<h2>บมจ.ไรมอน แลนด์ ปรับผังองค์กรใหม่ แต่งตั้ง Lionel Lee เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 โดย Lionel Lee จะเข้ามาบริหารงานด้านการลงทุน และวางแผนกลยุทธ์ทิศทางการเติบโตของบริษัทเป็นหลัก พร้อมเชิญ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นั่งตำแหน่งประธานกรรมการ</h2>
Adrian Lee กล่าวว่า คณะกรรมการของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ได้แต่งตั้งให้ Lionel Lee ผู้เป็นพี่ชายของตนเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ของบริษัท และ Adrian จะรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ (COO) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน Lionel Lee เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหญ่ของไรมอน แลนด์ โดยถือสัดส่วนประมาณ 24.98% โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Ezra Holdings ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานที่มีมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นบอร์ดบริหารของไรมอน แลนด์

นอกจากนี้ Lionel ยังเป็นบอร์ดบริหารให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัท รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในงานการกุศลในประเทศสิงคโปร์อยู่เสมอ จนได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ (Pingat Bakti Masyarakat - PBM) จากทางรัฐบาล ซึ่ง Lionel จะยังคงมีบทบาทอยู่ในบอร์ดคณะกรรมการของไรมอน แลนด์ โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง เช่น ประธานกรรมการบริหาร กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร

<figure><img style="width: 638px; height: 439px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bd416a0e05ceff4b7794d7b85bbdabfe.jpg" alt="" width="638" height="439" /><figcaption> (ซ้าย) Lionel Lee และ (ขวา) Adrian Lee</figcaption></figure>

ไรมอน แลนด์ ยังได้แต่งตั้ง ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ในด้านการทำงาน ดร.สุรเกียรติ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่อายุน้อยที่สุดในสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2538 และในปี 2544 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และขึ้นรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 2548

สำหรับ Adrian Lee จะยังคงรับหน้าที่ดูการดำเนินงานภาพรวมของบริษัท “ในขณะที่บริษัทมีการเติบโตขึ้น เราไม่เพียงแต่ต้องการคนที่มีความสามารถในการให้คำแนะนำในทิศทางที่ถูกต้อง แต่เรายังต้องการบุคคลที่มีประสบการณ์และทักษะที่หลากหลาย ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการปรับผังองค์กรครั้งนี้จะนำมาซึ่งมิติใหม่ของบริษัท และพร้อมรับกับการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี” Adrian กล่าว

“หากย้อนไปตอนที่ผมเริ่มทำงานที่ไรมอน แลนด์ เรามีเพียง 1 โครงการเท่านั้น วันนี้หลังจากที่เราเข้าลงทุนในทรัพย์สินของ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) เราจึงกลายมาเป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่าต่อยูนิตมากกว่า 10 ล้านบาท โดยจะมีการโอนในอีก 2 ปีข้างหน้า สิ่งที่ผมมุ่งเน้น ณ ตอนนี้จะเป็นการดูแลงานโครงการทั้งหมดให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุดทั้งโครงการปัจจุบัน และอนาคต”
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news-detail.php?did=2813">ไรมอน แลนด์ ยัน 'ดีล' ซื้อ KPNL ไม่ล่ม โอนสินทรัพย์เสร็จภายในสิ้นปี เดินหน้าเปิด 2 คอนโดฯ ร่วมทุนญี่ปุ่น</a></li>
</ul>
บมจ.ไรมอน แลนด์ มี 6 โครงการที่เปิดขายอยู่ปัจจุบัน มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท และอีก 1 โครงการเชิงพาณิชย์ มูลค่ากว่า 8.6 พันล้านบาท

ไรมอน แลนด์ปรับผังองค์กร ดึง Lionel Lee พี่ชาย Adrian Lee นั่งตำแหน่งซีอีโอแทน

<h2>ไรมอน แลนด์ปิดดีลเข้าซื้อสินทรัพย์จากเคพีเอ็น แลนด์ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เปิด PP หุ้นให้ เคพีเอ็น แลนด์ 14% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 “Adrian Lee” แจงไม่มีการ Back Door ดีลครั้งนี้ทำให้ไรมอน แลนด์ได้ตุนพอร์ตที่ดินกลางกรุงเพิ่ม</h2>
Adrian Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไรมอน แลนด์ หรือ RML เปิดเผยข้อมูลการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการเข้าลงทุนแล้ว

