<div>
	<strong>ในช่วงเวลาที่ธุรกิจเพลงซึ่งซบเซามานานเป็นทศวรรษ ที่มาพร้อมกับบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง นำโดยเว็บฟังเพลงอย่าง Napster &nbsp;ข่าวดีเล็กๆ ข่าวหนึ่งของอุตสาหกรรมเพลง ที่นับวันยอดขายอัลบัมและซิงเกิลเพลงในแผ่นแบบดิจิทัลเข้าสู่ยุคตกต่ำ นั่นคือ<span style="color:#b22222;">แผ่นเสียง</span> หรือที่เรียกว่า <span style="color:#b22222;">&ldquo;แผ่นไวนิล&rdquo;</span> กำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ในแบบที่น่าจับตามอง</strong></div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	ยอดขายแผ่นเสียงทั่วสหรัฐฯ ในปี 2014 เพิ่มมากกว่าปีก่อนถึง 50% &nbsp;นับเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่เหมือนจะปิดฉากตัวเองไปเมื่อหลายปีแล้ว แต่หวนกลับมาทำกำไรจากการขายแผ่นไวนิล ที่แทบจะไม่เคยทำได้มาก่อนในหลายทศวรรษ นับตั้งแต่เกิดช่องทางมากมายที่จะบริโภคเสียงเพลง เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีสื่อที่เข้ามาแล้วก็จากไป ไม่ว่าเทปคาสเซ็ท แผ่นซีดี และในวันนี้คือไฟล์เพลงดิจิทัล (ที่อาจหาดาวโหลดได้ฟรี อย่างผิดกฎหมาย)</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในปี 2014 ศิลปินนักดนตรี <span style="color:#b22222;">Jack White</span> สร้างยอดขายแผ่นเสียงขนาด 12 นิ้ว หรือแผ่น LP ของอัลบั้ม <span style="color:#b22222;">Lazaretto </span>ให้เป็น best-selling แห่งปี เพียงสัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย ก็ขายได้ถึง 4 หมื่นแผ่น (ขอย้ำว่าเป็นยอดขายแผ่นไวนิลล้วนๆ) และตลอดทั้งปีมียอดขายรวมทั้งหมด 8.7 หมื่นแผ่น</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หากพิจารณาอัตราการเติบโตเป็นเปอร์เซ็นต์ ย่อมต้องให้ภาพรวมอันน่าประทับใจ แต่หากนับจากจำนวนขายแล้ว ตลอดทั้งปีที่ผ่านมามีไม่ถึง 10 ล้านแผ่นในตลาดสหรัฐฯ (ยอดขายรวมทั้งปีประมาณ 9.2 ล้านแผ่น) &nbsp;แต่ถือเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับแต่นิตยสารจัดอันดับเพลงทรงอิทธิพล Billboard เริ่มต้นใช้ระบบ <span style="color:#b22222;">SoundScan</span> มาตั้งแต่ปี 1991 เพื่อใช้เก็บข้อมูลยอดขายเพลง แล้วนำไปจัดอันดับอัลบั้มเพลงยอดนิยม แม้ตัวเลข 10 ล้านชุดจะยิ่งใหญ่มหาศาลสำหรับสื่ออย่างแผ่นเสียง ทว่าส่วนแบ่งตลาดทั้งปี 2014 กลับแค่ 6% เท่านั้น จึงยังไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าเป็นชัยชนะของสื่อดนตรีแบบเก่าได้อย่างเต็มปาก</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในช่วงปีหลังๆ นี้ แผ่นไวนิลกลับมาสู่ความนิยมอีกครั้ง จนเห็นทิศทางที่ชัดว่าจะยังมีอนาคตต่อไป เพราะในปี 2014 นับเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ที่สร้างสถิติยอดขายใหม่ต่อเนื่อง หากย้อนไปในช่วงปี 2004-2007 มียอดขายแผ่นเสียงทั่วทั้งสหรัฐฯ ปีละไม่ถึง 1 ล้านแผ่น ตัวเลขยอดขาย 9.2 ล้านแผ่น ทั้งที่พฤติกรรมซื้อสื่อดนตรีของผู้บริโภคก้าวสู่ยุคตกต่ำสุด นับเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่ง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในวันนี้เชนค้าปลีกใหญ่ในสหรัฐฯ ต่างก็สั่งแผ่นไวนิลไปขายให้ลูกค้า จนอาจเห็นการเติบโตที่มีนัยยะสำคัญอีกหนในปีนี้ ที่พอจะช่วยชุบชีวิตผู้คนในอุตสาหกรรมเพลงให้มีชีวิตชีวาได้บ้าง<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<br />
	<hr />
	<p>
		เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/hughmcintyre/2015/02/10/vinyl-sales-grew-more-than-50-in-2014/?utm_campaign=Forbes&amp;utm_source=TWITTER&amp;utm_medium=social&amp;utm_channel=Business&amp;linkId=12273527">Vinyl Sales Grew More Than 50% In 2014</a> โดย Hugh McIntyre<br />
		<br />
		<br />
		&nbsp;</p>
</div>
<br />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events