<h2>H2O Hospitality บริษัทจัดการโรงแรมอัตโนมัติที่ครอบคลุมตั้งแต่การจองห้องพัก การต้อนรับ และบริหารจัดการห้องพักในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ระดมทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในรอบ Series C เพื่อขยายธุรกิจต่อไป</h2>
<figure><img class="wp-image-50651" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/John-Lee-H2O-Hospitality-772x1024.png" alt="H2O Hospitality " width="543" height="720" /><figcaption> John Lee ซีอีโอ H2O Hospitality (ภาพ: startup.info)</figcaption></figure>

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการมากขึ้นสำหรับการดำเนินงานแบบไร้สัมผัสและไร้พนักงานในภาคส่วนการบริการ ซึ่งหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ <a style="color: #008000;" href="https://www.h2ohospitality.io">H2O</a> Hospitality จะขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับการระดมทุนในรอบนี้ ซึ่งมีมูลค่าราว 3.4 หมื่นล้านวอน นำโดย Kakao Investment และ Korea Development Bank (KDB), Gorilla Private Equity, Intervest, NICE Investment และ Kejora-Intervest Growth Fund กองทุนรวมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ขณะที่ในรอบ Series B บริษัทสามารถระดมทุน มูลค่า 7 ล้านเหรียญจาก Samsung Ventures, Stonebridge Ventures, IMM Investment และ Shinhan Capital ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020

ในที่นี้ John Lee ซีอีโอ เผยว่า ต่อจากนี้บริษัทจะขยายธุรกิจโดยการเพิ่มที่พักประเภทต่างๆ ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นภายในปี 2021 และ 2022 และวางแผนที่จะเข้าสู่สิงคโปร์และอินโดนีเซียในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ปัจจุบัน H2O กำลังพูดคุยกับบริษัทในเครือโรงแรมระดับโลกหลายแห่งเพื่อร่วมมือกันในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ ตลอดจนการดำเนินงานนอกเกาหลีใต้และญี่ปุ่น” Lee กล่าวกับ TechCrunch

นอกจากนี้ H2O จะลงทุนใน R&amp;D เพื่อพัฒนาช่องทางการติดต่อกับลูกค้าและระบบเช็คอินแบบไร้สัมผัส บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศในเอเชีย

“เราต้องการการพัฒนาและปรับแต่งระบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับที่พักและสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปสู่เส้นทางความสำเร็จของโรงแรมดิจิทัลแม้กระทั่งในช่วงหลังจากเกิดโควิด-19”

H2O Hospitality ก่อตั้งขึ้นในเกาหลีใต้ในปี 2015 โดย John Lee แล้วจึงขยายเข้าสู่ญี่ปุ่นในปี 2017 ด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทบริหารจัดการโรงแรมของญี่ปุ่นหลายแห่ง 

ล่าสุด ในปี 2021 H2O ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ 2 แห่ง ได้แก่ ImGATE บริษัทโซลูชันสำหรับโรงแรมไร้สัมผัส และ Replace สตาร์ทอัพครีเอเตอร์ในท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีและความสามารถด้าน ESG

ปัจจุบัน บริษัทมีที่พักประมาณ 7,500 แห่ง รวมทั้งโรงแรม เรียวกัง และเกสต์เฮาส์ ในโตเกียว โอซาก้า โซล ปูซาน และกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ระบบการจัดการโรงแรมบนพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ของ H2O มีส่วนช่วยให้การจัดการโรงแรมเป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งครอบคลุมทั้งช่องทางการติดต่อสื่อสาร การบริหารจัดการทรัพย์สิน ตลอดจนการจัดการห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ 

โดยระบบการจัดการโรงแรมแบบบูรณาการดังกล่าวสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานของการจัดการโรงแรมได้มากถึงร้อยละ 50 ทั้งยังเพิ่มรายได้ได้มากถึงร้อยละ 20 เช่นกัน

“โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบริการอย่างมาก และโรงแรมส่วนใหญ่ต้องการลดต้นทุนการดำเนินงาน แต่ก็เป็นไปได้ยากหากยังใช้แนวทางการดำเนินงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” Lee กล่าว “พวกเขาต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล”

เมื่อถูกถามว่าการวิกฤตการแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบต่อ H2O อย่างไร เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่สามารถกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มที่ Lee กล่าวว่า รายรับของ H2O เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 30 ก่อนเกิดโควิด-19 แต่เปอร์เซ็นต์นั้นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5-15 ในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ตัวขับเคลื่อนรายได้ในปัจจุบัน คือ เครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของลูกค้า ซึ่งรวมถึงเครื่องมือกำหนดราคาแบบไดนามิกอัตโนมัติ (ADR) และช่องทางการขายที่หลากหลาย เช่น ตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศและต่างประเทศ

Lee ยังชี้ให้เห็นว่า H2O ได้เริ่มใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ และนั่นก็มีส่วนทำให้รายได้ของ H2O เติบโตขึ้นในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา

“โรงแรมทุกแห่งที่เราเข้าไปทำงานด้วย เริ่มฟื้นฟูสถานะทางการเงินกันแล้ว” Lee กล่าว พร้อมเผยว่า เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายรายเริ่มกลับมาให้บริการอย่างเป็นปกติตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020

ปัจจุบัน มีห้องพักในโรงแรมประมาณ 16.4 ล้านห้องทั่วโลก ซึ่งสร้างรายได้ราว 5.7 แสนล้านเหรียญต่อปี ซึ่ง Lee เชื่อว่า H2O จะสามารถแปลงข้อมูลที่พักทั้งหมดในโลกให้เป็นดิจิทัลได้ เนื่องจากเป้าหมายหลักของบริษัทไม่ใช่การสร้างแบรนด์โรงแรม แต่เป็นการเข้าไปช่วยให้เจ้าของโรงแรมมีแนวทางการดำเนินงานที่ดีขึ้น

Lee อธิบายว่าขั้นตอนการดำเนินงานของโรงแรมในปัจจุบันเหมือนกับ "โทรศัพท์ 2G" มาก ซึ่งอยู่ในขั้นตอนก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟน และ H2O กำลังเปลี่ยนการดำเนินงานของโรงแรมโดยรวมให้เป็น “สมาร์ทโฟน”

“นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติมากสำหรับอุตสาหกรรมการบริการ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนจากโทรศัพท์ 2G ไปเป็นสมาร์ทโฟน”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ H2O Hospitality secures $30M Series C to expedite hotel digital transformation เผยแพร่บน Techcrunch.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/ธุรกิจโรงแรม-ปรับบริการ.html">ธุรกิจโรงแรม ปรับบริการ รอการกลับมาของนักท่องเที่ยว</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events