การเข้าซื้อครั้งนี้ ไรมอน แลนด์ จะได้รับสินทรัพย์ทั้งหมด 4 ชิ้น ได้แก่
<ol>
 	<li>โครงการ S19 เนื้อที่ 1 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 19 ซึ่งเคพีเอ็น แลนด์เปิดขายโครงการไปแล้วด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทแต่ยังไม่เริ่มงานก่อสร้าง</li>
 	<li>โครงการ S28 เนื้อที่ 2 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 28 ซึ่งเป็นที่ดินเปล่า คาดว่าจะพัฒนาโครงการมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทได้</li>
 	<li>โครงการ เดอะ ดิโพลแมท 39</li>
 	<li>โครงการ เดอะ ดิโพลแมท สาทร</li>
</ol>
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะ ดิโพลแมททั้ง 2 แห่ง มีแบ็กล็อกและยูนิตเหลือขายซึ่งจะโอนเป็นรายได้ให้บริษัทได้ภายในปี 2561-62 คิดเป็นมูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ไรมอน แลนด์จะได้สิทธิในการใช้แบรนด์ภายใต้เคพีเอ็น แลนด์ทั้งหมด

ในขณะที่ฝั่งไรมอน แลนด์จ่ายให้กับดีลครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก เงินสดมูลค่า 1 พันล้านบาท ส่วนสอง เงินสดมูลค่า 500 ล้านบาท และส่วนสาม เปิดขายหุ้นเพิ่มทุนในวงจำกัด (PP) จำนวน 597 ล้านหุ้น ราคา 1.8 บาทต่อหุ้น ให้กับเคพีเอ็น แลนด์คิดเป็นมูลค่า 1,074 ล้านบาท

และไรมอน แลนด์จะรับหนี้ทั้งหมดที่เข้ามาพร้อมกับสินทรัพย์ ทำให้ D/E ratio ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 1.1 เป็น 1.4 ในช่วงหลังรับมอบสินทรัพย์ แต่จะลดลงเหลือ 1.2-1.25 หลังจากโอนกรรมสิทธิ์เดอะ ดิโพลแมท 39 เรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/faa103650e20786e10a442cd9661a6cb.png" alt="" />

Lee กล่าวว่า การขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้เคพีเอ็น แลนด์ถือหุ้น RML ในสัดส่วน 14.31% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสาม รองจาก JS Asset Management ซึ่งถือหุ้น 21.40% และ จิรวุฒิ คุวานันท์ (ประธานบริษัท โค้วยู่ฮะ กรุ๊ป ดีลเลอร์รถยนต์อีซูซุ) ผู้ถือหุ้นสัดส่วน 16.58% โดยเคพีเอ็น แลนด์จะมีกรรมการ 2 ท่านเข้าร่วมในบอร์ดหลังจากนี้

“เราไม่ได้เทกโอเวอร์เคพีเอ็นกรุ๊ปทั้งบริษัท เป็นการซื้อทรัพย์สินของเคพีเอ็น แลนด์ และเพื่อความชัดเจน เราไม่ได้ถูก Back Door Listing โดยเคพีเอ็น แลนด์อย่างที่มีข่าวก่อนหน้านี้ อย่างที่เห็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นเมื่อมีการขายหุ้นแล้วเคพีเอ็น แลนด์จะถือหุ้น 14.31% เท่านั้น” Lee กล่าว

สำหรับกระบวนการต่อไปไรมอน แลนด์จะมีประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และคาดว่าจะมีการโอนสินทรัพย์แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561

&nbsp;
<h2>เดอะ ดิโพลแมทดันรายได้ปี 2561 ของ RML เป็น 4.6 พันล้านบาท</h2>
Lee กล่าวว่า จากการเข้าซื้อคอนโดมิเนียมเดอะ ดิโพลแมททั้งสองแห่งมีข้อดีต่อรายได้ประจำปีของบริษัท เนื่องจากเดอะ ดิโพลแมท 39 กำลังอยู่ในช่วงโอนกรรมสิทธิ์ และเดอะ ดิโพลแมท สาทร ยังมียูนิตเหลือขาย ทำให้ปีนี้เชื่อว่าจะมีรายได้เพิ่มจากสองคอนโดฯ นี้อีก 1.8 พันล้านบาท จึงปรับเป้าหมายรายได้ปี 2561 ของไรมอน แลนด์ขึ้นเป็น 4.6 พันล้านบาท

