XM_Banner_NOV_2024

สิ้นสุดการรอคอย เมื่อความคลาสสิกของเรือนเวลาระดับตำนานจากคอลเลกชัน Calatrava อันโด่งดังของ Patek Philippe ถูกนำกลับมารังสรรค์อีกครั้ง โดยผลงานคอลเลกชันนี้ ยิ่งใหญ่สมการรอคอยของเหล่า    นักสะสมและผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาอย่างแน่นอน เพราะคอลเลกชัน Calatrava “Clous De Paris” Ref. 6119 ไม่เพียงนำความงามบริสุทธิ์ที่เป็นตำนานกลับมาอวดโฉม แต่ยังได้รับการถ่ายทอดอย่างร่วมสมัย

ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกาลเวลา

หนึ่งในเอกลักษณ์ที่ทำให้ Calatrava เป็นคอลเลกชันที่ตรึงใจนักสะสมนาฬิกาทั่วโลกไม่เสื่อมคลาย คือ ขอบตัวเรือนแกะสลักลวดลายหัวตะปูด้วยเทคนิคกีโยเช่ (หรือ Hobnail Pattern Guilloché) ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Patek Philippe ที่มิอาจลอกเลียนแบบได้ นับตั้งแต่คอลเลกชั่น Calatrava เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 1932 โดยมีนาฬิการุ่นแรก คือ Ref. 96 ที่มีขนาดตัวเรือน 31 มิลลิเมตร หนา 9 มิลลิเมตร อาศัยกลไกแบบไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 12-120 งามสง่าด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย จนกลายเป็นต้นแบบ ให้กับนาฬิกาข้อมือรูปทรงกลมคลาสสิกอีกมากมาย

นับตั้งแต่อดีตเรือนเวลาในคอลเลกชัน Calatrava ล้วนเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความประณีตสูงสุด เปี่ยมไปด้วยความสง่างามเป็นเลิศ ตามแบบฉบับของ Patek Philippe จนเป็นที่ตั้งตารอในหมู่คนรักนาฬิกาเสมอมา

<figure><img class="wp-image-45280 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/on.jpg" alt="" width="368" height="480" /><figcaption> Ref. 6119 R-001</figcaption></figure>

เช่นเดียวกับคอลเลกชันล่าสุด อย่าง Calatrava ‘Clous de Paris’ Ref. 6119 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เพราะครั้งนี้ Patek Philippe เลือกนำผลงานรุ่น Ref. 3919 “Clous de Paris” อันโด่งดังที่มาพร้อมกลไกแบบไขลานด้วยมือคาลิเบอร์ 215 PS บรรจุหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีหน้าปัดสีขาว พร้อมทั้งตัวเลขโรมันเคลือบแลคเกอร์สีดำและหูตัวเรือนแบบตรง กลับมาอีกครั้งหลังเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ.1985 ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่โด่งดังและยอดนิยมสูงสุดในโลกแห่งเครื่องบอกเวลา มีการผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี โดยในคอลเลกชันล่าสุดนี้ ประกอบด้วย 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น Ref. 6119 R-001 และ รุ่น Ref. 6119 G-001

<img class="size-full wp-image-45389 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="size-full wp-image-45390 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n2.jpg" alt="" width="720" height="480" />

เหตุผลที่ทางแบรนด์เลือกนำหมายเลขอ้างอิง (Ref.) 6119 มาใช้ก็เพื่อระลึกถึงเรื่องราวของนาฬิกาในตำนานอย่างรุ่น Ref. 3919 และ รุ่น Ref. 5119 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งเป็นการนำ Ref. 3919 มาตีความใหม่ โดยออกแบบให้มีตัวเรือนขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เป็น 36 มิลลิเมตร แต่ยังคงขับเคลื่อนด้วยกลไกแบบ    ไขลานด้วยมือคาลิเบอร์ 215 PS และหูตัวเรือนแบบตรง

ความละเมียดละไมในเรือนเวลา

มาถึงปี 2021 นาฬิการุ่นล่าสุดนี้ ได้รับการตีความใหม่อีกครั้ง เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่างเฉพาะตัวขึ้น เริ่มตั้งแต่การเพิ่มขนาดตัวเรือนให้ใหญ่ขึ้นเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 39 มิลลิเมตร ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรสนิยมและความชื่นชอบของผู้สวมใส่ในปัจจุบัน พร้อมกับมอบความสง่างามอย่างไร้ที่ติผ่านตัวเรือนที่หรูหรา งดงาม และเพรียวบางยิ่งขึ้น ด้วยขอบหน้าปัด Clous De Paris แบบ 2 แถว สะท้อนความโดดเด่นใน 2 รูป สำหรับรุ่น Ref. 6119 R-001 ตัวเรือนใช้วัสดุโรสโกลด์ รับกับหน้าปัดสีเงิน (Silvery grained) หลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลาเป็นโรสโกลด์ ประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลช็อกโกแลต  เงาวาว เช่นเดียวกับตัวเกี่ยวสายแบบหัวเข็มขัด ทำจากโรสโกลด์เช่นกัน

<img class="size-full wp-image-45391 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n3.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="size-full wp-image-45392 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n4.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ส่วนรุ่น Ref. 6119 G-001 ตัวเรือนใช้วัสดุไวท์โกลด์ เล่นมิติอย่างลุ่มลึกกับแสงสะท้อนบนหน้าปัดสีเทา    ชาร์โคล (Charcoal gray) ตัดกันได้อย่างดึงดูดใจกับงานขัดแบบด้านในแนวตั้ง และหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีลายก้นหอย ตกแต่งด้วยหลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลาทำจากวัสดุชนิดเดียวกันกับตัวเรือน จับคู่มากับสายหนังจระเข้สีดำเงาวาว พร้อมด้วยตัวเกี่ยวสายแบบหัวเข็มขัดทำจากไวท์โกลด์

<img class="size-full wp-image-45393 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n5.jpg" alt="" width="343" height="480" />

<img class="size-full wp-image-45394 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/n6.jpg" alt="" width="326" height="480" />

ในส่วนของกลไกที่อยู่ใน Calatrava ‘Clous de Paris’ Ref. 6119 ทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวน 169 ชิ้น อาศัยกลไกแบบไขลานด้วยมือชุดใหม่ทั้งหมดที่ Patek Philippe ภูมิใจเสนอ เพราะเป็นผลงานที่ทีมวิศวกรและนักออกแบบของโรงงานร่วมกันพัฒนาจนสำเร็จ ออกมาเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง        คาลิเบอร์ 30-255 PS

<img class="size-full wp-image-45306 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/fi.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ที่น่าสนใจคือ แม้กลไกไขลานชุดใหม่ จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยรวมอยู่ที่ 31 มิลลิเมตร ซึ่งใหญ่กว่า คาลิเบอร์ 215 PS ที่ Patek Philippe ใช้มาหลายปี ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 21.9 มิลลิเมตร แต่ด้วยนวัตกรรมของ Patek Philippe ทำให้ยังสามารถรักษาความหนาไว้ได้เท่าเดิม คือ อยู่ที่ 2.55 มิลลิเมตรได้ มอบความถี่ได้ถึง 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง (4 เฮิรตซ์) และยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 65 ชั่วโมง หรือ เกือบ 3 วัน

ความพิเศษของนาฬิกาอันทรงคุณค่านี้ ยังมาพร้อมฟังก์ชันหยุดเข็มวินาที ขณะดึงเม็ดมะยมขึ้น ทำให้สามารถปรับตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำ รักษามาตรฐานเรื่องความเที่ยวตรงไว้ได้อย่างไร้ที่ติ ในส่วนฝาหลังของนาฬิกาทั้งสองรุ่นออกแบบให้เป็นกระจกซัฟไฟร์ จึงเผยให้เห็นสะพานจักรรูปทรงสง่างามถึง 6 ตัวที่ล้วนผ่านการตกแต่งด้วยลายคลื่น สามารถกันน้ำลึก 30 เมตร ประกอบด้วยระบบ Gyromax Balance และ Spiromac Balance Spring และผ่านการทดสอบการทำงานตามมาตรฐานของ Patek Philippe Seal

คอลเลกชัน Calatrava ‘Clous de Paris’ Ref. 6119 ทั้ง 2 รุ่น พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ว โดยสนนราคาอยู่ที่ 908,300 บาทเท่ากัน

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events