แพทย์หนุ่มจากจุฬาฯ ที่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดยโสธรและจังหวัดใกล้เคียงเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการที่ดี เขาและภรรยาจึงจัดตั้ง “โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ” โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของจังหวัดยโสธรในปี 2533

หลังดำเนินการมา 30 ปี เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาวกัมพูชา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์-เนชั่นแนล โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดมุกดาหาร โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดยโสธร และโรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร มีจำนวนเตียงรวมทั้งหมด 148 เตียง

ปักหมุดที่ยโสธร

ครอบครัวสุฉันทบุตรแบ่งบทบาทกันชัดเจน โดย นพ.หาญ สุฉันทบุตร เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาคนไข้ ขณะที่งานบริหารจัดการทั้งหมด “ประภาศรี” คู่ชีวิตเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งวางแผนการศึกษาให้ลูกๆ ทั้ง 4 คน ซึ่ง 3 คนแรกเรียนจบคณะแพทยศาสตร์ ส่วนคนสุดท้องเรียนจบปริญญาโท ด้านการตลาดจากอังกฤษ

“ลูกทำงานบริษัทในเครือ 2 คน คนโตอยู่รพ. สมิติเวช คนที่ 2 เป็นหมอผ่าตัด คนที่ 3 ลูกสาวคนเดียวเป็นดาวคณะแพทย์ จบเกียรตินิยม เรียน anti-aging ทำคลินิกอยู่อุบลฯ พี่ปั้นลูกทุกคน คนนี้ต้องเป็นหมอ พามาเรียนพิเศษ บอกแม้แต่จริยธรรมของแพทย์ คนเล็กปั้นให้ทำงานบริหารแทนพี่”

ประภาศรี สุฉันทบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN ผู้ปลุกปั้นโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง เอ่ยถึงลูกๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นแพทย์เหมือนบิดาแล้ว อีก 2 คนยังถูกวางตัวให้มาช่วยบริหารธุรกิจโรงพยาบาล

ในวัย 70 ปีเศษ ประภาศรียังดูกระฉับกระเฉง สมองเฉียบคม เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวหรือชื่อคนที่เกี่ยวข้องในอดีต หากมีคำถามใดๆ ก็ตอบได้ทันที

ประภาศรีเล่าถึงชีวิตในรั้วจามจุรีว่า เป็นเด็กกิจกรรมค่าย สจม. หลังเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเธอและสามีตั้งใจว่าจะไปอยู่อีสาน เลือกจังหวัดยโสธรเพราะโรงพยาบาลขาดแคลนแพทย์ และต่อมา นพ.หาญ เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาลประจำจังหวัดยโสธร

“หมอหาญเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง กระทรวงฯ ให้เลือกเอาแผนที่มาให้ดูก็ดูเฉพาะอีสาน พี่ชอบมุกดาหาร กระทรวงบอกยโสธรขาดหมอโดยเฉพาะหมอผ่าตัดก็เลยเลือก เราไม่มีญาติพี่น้องที่นั่น พี่เรียนจบปริญญาโท สาขาการจัดการศึกษา รู้ว่าไปอยู่ที่นั่นต้องว่างงาน ไม่มีมหาวิทยาลัยให้สอน เป็นแม่บ้านอยู่พักหนึ่ง พอคุณหมอเปิดคลินิกก็เลยช่วยงานที่คลินิกและเก็บข้อมูลว่าอำเภอนี้คนเป็นโรคนี้ ทำไมถึงเป็น เหมือนทำวิจัยไปด้วย ทำให้รู้พื้นฐาน...สมัยนั้นยโสธรกันดารมาก เป็นไส้ติ่งต้องไปผ่าตัดที่อุบลฯ พี่หาญเลยทำชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลจังหวัดมาก คนไข้จากกาฬสินธุ์ก็มา”

ระหว่างรับราชการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ปี 2524 จัดตั้งคลินิกเวชกรรมภายใต้ชื่อคลินิกนายแพทย์หาญ ก่อนขยับขยายเป็นโรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยซื้อตึกแถวราคา 500,000 บาท จัดตั้งโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง ใช้ชื่อว่า “โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ” ในปี 2533 ปี 2538 เปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่จังหวัดมุกดาหารชื่อ โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล

“ไปเที่ยวมุกดาหารบ่อย คิดว่าอยากทำโรงพยาบาลเอกชนที่นั่น คือเด็กๆ ไม่คิดอะไรมาก อยากทำก็ทำ ปี 2540 เศรษฐกิจไม่ดี มีหมอผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก...เราได้ทีมหมอเชียงใหม่มา มีหมอผ่าตัด หมอสูฯ หมอกระดูกมาเซ็ตอัพให้ที่มุกดาหาร ตอนนั้นเราประกาศรับหมอเยอะสุด...โรงพยาบาลที่มุกดาหารเราจ้างบริษัทที่ปรึกษาตั้งแต่เริ่มทำ และจ้างหมอบริหาร”

ถัดมาอีก 10 ปี ซื้อกิจการโรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดกลาง เพื่อขยายธุรกิจโรงพยาบาลให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง

ปี 2560 เริ่มรุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกัมพูชา โดยตั้งคลินิกนานาชาติ รวมแพทย์ยโสธร ประเทศกัมพูชา ในอีก 1 ปีต่อมาเพื่อประกอบธุรกิจสถานพยาบาลประเภทคลินิกที่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 0.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ปัจจุบันปิดตัวลงแล้ว)

ปัจจุบันโรงพยาบาลในกลุ่มให้บริการครอบคลุมถึงโครงการสิทธิสวัสดิการภาครัฐ อาทิ สิทธิ สปสช. ประกันสังคม กรมบัญชีกลาง และองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น หลังตั้งโรงพยาบาลมาแล้ว 3 แห่ง ประภาศรียังมีความคิดที่จะเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ เธอเล่าราวกับว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะทำธุรกิจด้านนี้

“สร้างโรงพยาบาลไม่ยาก รู้เลยว่าต้องมีอะไรบ้าง เงินทุนแทบไม่ต้อง...ต่างจังหวัดต้องทำเล็กๆ ก่อน ขนาด 59-60 เตียง ใช้เครื่องมือทันสมัย แพทย์เก่งและดี...พี่เป็นคนอ่านหนังสือก็ซื้อตำรา พรบ. แพทย์มาอ่านต้องมีแพทย์ พยาบาลกี่คน มีเพื่อนจุฬาฯ แต่งงานกับสถาปนิก เขาก็ออกแบบโรงพยาบาลที่ยโสธรให้อย่างสวยและคลาสสิก...ต่อมามีคู่แข่งที่ยโสธรเขาทำต่อไม่ได้เราก็ซื้อและเปลี่ยนเป็นรวมแพทย์ยโสธร จังหวัดยโสธรยากจนติดอันดับของประเทศ บางปีติดอันดับ 1 ถามว่าทำไมเราทำโรงพยาบาลได้ มันก็ยากนะ เหมือนปลูกข้าวในนาที่ไม่มีน้ำ แต่เราเอาใจใส่ให้ข้าวโตได้ อำเภอหัวเมืองรอบๆ มายโสธรสะดวกกว่า”

นอกจากคนไข้ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงแล้ว เพื่อนบ้านจาก สปป.ลาว และกัมพูชาก็ให้ความไว้วางใจมาใช้บริการ

แม้ว่า รพ. รวมแพทย์ยโสธร และ รพ. นายแพทย์หาญ จะอยู่ห่างจากด่านข้ามแดนช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นด่านชายแดนของประเทศกัมพูชา แต่ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาด และสนับสนุนการให้บริการแก่ชาวกัมพูชา มีล่ามให้บริการ 5 คน บริการรถรับ-ส่งระหว่างด่านชายแดนกับโรงพยาบาล แต่งตั้งตัวแทนนำชาวกัมพูชามารับบริการ ส่งผลให้มีรายได้จากคนไข้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น

ส่วน รพ. มุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ระยะทาง 8.2 กม. และใกล้แขวงสะหวันนะเขต เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นที่ตั้งของเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน ซึ่งมีพนักงานอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงสะดวกสำหรับคนไข้ชาวลาว ส่วนลูกค้าคนไทยเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มสวัสดิการภาครัฐ

“นโยบายของเราเป็นโรงพยาบาลแถบลุ่มแม่น้ำโขง เพราะยโสธรเปิดด่านถาวรที่ช่องสะงำ และเราแต่งตั้งเอเจนต์ในเขมร”

ล่าสุดได้นำ บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนหลักทรัพย์ mai โดยปี 2567 HANN มีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับประชาชนไม่เกิน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท คาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงไตรมาสที่ 2/2568

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ในโครงการต่อไปนี้ 1. ก่อสร้างอาคาร 3 ชั้นของ รพ. มุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล 105 ล้านบาท 2. ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยนอกของ รพ. มุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล 10 ล้านบาท 3. ก่อสร้างอาคารใหม่ของ รพ.นายแพทย์หาญ 65 ล้านบาท 4. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“การเข้าตลาดฯ จะทำให้เป็นบริษัทที่ดี มีธรรมาภิบาล ไม่ได้คิดว่าจะขายหุ้นให้ได้กำไร ไม่หวังว่าหุ้นหวือหวา แต่มีกำไร ให้เงินปันผลที่ดีต่อผู้ลงทุน ดีใจที่ทำให้ชื่อ HANN มาสู่โลกนี้ รู้สึกว่าความดีของเขาควรอยู่คู่แผ่นดิน หมอหาญเป็นคนดีจริงๆ...รักษาคนไข้ให้หายในราคาสมเหตุผล”

ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์, HANN

เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อ่านสาเหตุธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยปี 68 จะโตต่ำที่ 3% หลังจากช่วงสิบปีก่อนหน้าโตถึง 11.6% ต่อปี

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine