<h2>แม้ว่า NCSoft จะผลิตเกมดังเจาะตลาดบ้านเกิดในเอเชียได้มากมาย แต่ความพยายามขยายตลาดสู่สหรัฐฯ กลับไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทได้มอบหมายหน้าที่หัวเรือใหญ่ให้กับภรรยา</h2>
NCSoft สตาร์ทอัพหน้าใหม่ในปี 1998 ได้เปิดตัววิดีโอเกม Lineage ที่เกาหลีใต้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกมนี้สามารถสร้างรายได้กว่า 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 330 ล้านเหรียญในปี 2016 แม้มันจะเผยโฉมสู่ตลาดครั้งแรกมาได้ 18 ปีแล้ว

สองทศวรรษหลังจากที่ NCSoft ก่อตั้งขึ้นที่เกาหลีใต้ บริษัทแห่งนี้ทะยานเกาะกลุ่มบริษัทเกมรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยประสบความสำเร็จในการปล่อยเกมฮิตออกมามากมาย อย่างไรก็ตาม หลังข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังอีกซีกโลกหนึ่งกลับแทบจะไม่มีใครรู้จักพวกเขาเลย แม้แต่ Lineage ก็ไม่โดนใจคอเกมชาวตะวันตกเอาเสียเลย

Kim Taek-Jin มหาเศรษฐีพันล้านผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอแห่ง NCSoft มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของบริษัทให้ได้ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา NCSoft ได้สร้างสตูดิโอเกมแห่งใหม่ใน California โดยมีเป้าหมายเป็นกลยุทธ์เจาะตลาดอุปกรณ์ไร้สายที่มีความเสี่ยงไม่น้อย

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bde5b7f4731ffef21e6a0edbde180ac8.png" alt="" width="340" height="340" /><figcaption> Kim Taek-Jin ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ NCSoft บริษัทผู้พัฒนาเกม Lineage ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงมาตลอด 18 ปีหลังจากออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก</figcaption></figure>

Kim ตั้งใจที่จะขยายฐานผลงานของ NCSoft หลังจากที่เขาเคยดึงครอบครัวเข้ามาเดิมพันในโครงการนี้มาแล้ว นั่นคือการมอบหมายให้ Yoon Songyee ซึ่งเป็นภรรยาของเขา พร้อมด้วยลูกๆ ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ California เมื่อปี 2014 เพื่อรับหน้าที่บริหารบริษัทย่อยในสหรัฐฯ ส่วนที่เกาหลีนั้น Yoon ได้รับฉายาว่า “สาวน้อยอัจฉริยะ” เนื่องจากเธอจบการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาประสาทวิทยาศาสตร์เชิงคำนวณจาก MIT ในวัยเพียง 24 ปีเมื่อปี 2000 จากนั้นก็ใช้เวลาไม่นานสร้างผลงานจนเป็นใหญ่เป็นโตที่ McKinsey &amp; Co. และ SK Telecom ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการระบบไร้สายใน Seoul ต่อมาในปี 2007 เธอก็แต่งงานกับ Kim ก่อนจะย้ายมาร่วมงานกับสามีที่ NCSoft ในอีก 1 ปีให้หลัง

“เราจับตามองตลาดฝั่งตะวันตกกันมานานแล้ว เพราะเป็นตลาดที่สำคัญต่อเรามากๆ” Yoon ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCSoft West กล่าว “เราขยายธุรกิจไปได้อย่างกว้างขวางทั้งในเอเชียและเกาหลีใต้ แต่นั่นยังไม่พอค่ะ เราต้องการขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก”

Kim ก่อตั้ง NCSoft ขึ้นมาเมื่อเดือนมีนาคม 1997 ซึ่งตอนนั้นเขายังคงเป็นวิศวกรหนุ่มในวัย 30 ปี ทำงานให้กับแผนก R&amp;D ของ Hyundai Electronics ในตอนแรกนั้น NCSoft ถือกำเนิดขึ้นเป็นบริษัทบูรณาการระบบ แต่ Kim กับพนักงานคนสำคัญๆ หลายรายต่างก็เป็นนักเล่นเกมตัวยง ไม่นานนักจึงค้นพบว่า พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้อันกว้างขวางที่มีอยู่ในการสร้างสรรค์วิดีโอเกมที่ผู้เล่นจำนวนมากสามารถเล่นไปพร้อมๆ กันได้

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a803d2f2026e96c7fdea460271abfd30.png" alt="" width="680" height="396" /><figcaption> Lineage ซีรีส์เกมสไตล์ MMORPG เมื่อปี 2016 เกมนี้ยังคงทำรายได้สูงถึง 330 ล้านเหรียญ (ขอบคุณภาพจาก: gamemonday.com)</figcaption></figure>

พอถึงเดือนกันยายน ปี 1998 NCSoft ก็เปิดตัว Lineage ซึ่งเป็นเกมสไตล์ MMORPG (เกมออนไลน์เพื่อให้ผู้เล่นจำนวนมากได้แสดงบทบาทสมมติ) แรกๆ ของเกาหลี โดยผู้เล่นจะได้ต่อสู้ พร้อมๆ กับสำรวจเส้นทางในฉากแฟนตาซียุคกลาง เกมนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง เพียง 3 ปีหลังจากเปิดตัวก็มีผู้สมัครสมาชิกถึง 3 ล้านคน แต่ละคนจ่ายค่าสมาชิกราวเดือนละ 25 เหรียญ

ไม่นานนัก Kim ก็ต้องการขยายฐานความสำเร็จดังกล่าวสู่อเมริกา ในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 บริษัทจึงเปิดตัว NCSoft Interactive ขึ้นเป็นบริษัทย่อยใน Austin รัฐ Texas จากนั้นเพียงปีเศษๆ พวกเขาก็เปิดตัว Lineage ภาคภาษาอังกฤษเจาะตลาดทวีปอเมริกาเหนือ แต่คอเกมชาวตะวันตกกลับไม่ได้ให้ความสนใจมาก เนื่องจากเกมนี้สร้างขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวเอเชียที่ชอบเล่นเกมกับกลุ่มเพื่อนตามร้านอินเทอร์เน็ตที่มีคอมพิวเตอร์สมรรถนะไม่สูงนัก ขณะที่ชาวอเมริกันนิยมอยู่บ้านเล่นเกมเพียงลำพัง โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ล่าสุด พวกเขาจึงมองว่าเกมนี้เล่นยาก ซ้ำซากจำเจ และยังเชยอีกด้วย

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e633c61b9cbc7cdffd1778df199ae137.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> Guild Wars หนึ่งในเกมฮิตจำนวนไม่มากของ NCSoft ในฝั่งตะวันตก</figcaption></figure>

แม้ว่า Lineage จะเปิดตัวในสหรัฐฯ ได้ไม่สวย แต่ NCSoft ก็ไม่ยอมแพ้ ในปี 2001 บริษัทเข้าซื้อกิจการ Destination Games ซึ่งอยู่ใน Austin เช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีเกมที่ติดตลาดออกมา จนปี 2002 NCSoft เข้าซื้อ ArenaNet บริษัทผู้พัฒนาเกมใน Seattle สัญญาในครั้งนี้เป็นไปได้สวยกว่าเดิม โดยเกม Guild Wars ปี 2005 ของ ArenaNet ยังคงเกาะกลุ่มเกมฮิตเพียงไม่กี่เกมของ NCSoft ในฝั่งตะวันตก

เมื่อย้อนกลับไปที่เกาหลีจะพบว่า กิจการของ NCSoft ยังคงรุ่งเรือง ในปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานกว่า 3,000 คน บริหารเกม MMORPG จนประสบความสำเร็จถึง 7 รายการ มียอดขายทั่วโลกกว่า 860 ล้านเหรียญเมื่อปี 2016 แต่ในสหรัฐฯ กลับไม่เป็นเช่นนั้น

หาก NCSoft ต้องการจะแก้ปัญหาดังกล่าว หน้าที่นี้จะตกเป็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาวน้อยอัจฉริยะแห่ง NCSoft West ผู้ได้รับการแต่งตั้งเมื่อปี 2011

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/da373aa7a7dc219c818fc58bedbafdf3.png" alt="" width="680" height="623" /><figcaption> Yoon Songyee สาวน้อยอัจฉริยะ แม่ทัพของ NCSoft West</figcaption></figure>

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2015 Yoon เปิดตัว Iron Tiger Studios หน่วยธุรกิจใหม่ด้านเกมทางโทรศัพท์มือถือ ตั้งอยู่ที่ San Mateo ใน California ก่อนหน้านี้ NCSoft เคยจับธุรกิจเกมทางมือถือมาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือเกมขนาดใหญ่ มีความซับซ้อน ซึ่งแตกต่างไปจากเกมเล็กๆ ราคาย่อมเยาในโทรศัพท์มือถือ

เท่ากับว่าเธอกำลังดำเนินกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงพอสมควร บริษัทเกมหลายแห่งในสหรัฐฯ เคยลองผลักดันผลิตภัณฑ์ตัวเองเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือและล้มเหลวกันมาแล้วทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม Newzoo บริษัทวิจัยการตลาดประเมินว่าในตลาดเกมทั่วโลกที่มีมูลค่ารวมกัน 1 แสนล้านเหรียญนั้น เกมบนอุปกรณ์ไร้สายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด โดยคาดว่ารายได้ในธุรกิจนี้จะพุ่งทะยานถึง 19% มาแตะ 4.61 หมื่นล้านเหรียญในปี 2017

NCSoft ขยายกิจการของ Iron Tiger อย่างรวดเร็ว อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคาดว่า NCSoft จะได้เปิดตัวเกมทางโทรศัพท์มือถือเกมแรกในสหรัฐฯ คือ Aion: Legions of War ขณะเดียวกัน NCSoft West อยู่ระหว่างปรับปรุงเกมสัญชาติเกาหลีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเป็นตะวันตกมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงแปลภาษาเท่านั้น แต่ยังปรับแต่งงานศิลปะในเกมให้เป็นสไตล์ตะวันตก

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6db384a8b602822d48eeb2820fd6c7b0.png" alt="" width="680" height="383" /><figcaption> Blade &amp; Soul เปิดตัวในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือไปเมื่อเดือนมกราคม 2016 และประสบความสำเร็จผลักดันยอดขายรวม NCSoftของภูมิภาคดังกล่าวเติบโตได้ 25%</figcaption></figure>

ถึงตอนนี้กลยุทธ์ดังกล่าวนับว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย ในเดือนมกราคม ปีที่แล้ว NCSoft West เปิดตัว Blade &amp; Soul เวอร์ชั่นตะวันตก นับเป็นเกมที่มีต้นกำเนิดในเกาหลีใต้แต่มาเปิดตัวในทวีปยุโรปกับอเมริกาเหนือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกมหนึ่งของ NCSoft เลยทีเดียว ผลักดันให้ยอดขายปี 2016 ในภูมิภาคดังกล่าวก้าวกระโดดถึง 25%

สำหรับในปีนี้ บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทอาจทำรายได้ทั่วโลกรวมกันแตะ 1.3 ล้านล้านวอน (กว่า 1.1 พันล้านเหรียญ) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอีกไม่นาน คอเกมฝั่งอเมริกาเหนือก็จะมีโอกาสได้เล่นเกม Master X Master สังเวียนต่อสู้ออนไลน์ซึ่งเป็นเกมล่าสุดของบริษัท โดยมีกำหนดเปิดตัวไปทั่วโลกในทวีปอเมริกาเหนือภายในปีนี้

“แม้ว่าจะพัฒนาขึ้นในเกาหลีใต้ แต่ก็เป็นเกมแรกในสหรัฐฯ ที่เราได้นำความคิดเห็นจากทวีปฝั่งยุโรปไปใช้ในการพัฒนา” Yoon กล่าว “และถ้าเกมนี้ออกมาดี ทุกคนจะชอบ โดยไม่สนหรอกว่าจะเป็นเกมที่มาจากที่นี่หรือที่ไหน”

&nbsp;

เรื่อง: David M. Ewalt
เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม

<hr />

<a href="https://goo.gl/hxJLvV">คลิกเพื่ออ่าน "พิชิตตลาดเกมสหรัฐฯ" ฉบับเต็มได้ในรูปแบบ e-Magazine </a>

<a href="https://goo.gl/hxJLvV"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dcf22439a02f7afaad2974119007f22c.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events