Suresh Venkatachari ผู้เดินทางข้ามโลกได้สร้างธุรกิจมากมาย และธุรกิจ cloud computing ก็ยังไม่ได้เป็นที่สุดของเขา

ในปี 2008 ที่ Suresh Venkatachari นักสร้างกิจการต่อเนื่อง (serial entrepreneur) ในธุรกิจซอฟต์แวร์ได้ริเริ่มธุรกิจ cloud computing ในอินเดียนั้น มีบริษัทผู้ใช้เทคโนโลยีนี้อยู่เพียงไม่กี่แห่ง แต่เขาก็ไม่ย่อท้อและได้ทุ่มเงินลงไป 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

“ช่วงหลายปีแรก ผมใช้เงินลงทุนหลายล้านเหรียญ แต่ผมได้รับงานมูลค่าเพียง 1 หมื่นเหรียญและ 1.5 หมื่นเหรียญเท่านั้น” Venkatachari ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 8K Miles Software Services วัย 50 ปี กล่าว “ลองนึกดูว่า คุณต้องมีดีลมูลค่า 1 หมื่นเหรียญกี่ดีล เพื่อจะสร้างรายได้หลักล้านเหรียญ”

แต่ในปี 2013 เรื่องราวกลับพลิกผัน เทคโนโลยีคลาวด์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย รายได้ของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Chennai ที่เป็นผู้ให้บริการตั้งแต่การย้ายระบบคลาวด์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล ได้พุ่งขึ้นจาก 5 ล้านเหรียญในปีงบการเงิน 2013 เป็น 82 ล้านเหรียญในปี 2017 ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าเป็น 16 ล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกัน ผลการดำเนินงานนี้ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Forbes Asia’s 2017 Best Under A Billion

การทะยานสู่น่านฟ้ายังคงดำเนินต่อไป โดย 8K Miles กำลังจะมียอดขายแตะ 200 ล้านเหรียญภายใน 2 ปีนี้ แค่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 บริษัทก็มีรายได้แตะ 62 ล้านเหรียญไปแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา

Venkatachari ซึ่งพำนักอยู่ใน California และเดินทางไป Chennai อยู่บ่อยครั้ง กำลังมองหาโอกาสจากการเติบโตของตลาด cloud computing เขากล่าวว่าจุดแข็งของ 8K Miles คือความสามารถในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้อย่างไร้รอยต่อ บนแพลตฟอร์มที่มีมาตรการด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวติดตั้งไว้โดยพรั่งพร้อม

“แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติเป็นจุดแข็งที่สุดของเรา นอกจากนี้เรายังมีประสบการณ์ในการทำงานกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อีกด้วย” Venkatachari ผู้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 235 ล้านเหรียญหากคิดตามสัดส่วนการถือหุ้น 56% ในบริษัทของเขากล่าว “เรามีโอกาสมากมายที่จะเติบโตในตลาดนี้”

“8K Miles เป็นบริษัทไอทีของอินเดียเพียงรายเดียวที่เน้นในธุรกิจให้บริการคลาวด์แต่เพียงอย่างเดียว และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” Neerav Dalal นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Maybank Kim Eng กล่าว “นอกจากนี้บริษัทยังมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Amazon Web Services, Microsoft Azure และ Google Cloud อีกด้วย”

บริษัทของ Venkatachari ได้รับการฟูมฟักและถือกำเนิดขึ้นจาก Indian Institute of Managementแห่งเมือง Bangalore ในปี 2008 เขาตั้งชื่อบริษัทว่า 8K Miles ตามความยาวเส้นศูนย์สูตรของโลกที่มีระยะทาง 8,000 ไมล์ เขาย้ายบริษัทไปที่ Chennai ในปี 2009 เนื่องจาก Venkatachari คุ้นเคยกับภูมิประเทศที่นั่น และเขาเองก็สามารถหาบุคลากรไอทีเข้ามาร่วมงานได้อีกด้วย

Indian Institute of Management เมือง Bangalore หรือ IIMB สถาบันการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก และโปรแกรมสำหรับผู้บริหาร (Photo Credit: YouTube@SikhoTo)

บริษัทของเขาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2011 แรกเริ่มเดิมที 8K Miles เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายเสมือนที่เชื่อมโยงธุรกิจในสหรัฐฯ กับบรรดาฟรีแลนซ์ทั่วโลก และกลายเป็นพาร์ทเนอร์เจ้าแรกๆ ในบริการคลาวด์ของ Amazon กระทั่งบริษัทได้เติบโตขึ้นในธุรกิจเฉพาะกลุ่มนั่นคือการพาลูกค้าเข้าสู่บริการคลาวด์

