<h2>Chivas Regal สก็อตช์วิสกี้ชั้นนำระดับโลก จัดงาน Chivas The Venture ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ดำเนินธุรกิจโดยคิดถึงผลกำไรควบคู่กับการช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น</h2>
โดยคณะกรรมการทั้ง 5 คน ประกอบด้วย Quentin Job กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร Chivas Regal ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด เรืองโรจน์ พูนผล หนึ่งในคณะผู้บริหาร 500 TukTuks และ อาชว์ วงศ์จินดาเวทย์ ผู้ก่อตั้งกิจการ Socialgiver และผู้ชนะแคมเปญ Chivas The Venture ปีที่ 1 ร่วมกันคัดเลือกนักธุรกิจที่ดำเนินโครงการเพื่อสังคมจาก 41 ทีม ให้เหลือ 4 ทีม เพื่อรับเงินรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้เข้าอบรมที่ Oxford ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายกับนักธุรกิจเพื่อสังคมจากทั่วทุกมุมโลกที่ Los Angeles สหรัฐอเมริกา ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปีนี้ ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ Chivas The Venture ปี 3 พร้อมเงินทุน 1 ล้านบาท ได้แก่ ปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ จาก สยามออร์กานิก ซึ่งก่อตั้งธุรกิจด้วยจุดประสงค์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร จนพบสายพันธุ์ข้าวแจสเบอร์รี่ และส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยได้ปลูก พร้อมพัฒนารูปลักษณ์ให้ทันสมัยและส่งออกจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมเงินทุน 250,000 บาท ได้แก่ วลัยพรรณ ฉันทร์มิตรกุล จาก ZeekDoc เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่เป็นช่องทางนัดแพทย์เฉพาะทาง ช่วยให้คนไข้สามารถหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในระยะเวลารวดเร็ว

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินทุน 150,000 บาท ได้แก่ อรพินท์ สินอมรเวช จาก Kokoboard ซึ่งนำผลผลิตทางการเกษตร เช่น เปลือกมะพร้าว มาผลิตเป็นแผ่นวัสดุตกแต่งภายใน

และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 พร้อมเงินทุน 100,000 บาท ได้แก่ วัฒนพงศ์ ทองสร้อย จาก ThaiBiomass กระตุ้นให้ชุมชนสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุ

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/403d2ec0418d3f4c543fcae478dc5d1c.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1ebb7ded4d8ec795f9182a7c8a26aba3.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/213a66c66fe088eb603a11c4b35afe1e.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9ec4f82dac681e5a8e33678349be2b70.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 397px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ec6f1951b8b4ec123e6c6fe25cd2596f.png" alt="" />

“สยามออร์แกนิก” คว้า 1 ล้านบาท จาก Chivas The Venture ปี 3 พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยชิงชัยระดับโลก

เรื่อง: สุทธาสินี จิตรกรรมไทย / ภาพ: Pernod Ricard

สิ่งที่ Forbes Life บอกคุณไม่เกินความจริงเลยสักนิด เพราะด้วยทำเลซึ่งตั้งอยู่บนตึกสูงกว่า 60 ชั้นนี่เอง ทำให้แชมเปญบาร์แห่งนี้ครองตำแหน่งดังกล่าวไปโดยปริยาย ที่นั่นคุณสามารถชื่นชมทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพฯ แบบมุมสูง พร้อมดื่มด่ำความงามยามค่ำคืนของมหานครแห่งนี้ ที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ และแน่นอนว่ายังได้จิบแชมเปญรสเลิศจาก Perrier-Jouët

ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับเพรสทีจในกลุ่ม Pernod Ricard ส่งตรงจากแคว้น Champagne ทั้ง Perrier-Jouët Grand Brut, Perrier-Jouët Belle Epoque และ Perrier-Jouët Blason Rosé มาให้ได้สัมผัสรสชาตินุ่มละมุน

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-04.png" alt="" />
Thibaut de Poutier de Sone

ในวันที่เราไปเยือน Flûte-A Perrier-Jouët Bar เป็นจังหวะเดียวกับที่ Thibaut de Poutier de Sone ผู้เป็น Executive VP On-Trade &amp; Luxury Development ของ Pernod Ricard เดินทางมาเยือนเมืองไทยพอดี เราจึงมีโอกาสสนทนากับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีแบรนด์ทั้งสุรา ไวน์ แชมเปญ คอนญัก วิสกี้ วอดก้า ฯลฯ

อยู่ในความดูแลรวมแล้วถึง 37 แบรนด์ เช่น Chivas Regal, Absolut Vodka Jameson, Martell ฯลฯ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์การดื่มของคนทุกกลุ่ม

หากมองในภาพรวมทั่วโลก Pernod Ricard คือเบอร์ 2 ในตลาดไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าจำเพาะเจาะจงไปที่ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมและเพรสทีจแล้ว แน่นอนว่า Pernod Ricardยังคงครองบัลลังก์อย่างเหนียวแน่น

โดยที่ในปีงบประมาณ 2014/2015 นั้น Pernod Ricard มียอดขายรวม 8,558 ล้านยูโร และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจสูงถึง 2,238 ล้านยูโร Thibaut de Poutier de Sone เล่าให้ Forbes Life ฟังถึงความคึกคักของตลาดลักชัวรี่ในปี 2015

จากการวิจัยของ Bain &amp; Company ตลาดลักชัวรี่ มีมูลค่ารวมราว 1,044 พันล้านยูโร กระโดดจากปี 2014 ประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ สินค้าที่มาแรงที่สุดในตลาดลักชัวรี่คือรถยนต์ที่ครองสัดส่วนมูลค่า 405 พันล้านยูโร รองลงมาคือสินค้าหรูทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ฯลฯ

ซึ่งมีมูลค่า 253 พันล้านยูโร ตามด้วยโรงแรมที่มีมูลค่าประมาณ 176 พันล้านยูโร ส่วนไวน์และสุราอยู่ที่ 64 พันล้านยูโร ในมุมมองของผู้บริหารหนุ่มคนนี้เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดลักชัวรี่เติบโตก็คือ จำนวนนักท่อง-เที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนของผู้คนที่มีกำลังซื้อสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

เพื่อรั้งตำแหน่งเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมและเพรสทีจ รวมทั้งเจาะกลุ่มผู้ที่ Thibaut de Poutier de Sone เรียกว่า High-Net-Worth Individuals (HNWIs) หรือผู้ที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป

ซึ่งขณะนี้มีกว่า 14 ล้านคนทั่วโลก และเติบโตขึ้นราว 7 เปอร์เซ็นต์ทุกปี ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อถึงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ในตลาดลักชัวรี่ Pernod Ricard จึงมีกลยุทธ์ Le Cercle จัดพอร์ตแบรนด์หรูที่มีประวัติความเป็นมาร่วมร้อยปีและสั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน เช่น Royal Salute, Martell, The Glenlivet, Perrier-Jouët ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเครื่องดื่มชั้นสูงของคนกลุ่มนี้

โดยเฉพาะ เราจึงได้เห็น Flûte-A Perrier-Jouët Bar ในเมืองไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มี HNWIs อยู่มากกว่า 8 หมื่นคน ไม่เพียงแค่จัดพอร์ตแบรนด์ชั้นเยี่ยม แต่ Pernod Ricard ยังจัดทีมผู้บริหารระดับสูง (แน่นอนว่าต้องรวมบุคคลที่เรากำลังสนทนาอยู่ขณะนี้เข้าไปด้วย) และพนักงานเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ รวมถึงทำความเข้าใจการใช้ชีวิตและความชอบของกลุ่ม HNWIs

“เพราะนอกจากโรงแรมหรือบาร์ชื่อดังที่พวกเขานิยมไปแฮงก์เอ๊าต์กันแล้ว ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เอ็กซ์คลูซีฟจริงๆ ที่พวกเขาจะเลือกไปใช้เวลาพักผ่อนหรือกินดื่มด้วยกัน ทีมงานของเราจึงต้องรู้จักการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อจะได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการชั้นยอดออกมา” ผู้บริหารหนุ่มอธิบาย ขณะเดียวกันก็เจาะกลุ่มลูกค้าผู้จัดอยู่ในระดับมั่งคั่งที่มีอยู่ราว 140 ล้านคนทั่วโลกอีกด้วย

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-03.png" alt="" data-wp-editing="1" />
Patrick Castanier

สำหรับเมืองไทย Patrick Castanier คือบุคคลผู้รับบทหัวเรือใหญ่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2013 เขาสร้างชื่อ Pernod Ricard และแบรนด์ต่างๆ ในกลุ่มให้ครองใจคนไทยได้มากขึ้น เช่น การจัดอีเวนต์ร่วมกับโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำของเมืองไทยหลายแห่ง หรือเป็นพันธมิตรร่วมกับองค์กรต่างๆ

หลังจากเราพบเขาหลายครั้ง ทั้งในงาน Forbe24s Thailand Forum และโครงการ “The Venture” ของ Chivas Regal ที่เฟ้นหานักธุรกิจผู้มีแนวคิดช่วยเหลือสังคมแล้ว ต้องยอมรับว่า Patrick Castanier คือผู้บริหารมากความสามารถคนหนึ่งทีเดียว

ท่ามกลางกระแสการแข่งขันอันเชี่ยวกรากในธุรกิจลักชัวรี่ แต่ Pernod Ricard กลับไม่เร่งรีบขยายตลาด “เราต้องการจะเป็นองค์กรที่เติบโตไปทีละก้าวอย่างมั่นคงครับ” คือคำอธิบายทิ้งท้ายของ Thibaut de Poutier de Sone

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new.png" alt="" />

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-02.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/i44sOM">คลิ๊กอ่านทุกเรื่องราวของความมีรสนิยมได้ที่ ForbesLife Thailand ฉบับ MARCH 2016 ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/i44sOM"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%20march/FL_005-1-re.jpg" alt="" width="347" height="415" /></a>

Into “Le Cercle”with Pernod Ricard

หลังจากประสบความสำเร็จในการเฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่แนวคิดสร้างสรรค์ช่วยเหลือสังคมไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้ Chivas Regal เดินหน้าโครงการ The Venture ปี 2 ซึ่งผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย จะมีสิทธิเป็นเข้าร่วมชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ 
&nbsp; 
Patrick Castanier กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโครงการ The Venture ปี 2 ว่า ต้องการให้เป็นหนึ่งในโครงการที่ผลักดันให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และนักธุรกิจทุกคนสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนดังกล่าวได้ 
 
ส่วน อลิสา นภาทิวาอำนวย ผู้ก่อตั้ง Socialgiver ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศโครงการ The Venture ปี 1 ด้วยแนวคิดทำให้พื้นที่ออนไลน์กลายเป็นสถานที่ที่รวมการช็อปปิ้งและการช่วยเหลือสังคมเข้าไว้ด้วยกัน บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการเป็นตัวแทนประเทศไทย เดินทางไปประกวดโครงการ The Venture ที่สหรัฐอเมริกา ว่า ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ของโครงการ ได้รับคำแนะนำที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจที่ทำอยู่ได้ และได้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้ชนะเลิศในโครงการ The Venture ของแต่ละประเทศ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ 
&nbsp; 
ภายในงาน ยังเปิดตัวคณะกรรมการ The Venture ปี 2 ซึ่งมาจากหลากหลายสาขา ได้แก่ 
<ul>
	<li>
		Patrick Castanier กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด</li>
	<li>
		กฤษฎา สวามิภักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิตยสาร Forbes Thailand</li>
	<li>
		Alex Mavro ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการความยั่งยืนแห่งศศินทร์</li>
	<li>
		อาชว์ วงศ์จินดาเวศย์ ผู้ก่อตั้ง Socialgiver</li>
	<li>
		พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด</li>
	<li>
		Soushiant Zanganehpour ผู้เขียนหนังสือ Redefining Success in a Changing World</li>
</ul>
กรรมการทั้ง 6 จะเป็นผู้คัดเลือกนักธุรกิจที่มีโครงการธุรกิจเพื่อสังคมที่โดดเด่น จำนวน 5 ทีม จากผู้สมัครทั้งหมดที่จะได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวมถึง 3 ล้านบาทจาก Chivas Regal ประเทศไทย และเฟ้นหาผู้ชนะเลิศเพียง 1 ทีม เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมโครงการ The Venture ปี 2 ซึ่งปีนี้จะมีกว่า 28 ประเทศเข้าร่วม ผู้ชนะแต่ละประเทศจะได้รับคำแนะนำจากนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และแข่งขันชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญ 
 
ติดตามรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการ The Venture ปี 2 ได้ที่ <a href="http://www.theventure.com/th">www.theventure.com/th</a> ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 1 ธันวาคม นี้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events