<h2 class="p1">Las Vegas Sands บรรลุข้อตกลงขายโรงแรมคาสิโน 2 แห่งบน Las Vegas Strip ซึ่งประกอบด้วย Venetian Resort และ Sands Expo and Convention Center ที่ 6.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมเดินหน้าขยายอาณาจักรคาสิโนอีก 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างรายได้กว่าร้อยละ 90 ให้กับบริษัท</h2>
<figure><img class="wp-image-42509" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/sheldon.jpg" alt="Robert Goldstein" width="720" height="482" /><figcaption> Sheldon Adelson มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Las Vegas Sands</figcaption></figure>
“…เราระลึกถึงสิ่งที่<a style="color: #993300;" href="https://www.forbes.com/sites/willyakowicz/2021/01/12/casino-billionaire-republican-power-broker-and-trump-ally-sheldon-adelson-is-dead/?sh=19b053e62743"> Sheldon Adelson </a>ได้สร้างไว้เสมอในการเริ่มต้นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของบริษัทครั้งนี้” Robert Goldstein ประธานและซีอีโอกล่าวระหว่างการแถลงการณ์ พร้อมระบุว่า “บริษัทของเราให้ความสำคัญกับการเติบโต และมองเห็นโอกาสจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งในปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาเก๊าและสิงคโปร์” 
ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวออกมาหลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการประจำเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/willyakowicz/2021/01/29/after-sheldon-adelsons-death-las-vegas-sands-looks-to-double-down-on-asia-expand-to-new-york-and-texas/?sh=471127c849b3"> Las Vegas Sands </a>วางแผนที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีก 5 แห่งในมาเก๊าและอีก 1 แห่งในสิงคโปร์ รวมเป็นมูลค่ากว่า 5.5 พันล้านเหรียญ
ขณะที่โครงการ The Londoner Macao รีสอร์ตสไตล์อังกฤษคลาสสิกในย่าน Cotai Strip ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรัฐสภาอังกฤษและหอนาฬิกาบิ๊กเบน ที่มีมูลค่าการลงทุนราว 2 พันล้านเหรียญ ได้ส่งผลให้การลงทุนในมาเก๊าของบริษัทตั้งแต่ปี 2004 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านเหรียญ
“เราเชื่อเสมอว่า ไม่มีที่ไหนที่เหมาะกับการลงทุนของบริษัทไปมากกว่ามาเก๊า” Robert Goldstein กล่าวระหว่างรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของ Las Vegas Sands
โดยต่อจากนี้ Apollo Global Management, Inc จะเข้าซื้อธุรกิจในลาสเวกัสด้วยเงินสดที่มูลค่าราว 1.05 พันล้านเหรียญ และอีก 1.2 พันล้านเหรียญในรูปของเงินกู้และหลักทรัพย์ตามบันทึกข้อตกลง ขณะที่ Vici Properties Inc. จะเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในส่วนของ Venetian ด้วยเงินสดมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ
ในทำนองเดียวกัน “ทางบริษัทก็ได้มองหาลู่ทางในการลงทุนภายในประเทศ ที่สามาถสร้าง ‘ผลตอบแทนคุ้มค่า' เมื่อเทียบกับมูลค่าการลงทุน” Goldstein กล่าว พร้อมระบุว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์โอกาสในการดำเนินธุรกิจคาสิโนในมหานครนิวยอร์ค “เช่นเดียวกับในเท็กซัส ที่มีศักยภาพทางการตลาดที่ไม่ควรมองข้าม”
อย่างไรก็ดี การออกจากตลาดสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ในปี 2020 บริษัทขาดทุนสุทธิมากถึง 1.69 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิในปี 2019 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 2.7 พันล้านเหรียญ แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในมาเก๊าและสิงคโปร์จะยังคงมีทิศทางเป็นบวก
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า การดำเนินกิจการของ Las Vegas Sand ที่ Strip คือ ธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Sheldon Adelson มหาเศรษฐีผู้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2021 ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน ดังจะเห็นได้จากการที่ Venetian Resort เป็นโรงแรมและคาสิโนหรู 35 ชั้น ที่มีห้องสวีตให้บริการมากถึง 3,000 ห้อง ทั้งยังมีสัญลักษ์สำคัญอย่าง Palazzo Tower ที่ประกอบด้วยห้องสวีทวีตอีก 12 ชั้น จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ Sand Expo Center มีพื้นที่จัดประชุมและงานแสดงต่างๆ ที่กว้างขวางมากถึง 1.2 ล้านตารางฟุต
ในที่นี้ ทางบริษัทได้เผยถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตว่าอาจขยายสู่การให้บริการเกมออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ Adelson ไม่เคยเห็นชอบด้วย
“อุตสาหกรรมต่างๆ กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงต้องทดลองสิ่งใหม่ๆ เสมอ” Patrrick Dumont ประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการกล่าว
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Sands To Leave Las Vegas As It Agrees To Sell Strip Assets For $6.25 Billion เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/adam-neumann-%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%87-softbank.html">Adam Neumann บรรลุข้อตกลงกับ Softbank นำ WeWork ระดมทุนอีกครั้ง</a>

Las Vegas Sands เดินหน้าขยายอาณาจักรโรงแรมคาสิโนอีก 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย

<h2>Sheldon Adelson ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโออาณาจักรคาสิโน Las Vegas Sands ลาตำแหน่งเพื่อเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งอย่างไม่มีกำหนด </h2>
<figure><img class="wp-image-40165" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/960x0.jpg" alt="Sheldon Adelson" width="720" height="480" /><figcaption> The Parisian Macao casino resort หรือหอไอเฟลแห่งมาเก๊า หนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของ Las Vegas Sands ในเอเชีย</figcaption></figure>

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/willyakowicz/2020/10/29/why-trump-megadonor-sheldon-adelson-could-benefit-from-a-biden-presidency/?sh=44a4fb093cc3">Adelson</a> ในวัย 87 ปี เข้ารับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (non-Hodgkin’s lymphoma) ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2019 และกำลังจะเข้ารับการรักษาอีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้ โดยระหว่างนั้น Robert Goldstein ประธานกรรมการและประธานฝ่ายปฏิบัติการจะดำรงตำแหน่งผู้รักษาการประธานและซีอีโอแทน

แม้ว่าในปัจจุบัน Adelson จะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.57 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดอันดับ 37 ของโลก แต่เส้นทางชีวิตของนักธุรกิจผู้นี้กลับไม่ได้มีต้นทุนอะไรมากนัก

Adelson เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อประกอบอาชีพคนขับรถแท็กซี่ ส่วนแม่เปิดร้านเย็บผ้าเล็กๆ ซึ่งมีฐานะทางบ้านไม่ดี ทำให้เขาต้องเริ่มช่วยครอบครัวหาเงินตั้งแต่เด็กด้วยการขายหนังสือพิมพ์ ต่อมาจึงได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย City College of New York ในสาขาการเงิน แต่ปรากฎว่าพอเรียนได้เพียง 2 ปี ก็ต้องลาออกเพื่อไปสมัครเป็นทหาร หลังจากนั้นจึงได้ลองผิดลองถูก ขยับขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ เริ่มจากการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของนิตยสารคอมพิวเตอร์ 

ก่อนที่จะก่อตั้ง Interface Group บริษัทจัดงานซื้อขายคอมพิวเตอร์ ที่จัดงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดใน Las Vegas อย่าง Computer Dealers Expo หรือ COMDEX ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง IBM, Apple และ Microsoft กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้งาน COMDEX จึงกลายเป็นสื่อกลางที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้ออกสู่ท้องตลาดได้มากยิ่งขึ้น

แต่ในที่สุด Adelson ก็ได้ตัดสินใจขายบริษัท Interface Group และสิทธิ์ในการจัดงาน COMDEX ให้แก่บริษัท SoftBank ของญี่ปุ่น ที่มูลค่า 862 ล้านเหรียญในปี 1995 ซึ่งนับเป็นการสร้างรายได้ให้เขาอย่างมหาศาล เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างอาณาจักรคาสิโนอีกมากมายหลายแห่ง

<figure><img class="wp-image-40163 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/adelson-fam.jpg" alt="Sheldon Adelson" width="720" height="407" /><figcaption> Sheldon Adelson และ Miriam Adelson</figcaption></figure>

นอกจากความสำเร็จในการประกอบธุรกิจแล้ว Adelson ยังเป็นที่รู้จักในฐานะมหาเศรษฐีผู้สนับสนุนประธานาธิบดี <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/michelatindera/2020/10/27/no-dividends-no-problem-trump-megadonor-sheldon-adelson-has-given-at-least-180-million-this-year-despite-troubles-at-his-company/?sh=3074385b2ec4">Donald Trump</a> โดยเขาและภรรยา Miriam ได้มอบเงินอุดหนุนอย่างน้อย 180 ล้านเหรียญให้กับพรรครีพับลิกัน เพื่อนำไปใช้สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี การสนับสนุนของเขาที่มีต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากบทความในคอลัมน์บรรณาธิการของนิตยสาร Las Vegas Review ฉบับกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่ง Adelson เป็นเจ้าของ ได้เรียกร้องให้ Trump ยอมรับผลการเลือกตั้งตามความเป็นจริง โดยระบุว่า “Trump ไม่สามารถรักษาฐานเสียงใน 8 มลรัฐซึ่งเป็น Swing States ดังเช่นในปี 2016 ได้”

ไม่เพียงเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุน Trump บุกเข้ายึดสภาสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมของวุฒิสมาชิก เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ทางนิตยสารก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อการกระทำดังกล่าวว่า “การกล่าวอ้างของท่านประธานาธิบดีที่บอกว่า 'ตนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง แต่กลับได้รับความไม่ชอบธรรม' ไม่สามารถหาหลักฐานมารองรับได้เลย ไม่ว่าท่านประธานาธิบดีจะทวีตข้อความมากขนาดไหน หรือฝ่ายสนับสนุนจะหวังให้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ความจริง” ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Las Vagas Sands ปรับตัวลงร้อยละ 1.25 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Casino Billionaire Sheldon Adelson Takes Leave From Las Vegas Sands For Cancer Treatment เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/5-เศรษฐีวัยทอง.html">5 เศรษฐีวัยทอง</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events