินเดียจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของโลก

Aggarwal กล่าเสริมอีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทริเริ่มสร้างสถานประกอบการที่มีสภาพแวดล้อมที่ลูกจ้างทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ผู้หญิงในทุกตำแหน่งงาน

“อินเดียที่พึ่งพาตนเองต้องการผู้หญิงชาวอินเดีย” Aggarwal ประกาศโดยอ้างถึงนโยบายที่นายกรัฐมนตรี Narendra Modi กำหนดขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งคำว่า Aatmanirbhar Bharat มีความหมายว่า อินเดียที่พึ่งพาตนเองได้

ในบล็อกของเขา Aggarwal กล่าวว่าบริษัทได้ลงทุนอย่างมากในการฝึกอบรมและเพิ่มพูนทักษะให้กับพนักงานหญิงในด้านทักษะการผลิต เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับผิดชอบสายงานการผลิตทั้งหมดสำหรับรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้นที่โรงงาน Futurefactory ของบริษัท

“การเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาชีวิตของครอบครัวและชุมชนทั้งหมดด้วย” เขากล่าวพร้อมเสริมว่า งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าความเท่าเทียมในการจ้างงานสามารถเพิ่มจีดีพีของอินเดียได้ถึงร้อยละ 27

“แต่ปัจจุบันการมีส่วนร่วมของแรงงานหญิงโดยเฉพาะในภาคการผลิตยังคงอยู่ในระดับต่ำที่สุดเพียงร้อยละ 12 ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะและส่งเสริมการจ้างงานของเรา”

ในทำนองเดียวกัน Ola ก็ได้ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ เช่น <a style="color: #333333;" href="https://www.infosys.com/careers/exclusive-programs/restart-careers-infosys.html">TCS, Infosys, Wipro และ HCL</a> ในการริเริ่มโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่หยุดพักงานไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามและต้องการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี กระทรวงสถิติและการดำเนินการตามโครงการของอินเดียระบุว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2020 แรงงานหญิงมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 17.9 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ขณะที่แรงงานชายมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 66.7 

ด้าน Saundarya Rajesh ผู้ก่อตั้งและประธาน Avtar Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่เน้นเรื่องความหลากหลายของพนักงานในองค์กร กล่าวว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายองค์กรที่มองความหลากหลายเฉพาะในแง่ของกิจกรรมเพื่อสังคม ได้เริ่มตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการบริหารทรัพยากรบุคคลบนความหลากหลาย

ปัจจุบัน Avtar ซึ่งทำงานร่วมกับบริษัทและองค์กรเกือบ 400 แห่งมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ให้คำแนะนำว่า องค์กรต่างๆ ควรตั้งเป้าที่จะจ้างผู้หญิงอย่างน้อยร้อยละ 40 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน รายงานจาก McKinsey &amp; Company แสดงให้เห็นว่าบริษัทที่อยู่ในควอไทล์อันดับต้นๆ ที่มีความหลากหลายทางเพศมากกว่าในตำแหน่งผู้บริหาร มีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับบริษัทในควอร์ไทล์ที่ 4 

แปลและเรียบเรียงจากบทความ As Indian Companies Seek To Hire More Women, E-Scooter Maker Ola Electric Puts Them In Driver’s Seat โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/carousell-แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้.html">Carousell แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้ามือสอง ขึ้นแท่นสตาร์ทอัพยูนิคอร์น</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events