<h2>สตาร์ทอัพด้านการศึกษา ส่วนใหญ่เป็นองค์กรในอุดมคติ ซึ่งมีรายได้น้อยและมีมูลค่าทางธุรกิจต่ำ หาก Guild Education ของ Rachel Romer Carlson มีมูลค่าถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้วความลับของเธอคืออะไร</h2>
ณ เวลา 9 นาฬิกา 2 วันก่อนหน้าวันขอบคุณพระเจ้าใน Arkansas บรรดาผู้บริหาร Walmart นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม Ellie Bertani ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์พนักงานของ Walmart กล่าวว่า เธอเผชิญกับความยากลำบากในการสรรหาพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อรองรับเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ของบริษัท ซึ่งประกอบด้วยร้านขายยาจำนวน 5,000 ร้าน และศูนย์วัดสายตาและประกอบแว่นอีก 3,400 แห่ง ผู้บริหารคนอื่นๆ นิ่งเงียบ

ส่วน Rachel Romer Carlson วัย 31 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Guild Education สบโอกาสเริ่มต้นบทสนทนา Carlson พูดอย่างไม่ลังเลใจว่าทีมงานของเธอสามารถทำงานร่วมกับ Walmart และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว “ทั้งคุณและเรา ลงมือกันเลย” Carlson กล่าว

การประชุมเกี่ยวข้องกับทางเลือกในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อรองรับตำแหน่งงานใหม่ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นโครงการประกาศนียบัตรสำหรับผู้ปฏิบัติงานในร้านขายยาหลักสูตร 1 ปี ซึ่งจัดอบรมโดยบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจออนไลน์อย่าง Penn Foster ไปจนถึงหลักสูตรปริญญาตรี สาขาการจัดการสาธารณสุขของสถานศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Southern New Hampshire University

ความคิดสุดล้ำของ Carlson ที่ผุดขึ้น ตอนเธอเริ่มต้น Guild เมื่อ 4 ปีที่แล้วก็คือการให้ความช่วยเหลือบริษัทซึ่งจัดสวัสดิการด้านการศึกษาอบรมให้กับพนักงานในทักษะซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานจริง บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาต่อให้กับพนักงาน (หักลดหย่อนภาษีได้) แต่แทบจะไม่มีพนักงานคนไหนเลยที่คว้าโอกาสอันดีนี้ไว้ จึงเป็นที่มาของธุรกิจ สตาร์ทอัพด้านการศึกษา

จนถึงทุกวันนี้ Guild ได้จับมือกับบริษัทมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งรวมถึง Disney และ Taco Bell โดย Guild จะได้รับเงินก็ต่อเมื่อนักศึกษาเรียนจบหลักสูตรแล้วเท่านั้น ดังนั้นพนักงานของ Guild 150 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 415 คน จะทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ความช่วยเหลือบรรดาลูกจ้างที่ลงทะเบียนเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา และวางแผนการจัดสมดุลระหว่างการเรียน การทำงานและชีวิตครอบครัว

<figure><img class="wp-image-30507 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/guild-education.jpg" alt="สตาร์ทอัพด้านการศึกษา" width="1204" height="426" /><figcaption> สถิติต่างๆ ของ Guild Education</figcaption></figure>

Carlson ซึ่งเคยติดทำเนียบ Forbes 30 Under 30 ในปี 2017 และเป็นหนึ่งในกรรมการคัดเลือกผู้ติดทำเนียบในปี 2020 นี้ กล่าวว่าเธอได้นำเสนอสวัสดิการด้านการศึกษาให้กับบรรดาลูกจ้างไปแล้วคิดเป็นมูลค่ารวม 100 ล้านเหรียญ Carlson คาดว่ารายได้ในปี 2019 น่าจะแตะ 50 ล้านเหรียญ และผู้ลงทุนใน Guild อย่าง Byron Deeter จาก Bessemer Venture Partners คาดการณ์

ถึงรายได้ของปี 2020 ไว้ที่มากกว่า 100 ล้านเหรียญ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Carlson ได้ปิดการระดมเงินทุนรอบที่ 5 นำโดย General Catalyst โดยการระดมทุน ในครั้งนี้ทำเงินรวมให้กับเธอมากถึง 228 ล้านเหรียญ จากการประเมินมูลค่าบริษัทที่ 1 พันล้านเหรียญ ในโลกเทคโนโลยีการศึกษาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีหากมีแต่ความเงียบเหงานี้

Guild เป็นหนึ่งในธุรกิจสตาร์ทอัพเพียงไม่กี่แห่งที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น Daniel Pianko นักลงทุนในแวดวงเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาใน New York ซึ่งไม่มีหุ้นใดๆ ใน Guild กล่าว

“ผมมองเห็นลู่ทางที่ Guild จะก้าวสู่การเป็นบริษัทมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ” Paul Freedman ซีอีโอบริษัทเงินร่วมลงทุนใน San Francisco อย่าง Entangled Group ผู้ซึ่งรู้จักกับ Carlson มาตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษาในสาขาบริหารธุรกิจ และเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายแรกๆ ของ Guild กล่าว

คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Guild ก็คือ ธุรกิจหนึ่งของ Bright Horizons บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งให้บริการดูแลเด็กรายวัน ที่ตั้งอยู่ในเมือง Watertown รัฐ Massachusetts โดย Bright Horizons เริ่มให้สวัสดิการด้านการศึกษากับพนักงานมาตั้งแต่ปี 2009 และได้จับมือกับบริษัท 210 แห่ง ซึ่งรวมถึง HomeDepot และ Goldman Sachs ด้วย

ตามระบบของ Bright Horizons นายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ไม่ใช่สถานศึกษาความชาญฉลาดของโมเดลธุรกิจของ Guild ก็คือการกำหนดสิ่งเร้าอย่างถูกต้อง เนื่องจากสถานศึกษาเป็นฝ่ายที่มองเห็นเงินเป็นสิ่งจูงใจมากกว่าใครๆ ดังนั้นพวกเขาจึงยินยอมพร้อมใจกันควักกระเป๋า

คู่แข่งอีกรายหนึ่งก็คือ InStride ซึ่งตั้งอยู่ใน Los Angeles และก่อตั้งขึ้น ในปี 2019 ด้วยเงินทุนจาก Arizona State University โดย InStride ก็เรียกเก็บค่าบริการจากบรรดานายจ้างเช่นเดียวกับ Bright Horizons

“ฉันมองว่าการแข่งขันของเราจะเป็นรูปแบบเดิมๆ เพราะบรรดานายจ้างต่างก็เสนอสวัสดิการให้พนักงานสามารถเบิกคืนค่าเล่าเรียนจากบริษัทได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่มีพนักงานคนไหนที่ใช้ประโยชน์จากสวัสดิการที่ว่านี้เลย” Carlson กล่าว
เรื่อง: Alexandra Wilson และ Susan Adams เรียบเรียง: ริศา ภาพ: Jamel Toppin

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/europe/funding-circle-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4.html">Funding Circle สินเชื่อระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ</a>


<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/4b34bba9-9fcc-4170-bf0c-9f81eb1bc94c/april-2020">คลิกอ่านฉบับเต็มจากบทความเรียกเก็บ (เงิน) จากสถานศึกษาได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-28551" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/ศุภชัย-เจียรวนนท์-01.jpg" alt="" width="300" height="394" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events