<h2>ท่ามกลางการเว้นระยะห่างทางสังคมไปจนถึงการปิดประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพียงแค่ในสหรัฐอเมริกา ก็มีมูลค่าการใช้จ่ายมากกว่า 8.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2021 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2020 และร้อยละ 44 จากปี 2019</h2>
<img class="alignnone wp-image-63517" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/1960x0.jpg" alt="10 บริษัทโลจิสติกส์" width="720" height="480" />

ขณะที่ธุรกิจรับส่งพัสดุที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องเติบโตอย่างก้าวกระโดด นำโดย UPS จาก Atlanta ที่ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 100 ในทำเนียบการจัดอันดับ Global 2000 พร้อมคว้าตำแหน่งสูงสุดของอุตสาหกรรมนี้จากคู่แข่งรายใหญ่อย่าง FedEx ซึ่งครองอันดับที่ 162 ในปีนี้

ด้าน UPS ซึ่งมีฐานลูกค้ารายใหญ่ที่สุดจาก Amazon กวาดรายได้ประจำปี 2021 กว่า 9.72 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 8.46 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อนหน้า ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1.28 หมื่นล้านเหรียญเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งอยู่ที่ 7.7 พันล้านเหรียญ

ทว่าซีอีโอ Carol Tome มองว่า “เราอาจจะไม่เห็นการเติบโตอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงโควิดหลังจากนี้ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค” หลัง UPS รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรก ซึ่งมีมูลค่าการส่งมอบสินค้าลดลงร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2021 “แต่ยอดขายอี-คอมเมิร์ซจะยังคงเติบโตต่อไป” 

ขณะที่ A.P. Moller-Maersk ยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งครองอันดับที่ 159 ในปีนี้ รายงานรายรับในปี 2021 ที่ 6.18 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 จากปีก่อนหน้า ขณะที่อัตรากำไรพุ่งขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านเหรียญในปี จาก 2.9 พันล้านเหรียญในปี 2020

จวบจนถึงปี 2022 นี้ Maersk ยังรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกของปี กวาดรายได้ไปกว่า 1.93 หมื่นล้านเหรียญและกำไร 6.8 พันล้านเหรียญ

“เรามองเห็นศักยภาพการเติบโตมหาศาลของธุรกิจโลจิสติกส์ในทศวรรษหน้า” ซีอีโอ Soren Skou กล่าว 

ปิดท้ายด้วย Evergreen ซึ่งมีผลประกอบการโดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม ครองอันดับที่ 494 ของทำเนียบ จากเดิมซึ่งอยู่ในอันดับที่ 1,287 ในปีก่อน รายงานผลกำไร 9.5 พันล้านเหรียญในปี 2021 เทียบกับ 1.3 พันล้านเหรียญในปีที่ก่อน 

พบกับ 10 บริษัทโลจิสติกส์ จากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2022 ซึ่งได้รับการประเมินสินทรัพย์ มูลค่าตลาด รายได้ และกำไร ณ วันที่ 22 เมษายน 2022 

<img class="alignnone size-full wp-image-63528" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/UPS.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 100

UPS 

ประเทศ: สหรัฐอเมริกา  

รายได้: 9.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 1.63 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone size-full wp-image-63530" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/A.P.-Moller-Maersk.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 159 

A.P. Moller-Maersk

ประเทศ: เดนมาร์ก  

รายได้: 6.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 5.14 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63531" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/FedEx-.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 162 

FedEx 

ประเทศ: สหรัฐอเมริกา  

รายได้: 9.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 5.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63532" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Deutsche-Post.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 162 

Deutsche Post

ประเทศ: เยอรมนี

รายได้: 9.66 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 5.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63540" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Union-Pacific.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 210 

Union Pacific

ประเทศ: สหรัฐอเมริกา  

รายได้: 2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 1.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63534" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/COSCO-Shipping.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 243 

COSCO Shipping

ประเทศ: จีน

รายได้: 5.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 2.58 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63535" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Daimler-Truck.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 323

Daimler Truck

ประเทศ: เยอรมนี

รายได้: 4.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 2.26 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63536" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/CSX.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 368

CSX

ประเทศ: สหรัฐอเมริกา 

รายได้: 1.31 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 7.53 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63537" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Canadian-National-Railway.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 402

Canadian National Railway 

ประเทศ: แคนาดา 

รายได้: 1.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 8.63 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-63538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Norfolk-Southern.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 438

Norfolk Southern

ประเทศ: สหรัฐอเมริกา 

รายได้: 1.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าตลาด: 6.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ The World’s Largest Transportation Companies 2022: UPS Passes FedEx For The Top Spot เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/14-บริษัทมหาชนไทย-global-2000.html">14 บริษัทมหาชนไทย จากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2022</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

10 บริษัทโลจิสติกส์ จากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2022

เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (FedEx Express, FedEx) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ที่สุดของโลก และอยู่ในเครือของ เฟดเอกซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) เผยผลวิจัยว่าผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางชี้ว่าได้รับประโยชน์จากการเติบโตของการส่งออกสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ โดยเป็นที่มาของรายได้กว่าสองในสาม ร้อยละ 68 และร้อยละ 47 ของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางต่างคาดการณ์ว่ารายได้ของพวกเขาที่มาจากการส่งออกภายในภูมิภาคน่าจะเติบโตได้ในระดับเฉลี่ยที่น่าพึงใจมากถึงร้อยละ 22  ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

