<h2>Jobcase สร้างเครือข่ายโซเชียล ผู้ใช้แรงงาน สู่บริษัทมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อคนงานคลังสินค้าและสาวเสิร์ฟได้อย่างไร</h2>
Sasha Contreras รู้สึกสิ้นหวังเมื่อต้องลาออกจากงานบริการลูกค้าของ Xerox ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 12 เหรียญ อย่างจำใจเมื่อพบว่าสามีนอกใจ เธอไม่มีงาน ไม่มีใคร และใช้เวลาทุกวินาทีในยามตื่นค้น Google เพื่อหางาน แล้วเธอก็บังเอิญได้พบ Jobcase แพลตฟอร์มสื่อโซเชียลเพื่อการหางานสำหรับผู้ใช้แรงงานและคนงานในอุตสาหกรรมบริการ

“เว็บไซต์นี้เปลี่ยนชีวิตฉันได้จริง” Contreras วัย 55 ปีกล่าว เว็บนี้สมัครใช้ได้ฟรีและเปิดทางให้เธอเข้าถึงประกาศรับสมัครงานหลายล้านตำแหน่งรวมทั้งข้อความมีประโยชน์ที่โพสต์โดยคนแปลกหน้า ซึ่งหลายคนก็เคยเผชิญความโดดเดี่ยวในการหางาน ลิงก์ที่สมาชิกคนหนึ่งโพสต์ไว้ ช่วยให้เธอได้งานบริการลูกค้า ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 10 เหรียญเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2017 และสองปีต่อมา Jobcase ก็นำเธอไปหางานบริการลูกค้าอีกงานหนึ่ง ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 13 เหรียญ

ตอนนี้ถึงแม้ Contreras จะไม่ได้อยากเปลี่ยนงาน แต่เธอก็ล็อกอินเข้า Jobcase ทุกวัน “ถ้าฉันเห็นข้อความที่สะกิดใจฉัน ฉันก็จะช่วยตอบเพราะฉันจำความรู้สึกช่วงหางานได้” เธอกล่าว

<span style="color: #993300;">“เราต้องทำเว็บนี้เพื่อทุกคน”</span> <strong>Frederick Goff</strong> ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Jobcase กล่าว หลังจากได้ฟังเรื่องของ Contreras

ตอนที่เขาตั้งบริษัทแห่งนี้ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ในปี 2015 เขาตั้งใจจะทำสิ่งที่ LinkedIn ยังทำไม่สำเร็จ นั่นคือการสร้างเว็บไซต์ที่ชาวอเมริกันวัยทำงาน 80% ซึ่งไม่มีใบปริญญาจะสร้างเครือข่าย หางาน และบริหารอาชีพของตัวเองได้

Goff ระดมทุน ได้ 118.5 ล้านเหรียญ จากที่ Pitchbook ประเมินมูลค่าของ Jobcase ไว้ 445 ล้านเหรียญ ปี 2018 Goff ทำรายได้ให้เว็บนี้ 100 ล้านเหรียญจากบริษัท 2,000 แห่ง ซึ่งรวมถึง Amazon, Pizza Hut และ FedEx บริษัทเหล่านี้จ่ายค่าลงประกาศรับสมัครงานตั้งแต่ 199 เหรียญต่องานหนึ่งตำแหน่งจนถึงค่าจ้าง 5,000 เหรียญเพื่อให้ Jobcase ช่วยจัดอีเวนต์นัดพบแรงงาน

Jobcase มีผู้สมัครใช้งาน 110 ล้านคน จากชาวอเมริกันที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 197 ล้านคน และ Goff มีแผนจะเปิดให้บริการทั่วโลกใน 18 เดือนข้างหน้า ประชากร 84% ในกลุ่มประเทศ G20 ไม่มีใบปริญญา ซึ่งเขากล่าวว่า การจับตลาดคนกลุ่มนี้จะช่วยให้บริษัทได้สมาชิกเป็นพันล้านคนและเพิ่มมูลค่าประเมินเป็น 1 พันล้านเหรียญอย่างรวดเร็ว

Goff บอกว่า Jobcase ทำกำไรได้ตั้งแต่แรกเริ่มแต่เขาก็ใช้เงินไปมากตั้งแต่ต้นปี 2018 เพื่อหาสมาชิกเพิ่ม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาเป็นสปอนเซอร์ให้งานนัดพบแรงงานที่จัดทั่วเมืองโดย Chicago Urban League และได้สมาชิกใหม่มา 8,000 คน

Goff ฝันอยากเห็นโลกที่มีคนรู้จัก Jobcase มากจนกระทั่งเหล่าแรงงานสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดสภาวะการทำางานที่ดีขึ้นได้ด้วย “เราอยากสนับสนุนระบบทุนนิยมแบบที่ไม่ได้ให้ค่าแก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นแต่ให้ค่าแก่พนักงานเป็นอันดับต้นด้วย” เขากล่าว “ซึ่งต้องเริ่มจากเหล่าสมาชิก ผู้ใช้แรงงาน”

<em>เรื่อง: Vicky Valet เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: Michael Prince</em>

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านบทความทางฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone size-medium wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH--229x300.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="229" height="300" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events