<figure><img style="width: 638px; height: 351px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/39236275ddee406bb602c870b180dcef.png" alt="" width="638" height="351" /><figcaption> เดอะ ดิโพลแมท 39 คอนโดฯ ลักชัวรีในซอยสุขุมวิท 39 ที่ไรมอน แลนด์ซื้อจากเคพีเอ็น แลนด์</figcaption></figure>

ส่วนแผนการพัฒนาโครงการ ปี 2561 จะยังเป็นไปตามแผนเดิม คือโครงการร่วมทุน 2 แห่งกับ Tokyo Tatemono ย่านสุขุมวิท 26 กับ สาทร 12 มูลค่ารวมทั้งหมด 8 พันกว่าล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้

ขณะที่ปี 2562 บริษัทมีแผนพัฒนาที่ดินอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 8-9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นที่ดินเดิมที่ไรมอน แลนด์มีอยู่แล้วในย่านทองหล่อกับราชเทวี ดังนั้น ที่ดินจากเคพีเอ็น แลนด์ซึ่งอยู่ในย่านสุขุมวิททั้ง 2 แปลงจึงไม่จำเป็นต้องรีบพัฒนาเพราะบริษัทมีโครงการอื่นๆ ทยอยเปิดขายไปก่อนแล้วในทำเลใกล้เคียงกัน

โดยเฉพาะที่ดินสุขุมวิท 28 ซึ่งมีการต่อต้านโครงการจากคนในพื้นที่ หลังรับมอบแล้วบริษัทจะเร่งเข้าไปดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เชื่อว่าจะเริ่มเปิดตัวโครงการได้น่าจะใช้เวลาราว 3 ปี

&nbsp;

เป้าต่อไป: Recurring Income

Lee แจกแจงว่า ขณะนี้บริษัทได้สร้างความเข้มแข็งให้กับพอร์ตรายได้ฝั่งที่อยู่อาศัยเพื่อขายเพียงพอแล้ว ในระยะใกล้จะยังไม่มีการเทกโอเวอร์สินทรัพย์ประเภทนี้อีก แต่จะหันมาเน้นรายได้ประจำ (Recurring Income) แทน โดยกำลังมองหาโอกาสอยู่

ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากไรมอน แลนด์เปิดเผยว่า ปี 2561 ไรมอน แลนด์คาดว่าจะมีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ได้แก่ คอมมูนิตี้ มอลล์ Vue และเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์บนคอนโดฯ เดอะ ริเวอร์ รวมกับรายได้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ลงทุนกับ บ้านหญิงกรุ๊ป รวมรายได้ส่วนนี้ประมาณ 100 กว่าล้านบาท

<figure><img style="width: 638px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c82f21323f6f0187db74589c617915ba.png" alt="" width="638" height="450" /><figcaption> แปลงที่ดิน 6 ไร่ของไรมอน แลนด์ที่จะพัฒนาออฟฟิศบิลดิ้งสูงกว่า 50 ชั้น โดยเช่าที่ดินจากธนิยะกรุ๊ป</figcaption></figure>

อย่างไรก็ตาม ไรมอน แลนด์มีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้ประจำให้มีสัดส่วน 30% ในรายได้รวมหรือประมาณ 3 พันล้านบาทภายในปี 2566 ดังนั้น จึงมีการลงทุนพัฒนาออฟฟิศบิลดิ้งย่านเพลินจิตตรงข้ามเซ็นทรัล เอ็มบาสซีไปเมื่อปี 2560 โดยเป็นสำนักงานให้เช่าพื้นที่ 1 แสนตารางเมตรและพื้นที่รีเทล 4-5 พันตารางเมตร มูลค่าลงทุนก่อสร้างและค่าเช่าที่ดินราว 6-7 พันล้านบาท ซึ่งจะเก็บรายได้ค่าเช่าได้เต็มในปี 2565 เมื่อโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์

แต่เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายรายได้ประจำ 3 พันล้านบาท คาดว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจส่วนนี้อย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และบริษัทกำลังมองแนวทางพัฒนาธุรกิจโรงแรมด้วย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events