นับจากปี 2013 เป็นต้นมา 8K Miles ได้เข้าซื้อกิจการ 6 แห่ง ซึ่งช่วยให้บริษัทได้ลูกค้าและความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้านเพิ่มขึ้นมาด้วย ตั้งแต่การวิเคราะห์วิจัยทางคลินิก จนถึงการจัดการบันทึกข้อมูลสุขภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ โดย Venkatachari เพิ่มแรงจูงใจในการเข้าซื้อกิจการด้วยการเสนอบทบาทหรือตำแหน่งสำคัญให้แก่ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เขาเสนอซื้อ

ก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มธุรกิจ 8K Miles ในปี 1996 เขาก่อตั้งบริษัท SolutionNET ที่มีสาขาในอินเดีย สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง สาขาที่อินเดียเป็นการร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 กับกลุ่ม HDFC ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านบริการทางการเงิน

เขานำกิจการ SolutionNET ในสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ก่อนที่จะขายออกไปในปี 2002 กิจการของ SolutionNET ในอินเดียและตะวันออกกลางก็ถูกขายในปี 2009 ในมูลค่าที่ไม่ได้รับการเปิดเผย

Suresh Venkatachari ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 8K Miles Software Services (Photo Credit: Venkata Krishnan Ganesan/indiaabroad.com)

Venkatachari ซึ่งปัจจุบันเป็นพลเมืองสิงคโปร์ ได้ย้ายไปอยู่สหรัฐฯ ในปี 2003 และเริ่มดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านซอฟต์แวร์ที่นั่น หลายปีที่ผ่านมาเขาได้ทดลองทำธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร่วมผลิตภาพยนตร์และการบริหารเครือข่ายร้านอาหาร ปัจจุบันเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 8K Miles Media Group บริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ซึ่งดำเนินธุรกิจสิ่งพิมพ์ สถานีวิทยุ และโรงภาพยนตร์ สำหรับตลาดชาวเอเชียใต้พลัดถิ่นซึ่งมีจำนวนถึง 4.4 ล้านคนในสหรัฐฯ

ขณะเดียวกันธุรกิจคลาวด์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของเขากำลังวุ่นอยู่กับการรับมือการแข่งขันจากบริษัทสัญชาติอเมริกัน อย่าง 2nd Watch และ Cloud Technology Partners (ซึ่งถูกบริษัท Hewlett Packard ซื้อกิจการไปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา) ในอินเดียเอง 8K Miles ก็กำลังเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ไอทีอย่าง HCL และ Cognizant

“นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่อาศัยความแตกต่างของต้นทุน” R.S. Ramani ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน 8K Miles ซึ่งถือหุ้นบริษัทอยู่ 4% กล่าว “เราทำรายได้เพิ่มจากการปรับปรุงและประเมินผลแพลตฟอร์มของเราอย่างต่อเนื่อง”

เขากล่าวว่า 8K Miles ได้ลูกค้าเพราะประสิทธิภาพที่เป็นที่ประจักษ์ในสายตาของลูกค้า โดย Ramani ได้ยกตัวอย่างกรณีลูกค้าธุรกิจเภสัชภัณฑ์ระดับโลกรายหนึ่งที่ต้องการย้ายเขาสู่ระบบคลาวด์ในปี 2015 คู่แข่งของ 8K Miles เจ้าหนึ่งประเมินว่า การย้ายเข้าสู่ระบบคลาวด์ของลูกค้ารายนี้อาจจะต้องใช้เวลาร่วม 9 เดือน ส่วนทีมของ 8K Miles ที่ไม่รู้ว่าคู่แข่งเขาว่าอย่างไร รับปากกับลูกค้าว่าจะทำให้เสร็จภายใน 3 เดือนครึ่ง “เราได้ลูกค้า โดยลูกค้าให้งบกว่า 5 ล้านเหรียญต่อปีแก่เรา” Ramani กล่าวเสริม

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้นอีก “หลังจากลูกค้าเข้าสู่ระบบคลาวด์แล้ว พวกเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือในด้านการจัดการสิ่งต่างๆ ในคลาวด์” Ravi Chandranหัวหน้าฝ่ายขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและยุโรป กล่าว “เราเชื่อว่าบริการทางการเงินและการประกันภัยจะเป็นคลื่นลูกใหม่มาแรง อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องเพิ่มความพยายามในการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น”

Venkatachari ใช้เวลาเดินทาง 200 วันต่อปี เพื่อ “ขาย” เรื่องราวของคลาวด์ เขาเชื่อว่ายังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะได้หยุดพักหรือขายกิจการออกไป “ผมรู้สึกจริงๆ ว่า ยังมีโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทที่จะขยายธุรกิจต่อไป” เขากล่าว “ผมต้องการเวลาอีกสัก 2 หรือ 3 ปีในการพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ผมเชื่อว่าผมมีโอกาสที่จะสร้างบริษัท 1 พันล้านเหรียญได้”

เรื่อง: Anuradha Raghunathan เรียบเรียง: บุญธร ศิริสวาสด์

คลิกอ่านฉบับเต็ม "หนทางอีกยาวไกล" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มีนาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine