Crypto Fashion Week มาถึงแล้ว และดีไซเนอร์ชื่อดัง Rebecca Minkoff ก็พร้อมเปิดตัวคอลเล็กชั่น NFT คอลเล็กชั่นที่ 2 ของแบรนด์เธอ แต่ครั้งนี้เสื้อผ้าที่คุณเห็นในจอจะอยู่แต่ในจอเท่านั้น

“คอลเล็กชั่นนี้จะไม่มีเสื้อผ้าในโลกจริง” Rebecca Minkoff ผู้ที่ทาง WWD รายงานว่าได้ขายแบรนด์แฟชั่นของเธอในกับ Sunrise Brands ในมูลค่าราวๆ 13 ถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กล่าวถึงคอลเล็กชั่นล่าสุดที่เปิดตัวใน Crypto Fashion Week

“ในทางกลับกัน เราให้ความสนใจกับลุคดิจิทัลเหนือจินตนาการที่ยังคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของทางแบรนด์อย่างเต็มรูปแบบ”

Minkoff ได้เปิดตัวลุคจากคอลเล็กชั่นใหม่นี้ 1 ลุคบนรันเวย์แบบดิจิทัลในงาน Crypto Fashion Week ซึ่งเริ่มไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา โดยคอลเล็กชั่นแบบเต็มรูปแบบจะเปิดให้เข้าชมได้บน The Dematerialised (DMAT) ตลาดออนไลน์สำหรับงาน NFT สายแฟชั่น โดยผู้ที่สนใจนอกจากจะสามารถชมดูคอลเล็กชั่นนี้ได้แล้ว ยังสามารถซื้อ และแต่งตัวอวทาร์ของพวกเขาได้อีกด้วย “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าคอลเล็กชั่นที่แล้ว” Minkoff กล่าว

ดีไซเนอร์สาววัย 41 คนนี้เปิดตัวแบรนด์ของเธอเมื่อปี 2005 โดยมี Uri พี่ชายของเธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้นั่งเก้าอี้ซีอีโอ เมื่อขายแบรนด์ให้กับ Sunrise แม้ Minkoff จะยังคงนั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ Uri ก็หันไปเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแทน

“ตอนนี้เรามีทรัพยากรที่จะลงทุนใน NFT ได้เต็มที่กว่าเดิม” เธอกล่าวถึงการเข้าซื้อของ Sunrise “ท้ายที่สุดแล้ว ฉันเห็นโลกซึ่งจะมีแผนกสำหรับสิ่งนี้ และเป็นอะไรที่เราสามารถให้ความสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวคอลเล็กชั่นแบบแยกหรือรวมกับแบรนด์”

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม Minkoff คาดว่า “NFTs จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของแบรนด์เรา เหมือนกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งกระเป๋าและ RTW มันจะกลายเป็นส่วนสำคัญของผลิตภัณฑ์ Rebecca Minkoff”

คอลเล็กชั่น NFT นี้ได้รับแรงบันดาลมากจาก dunamis ซึ่งเป็นแนวคิดปรัชญากรีกที่หมายถึงอำนาจและศักยภาพ คอลเล็กชั่น Dunamis นี้มีทั้งหมด 4 ลุคด้วยกัน นั่นก็คือ Athena, Venus, Aphrodite และ Persephone

คอลเล็กชั่นนี้ นอกจากจะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นเทพธิดากรีกแล้ว คอลเล็กชั่นนี้ยังแสดงถึงรากเหง้าความเป็นนิวยอร์กของทางแบรนด์ และสไตล์แบบ CBGB-gone-chic อันเป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ โดยในคอลเล็กชั่นที่นำความเป็นกรีกมาปนกับความเป็นชาวแมนฮัตตันนี้จะมีทั้งชุดเดรส เสื้อ กางเกงและกระโปรง รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย ซึ่งราคาจะอยู่ระหว่าง 100 ถึง 1400 เหรียญ นักช้อปสามารถซื้อชิ้นงาน NFTs เหล่านี้ได้ด้วยเงินคริปโตและสกุลเงินทั่วไป อีกทั้งทาง DMAT เองก็ไม่ได้ระบุว่าผู้ซื้อต้องมีกระเป๋าเงินคริปโตอีกด้วย ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงาน NFT เหล่านี้ได้

การออกแบบงานแฟชั่นแบบดิจิทัลนั่นเปี่ยมไปด้วยความอิสระ โดย Minkoff กล่าวว่า “เพราะว่าไม่มีกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ ดังนั้น น้ำหนักของเสื้อผ้า อย่างชุดราตรีที่ปกคลุมไปด้วยอัญมณีซึ่งอาจหนักเป็นร้อยๆ ปอนด์ในโลกจริงก็กลับสามารถเป็นไปได้ในโลกเสมือนจริง เมื่อเรามีโอกาสที่จะจินตนาการได้ เราก็พูดกันว่า ‘ทำไมไม่สนุกกันหน่อย นี่คือแฟนตาซี ไม่มีกฎเกณฑ์ มาเล่นและผจญภัยกัน’”

ในฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว ก่อนที่เธอจะขายแบรนด์ให้กับทาง Sunrise ดีไซน์เนอร์สาว Minkoff ก็ได้กลายเป็นผู้บุกเบิกโลก NFT แห่งแฟชั่นเมื่อเธอเปิดตัวคอลเล็กชั่นแบบดิจิทัลไปในงาน New York Fashion Week

คอลเล็กชั่น Fall/Winter ได้เปิดตัวไปที่ Spring Studios ซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานต่างๆ ใน NYFW พร้อมกับสตรีมรูปที่ช่างภาพอย่าง Cass Bird เป็นผู้ถ่ายไปพร้อมๆ กัน โดยรูปแต่ละรูปมี QR โค้ดพิเศษที่ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปร่วมประมูลแบบเรียลไทม์ได้

NFTs คอลเล็กชั่นแรกซึ่งสนนราคาอยู่ที่ราวๆ 60 ถึง 600 เหรียญนี้ขายหมดเกลี้ยงภายใน 9 นาที ทาง Minkoff ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายได้ทั้งหมดจากการขายในครั้งนั้น “เราไม่ได้คาดหวังไว้เลย แต่นี้เป็นตัวยืนยันว่าโลก Metaverse มีความต้องการสินค้าลักชัวรีที่เข้าถึงได้ง่ายอยู่เยอะ และทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่าระหว่างความหายากและโอกาสนั้นมีเส้นบางๆ กั้นอยู่” เธอกล่าว “และให้หนทางที่นักสะสมจะสามารถขายต่อโดยสร้างกำไรได้”

นอกจากนี้ Minkoff ยังเชื่อว่า NFT “จะเปลี่ยนวงการแฟชั่นทั้งวงการไปในทางที่เราคาดไม่ถึง”

“นี้จะส่งผลกระทบไปยังคลังสินค้า และราคาเสื้อผ้า” เธอกล่าว “และนี่จะก่อให้เกิดอะไรขึ้นกับปัญหาด้านซัพพลาย หรือมูลค่าของสิ่งที่จับต้องได้บ้างนะ” สำหรับผู้ซื้อแล้ว เธอมองว่าชุดเดรสแบบ NFT นี้นอกจากจะสามารถใช้แต่งตัวอวทาร์ของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้แต่งตัวเราเองในอินสตาแกรมแบบทันทีได้อีกด้วย

การเปิดตัวในงาน CFW ของ Minkoff แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของดีไซเนอร์คนนี้ในการเข้าหากลุ่มลุกค้า Gen Z ที่ยังคงมีอยู่อย่างไม่ขาดสาย และเพื่อที่จะตอกย้ำเป้าหมายนี้ งาน NFT ครั้งต่อไปของเธอจะเปิดตัวในแพลตฟอร์ม Metaverse อย่าง Roblox และจะเดินหน้าจัดงานอี-สปอร์ตใน High Heel Obby ฐานหนึ่งใน Roblox อันเต็มไปด้วยอุปสรรคที่สามารถดึงดูดผู้เล่นได้กว่า 10 ล้านคนต่อเดือน

นอกจากนี้ เมื่อคุณซื้อชิ้นงาน NFTs ผ่าน DMAT คุณก็จะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกโลก Metaverse ของ Rebecca Minkoff และสามารถเข้าถึงอีเวนท์งานอี-สปอร์ตบนแพลตฟอร์ม Roblox ในวันที่ 25 มีนาคมนี้ได้อีกด้วย โดยในงานอี-สปอร์ต

ในฐานเกม High Heel Obby นี้ ทั้งผู้เป็นเข้าของชิ้นงาน NFT และผู้เล่น Roblox สามารถแข่งกันสร้างสรรค์ลุคต่างๆ จากผลงานของ Minkoff เพื่อลุ้นรางวัลจากทางแบรนด์ได้

แม้ว่าตอนนี้เธอจะยุ่งอยู่กับการเอาใจคนรุ่นใหม่ผ่าน Web3 แต่ Minkoff ก็จะหันกลับไปดูกลยุทธ์หน้าร้านซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายปี 2023 ของเธอในเร็วๆ นี้ “เมื่อเรากลับไปดูหน้าร้านแบบ brick-and-mortar เราคิดทบทวนอย่างรอบคอบว่าหน้าตามันจะเป็นเช่นไรบ้าง แต่มันต้องมี NFT เป็นส่วนเสริมอยู่ด้วย” นอกจากนี้ เธอยังวางแผนที่จะกลับไปจัดโชว์ New York Fashion Week ในฤดูใบไม้ร่วงนี้อีกด้วย

ท้ายสุดแล้ว Minkoff ไม่มีแผนที่จะทิ้งกลุ่มลูกค้าสาวๆ ชาว Millennial ที่อยู่กับเธอมานมนาน โดยสาวๆ เหล่านี้ได้ตกหลุมรักกระเป๋า Morning After และเสื้อยืด I Love New York เมื่อ 16 ปีที่แล้ว “มันคือหน้าที่ของเราในการให้ความรู้กับลูกค้าที่ซื้องาน NFT จากเรา และไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับชิ้นงานนั้นดี ในขณะที่ก็ขยายฐานลูกค้าที่มีความรู้ด้านนี้อยู่แล้วไปเรื่อยๆ” เธอกล่าว “มันคือการให้พวกเขาได้รบรู้ถึงซึ่งการมีอยู่ของมันในโลก Metaverse ในขณะที่จูงมือพาลูกค้าของเราเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน นี่เป็นการที่เรากำลังเดินเรือไปใน 2 โลกพร้อมๆ กัน และหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถเชื่อม 2 โลกนี้เข้าด้วยกันได้”

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Rebecca Minkoff Goes Back To The Metaverse With An NFT Collection For Crypto Fashion Week เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: HermesFit เพราะการออกกำลังกายสง่างามได้เสมอ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine