<h2>สินทรัพย์หนึ่งที่บรรดาเศรษฐีทั่วโลกนิยมลงทุนคืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต่างต้องการแหล่งลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูง มีเสถียรภาพ และมีโอกาสเติบโตมากขึ้นในอนาคต</h2>
รายงานความมั่งคั่งจาก ไนท์แฟรงค์ บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์จากสหราชอาณาจักร ประจำปี 2017 แนะนำ 7 เมืองที่เหมาะแก่การลงทุนอสังหาฯส่วนบุคคล (7 Hotspots) พิจารณาจากความเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา ไลฟ์สไตล์ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องการเข้ามาทำงาน ท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง และอยู่อาศัย โดยปีนี้ส่วนใหญ่แล้วเมืองที่ได้รับความนิยมมักจะเกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจเทคโนโลยี ได้แก่

(ไม่มีการจัดอันดับ เรียงตามลำดับอักษรภาษาอังกฤษ)

&nbsp;

<img style="width: 680px; height: 354px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/647907364342a650eb97cdda9fc8a663.png" alt="" />

Amsterdam เนเธอร์แลนด์ เมืองหลวงแห่งนี้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปในฐานะเมืองแห่งนวัตกรรมที่เหมาะแก่การก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพและเต็มไปด้วย co-working space โดยมีบริษัทใหญ่อย่าง Uber, Netflix และ Tesla ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภาคพื้นยุโรปในเมือง Amsterdam

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b5599e29522304840a29046c18109463.png" alt="" />

Austin สหรัฐอเมริกา จากเมืองที่พึ่งพิงเศรษฐกิจภาครัฐสูง Austin สร้างระบบนิเวศให้เหมาะกับการบ่มเพาะสตาร์ทอัพและกลายเป็น Silicon Valley แห่งภาคใต้ของสหรัฐฯ ดึงดูดคนรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัย Texas และคนจากทั่วโลกเข้ามาก่อตั้งบริษัท รวมถึงเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Google, Facebook ฯลฯ

<img style="width: 680px; height: 407px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7105aee682dd26fc1e36ffa5abf988d3.png" alt="" />
(Photo Credit: propchill.com)

Bangalore อินเดีย เมืองหลวงแห่งสตาร์ทอัพและไอทีในอินเดียแห่งนี้ ดึงดูดบริษัททั่วโลกเข้ามาลงทุนและตามหาผู้มีความสามารถด้านไอที และรัฐเองมีสถาบันวิจัยจำนวนมากซึ่งช่วยสร้างระบบนิเวศให้กับสตาร์ทอัพเป็นอย่างดี

<img style="width: 680px; height: 410px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dfbdf49e6b14e2ac538e09524746e4be.png" alt="" />

Berlin เยอรมนี หลายปีที่ผ่านมา Berlin กลายเป็นแหล่งสตาร์ทอัพด้วยจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ถึงปีละ 4 หมื่นบริษัท เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากค่าครองชีพของที่นี่ถูกกว่าแหล่งเทคโนโลยีเมืองอื่นในยุโรป เช่น London

<img style="width: 680px; height: 383px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8e2e092910a1b5bf1023684f84f45dae.png" alt="" />
(Photo Credit: domain.com.au)

Melbourne ออสเตรเลีย ถูกคาดการณ์ว่าประชากรของเมืองจะเติบโตแซงหน้าเมืองหลวงอย่าง Sydney ในปี 2036 เนื่องจากมีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตสูง และเมืองมีการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่จำนวนมาก

<img style="width: 680px; height: 445px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3ab2454322fcdbf69ed0fecf9734ad3a.png" alt="" />

Mexico City เม็กซิโก เป็นฐานสำคัญในภูมิภาคละตินอเมริกาของหลากหลายธุรกิจ เช่น ยานยนต์ โทรคมนาคม โลจิสติกส์ รีเทล เมื่อเศรษฐกิจละตินอเมริกาเติบโตทำให้ Mexico City ยิ่งทวีความสำคัญ มีการพัฒนาออฟฟิศบิลดิ้งเพิ่มขึ้น 170 แห่ง หรือเติบโต 200% จากปี 2000

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c1c9ac8c818a8ce006825d620ceb1c1c.png" alt="" />
(Photo Credit: visitflorida.com)

Miami สหรัฐอเมริกา เมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐ Florida เดิมทีรู้จักกันในฐานะเมืองแห่งนักท่องเที่ยวและแหล่งที่อยู่อาศัยของเศรษฐี แต่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ Miami เป็นฮับแห่งศิลปะและเทคโนโลยีมากขึ้น เริ่มด้วยการก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมของ Microsoft เมื่อปี 2014

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events