<div>
	ตั้งแต่ปี 2009 ที่ Michael Jackson จากโลกนี้ไป &nbsp;Jay Z, Taylor Swift และ Kanye West ศิลปินดังทั้งสามรายทำรายได้รวมกัน 544 ล้านเหรียญ แม้จะเป็นตัวเลขไม่น้อย แต่เชื่อหรือไม่ว่า รายได้รวมของทั้งสามน้อยกว่ารายได้รวมในช่วงเดียวกันของ "ราชาเพลงป๊อบ" เพียงคนเดียว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในช่วงห้าปีหลังความตายของตัวเอง &nbsp;Jackson มีรายได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญ มากกว่าศิลปินทุกราย โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นหรือตาย แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงขาลงของราชาป็อบเลย อัลบัมล่าสุดซึ่งออกจำหน่าย Xscape &nbsp;เปิดตัวสู่อันดับ 2 ของชาร์ทเพลงฮิตประจำเดือนพฤษภาคม และอีกสัปดาห์ถัดมา "เงาร่าง" ของตัวเขา กลับมาโผล่โชว์สเตปมูนวอร์คบนเวทีแจกรางวัล Billboard Music Awards</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div style="text-align: center;">
	<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/k3cWVkiAkFA" width="560"></iframe></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"เขาคือคำจำกัดความของสิ่งที่เรียกว่าซุปเปอร์สตาร์" Ludacris แรปเปอร์ชื่อดังว่าไว้ "มันมีพลังงานบางอย่างที่ไม่สามารถจับต้องได้ ในทุกครั้งที่ได้ยินเพลงของเขา"</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เวลานี้ Jackson ได้สร้างความนิยามความสำเร็จสำหรับศิลปินที่ล่วงลับไปแล้วเสียใหม่ โดยช่องทางสร้างรายได้ของเขานั้นมาจากหลายแหล่ง ตั้งแต่ขายเพลงแบบเดิมๆ ไปจนถึงธุรกิจบันเทิงแบบใหม่ๆ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อย่างแรกก็คือเพลงของเขา ทันทีที่เสียชีวิตในปี 2009 &nbsp;เพลงฮิตจำนวนมากของเขากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และถูกโหลดเป็นจำนวนมาก จวบจนถึงสิ้นปี เฉพาะในสหรัฐฯ แห่งเดียว เขามียอดขายผลงานถึง 8.3 ล้านอัลบั้ม มากกว่าผู้ที่ตามมาอันดับสองอย่าง Taylor Swift ถึงสองเท่า</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยตัวเลขมหาศาลเช่นนี้ Sony จึงไม่ลังเลที่จะใช้เงินกว่า 250 ล้านเหรียญ เพื่อต่อสัญญากับศิลปินออกไปอีก 10 ปี จนกลายเป็นเม็ดเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อให้ได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายผลงานหลังศิลปินจบชีวิต โดยหัวใจสำคัญของความสำเร็จหลังความตายของศิลปินทุกราย นั่นคือทำให้เขายังคงอยู่กลางใจประชาชน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"พวกเขาไม่ได้มีชีวิตเพื่อออกแสดงหรือมาให้สัมภาษณ์อีกแล้ว" Donald David นักกฎหมายในแวดวงธุรกิจบันเทิง ซึ่งดูแลผลประโยชน์หลังความตายของแรปเปอร์ Tupac Shakur "นั่นก็คือต้องเก็บรักษาดวงดาวที่ดับไปแล้วให้อยู่ในใจผู้คนต่อไป"</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยเหตุนี้ แจคสันยังคงต้องมีบทบาทต่อไป โดยเฉพาะผ่านการแสดงโชว์ Immortal และ One ซึ่งมาจากผลของเขาเอง &nbsp;เฉพาะ Immortal ทำรายได้รวมแล้ว 300 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่เปิดแสดงในปี 2011 และส่วน One จะเก็บเพิ่มได้อีกอย่างต่ำ 30-40 ล้านเหรียญ ในปีที่จะถึง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ผลประโยชน์อื่นๆ หลังความตายของ Jackson ยังรวมถึงการทำสัญญาโฆษณามูลค่าหลายล้านเหรียญกับ Pepsi, บริษัทผลิตวิดีโอเกม Ubisoft และหนังคอนเสิร์ท This Is It ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 260 ล้านเหรียญ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้กันว่า เขายังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายในตลอดห้าปีที่ผ่านมา นั่นคือ การถือหุ้น 50% ในผลงานเพลงของ Sony/ATV ซึ่งได้ลงทุนไว้ตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งในวันนี้ให้ผลตอบแทนกลับคืนเป็นเงินถึง 8 หลัก ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของ Jackson นับเป็นการลงทุนอย่างฉลาด และให้ผลตอบแทนเป็นเงินหลายๆ ล้านเป็นประจำทุกปี</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"Michael Jackson มีวิสัยทัศน์ของการเป็นนักธุรกิจตลอดเวลา ในตอนตัดสินใจซื้อกิจการใดๆ" Kevin Liles อดีตผู้</div>
<div>
	<table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" style="width: 500px;">
		<tbody>
			<tr>
				<td>
					บริหารค่ายเพลง Def Jam กล่าว "(จนเหมือนกับ) บริษัท ไมเคิล แจ็คสัน จำกัด"</td>
				<td style="width: 115px;">
					<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/FullEnd.png" /></td>
			</tr>
		</tbody>
	</table>
	<p>
		&nbsp;</p>
</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<hr />
	<p>
		เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/zackomalleygreenburg/2014/06/25/how-michael-jackson-earned-over-700-million-since-his-death/?utm_campaign=forbestwittersf&amp;utm_source=twitter&amp;utm_medium=social">How Michael Jackson Earned Over $700 Million Since His Death</a> &nbsp;โดย Zack O&#39;Malley Greenburg, senior editor ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจดนตรีและบันเทิงของ Forbes และผู้เขียนหนังสือเรื่อง Michael Jackson, Inc</p>
</div>
<br />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events