“งานวิจัยเจาะลึกชิ้นนี้เผยให้เห็นว่า แม้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังประสบกับความท้าทาย ธุรกิจของเอสเอ็มอีในเอเชียแปซิฟิกยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้ ด้วยการเข้าไปจับตลาดอื่นๆ ในเอเชียเพื่อเพิ่มโอกาสการขยายตัวของธุรกิจ” Karen Reddington ประธาน บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวและเสริมว่า “สิ่งที่จะได้เห็นคือภาพรวมที่จะดีขึ้นในทางบวก โดยธุรกิจส่งออกระดับเอสเอ็มอีในภูมิภาคต่างก็วางแผนที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวคิดเศรษฐกิจยุคดิจิตอลมาปรับใช้ เพื่อช่วยรองรับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น หรือการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น”

<img style="width: 550px; height: 266px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7c386cf666bb8f7c381227215fda517c.jpg" alt="" />

e commerce ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโต เนื่องจากเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยผู้ส่งออกเอสเอ็มอีถึงร้อยละ 80 ของภูมิภาคนี้ได้มีการใช้อีคอมเมิร์ซเพื่อขายสินค้าและบริการของตนไปยังตลาดอื่นๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และร้อยละ 44 ในกลุ่มนี้เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากอีคอมเมิร์ซในช่วงอีก 12 เดือนข้างหน้า

ภายใต้แนวทางนี้ ทำให้เกิดการซื้อขาย e commerce ขึ้นมา 2 แบบคือ M commerce คือ การซื้อขายผ่านทางอุปกรณ์มือถือ และ Social commerce คือ การซื้อขายผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ในปัจจุบัน ร้อยละ 68 ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กกำลังขายสินค้าผ่านทางโมบายแอพพลิเคชั่นและร้อยละ 67 เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่น facebook โดยทั้ง M commerce และ Social commerce เป็นช่องทางที่ทำให้เกิดรายได้ของการส่งออกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและเล็กถึงร้อยละ 21 และ ร้อยละ 22 ตามลำดับ และเชื่อว่าทั้ง M commerce และ Social commerce ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตของรายได้ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เกือบครึ่งของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กคาดว่า M commerce (ร้อยละ 47) และ Social commerce (ร้อยละ 49) จะช่วยให้รายได้เพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในเอเชียแปซิฟิกจะยอมรับว่าเศรษฐกิจยุคดิจิตอลช่วยเปิดโอกาสให้พวกเขา แต่ก็ยังตระหนักด้วยว่าจะเป็นการปูทางไปสู่การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อันที่จริงแล้ว กว่าหนึ่งในสาม หรือร้อยละ 38 ของเอสเอ็มอีในเอเชียแปซิฟิกระบุว่า การแข่งขันในระดับสากลที่เพิ่มสูงขึ้นถือเป็นความท้าทายทางธุรกิจอันดับต้นๆ และในทางกลับกัน พวกเขาก็มองว่าเทคโนโลยีจะเป็นหนทางในการจัดการกับความท้าทายนี้ รวมถึงความท้าทายทางธุรกิจด้านอื่นๆ ด้วย โดยร้อยละ 37 กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจที่พวกเขากำลังประสบอยู่ และเกือบสองในสาม (ร้อยละ 65) เชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้พวกเขาสามารถส่งออกได้มากขึ้นในอนาคต

ธุรกิจเอสเอ็มอียังมองเห็นคุณค่าของห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสนองตอบตามความคาดหวังของลูกค้า ช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถชนะใจลูกค้ารวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ร้อยละ 91 ของเอสเอ็มอีในเอเชียแปซิฟิกเห็นพ้องว่าโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญในธุรกิจส่งออกของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่อีคอมเมิร์ซเป็นแรงผลักดันให้เกิดความต้องการในการส่งมอบที่รวดเร็วขึ้น โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในเอเชียแปซิฟิกที่มีการทำธุรกรรมผ่านทางอีคอมเมิร์ซเป็นจำนวนสูงถึงร้อยละ 66 ระบุว่า พวกเขายินดีที่จะจ่ายสูงกว่าเพื่อบริการขนส่งที่รวดเร็วกว่า

“งานวิจัยชิ้นนี้ตอกย้ำความเห็นที่เรามีมานานแล้วว่า สำหรับเอสเอ็มอีแล้ว เทคโนโลยีและโซลูชั่นส์การขนส่งมีส่วนช่วยให้สามารถต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่กว่า ทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กลงทุนในเทคโนโลยีมากขึ้นรวมถึงมองหาบริษัทเกี่ยวกับการขนส่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงช่วยให้สามารถเจาะตลาดใหม่ๆ ในต่างแดน และสุดท้าย ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของพวกเขาจะยังรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน” Karen กล่าวสรุป

งานศึกษาวิจัยอิสระในชื่อ “Global Trade in the Digital Economy: Opportunities for Small Businesses” ได้รับการจัดทำขึ้นโดย Harris Interactive ในนามของ FedEx เพื่อมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสการส่งออกในระดับสากล และความท้าทายต่างๆ ที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องประสบ งานวิจัยชิ้นนี้เสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2559 โดยเป็นการรวบรวมผลมาจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนทั้งสิ้น 9,000 คน จาก 17 ตลาด  ในพื้นที่สี่ภูมิภาคทั่วโลก

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4f1f7df8da4df773ba49a5dd9f2814f4.png" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events