<strong>CAS Centre อาคารสำนักงานแห่งใหม่ในย่านพระราม 9 ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ต่างให้ความสนใจ</strong> <strong>พร้อมเปิดประสบการณ์ </strong><strong>Work-Play-Dine ที่สมบูรณ์แบบแล้วในเดือนมีนาคม 2564 นี้</strong>

โดดเด่นด้วยตัวอาคารที่สูงถึง 36 ชั้น (และมีชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น) ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่สำนักงานให้เช่า    29 ชั้น พื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ 8 ชั้น และพื้นที่อเนกประสงค์ภายในอาคารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการในการทำธุรกิจทุกรูปแบบ ทั้งสำนักงานออฟฟิศให้เช่าและพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ (Retail) ที่สำคัญ CAS Centre ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่สะดวกสบาย ด้วยทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงง่ายและพรั่งพร้อมไปด้วยระบบคมนาคมพื้นฐาน เชื่อมต่อง่ายด้วยรถไฟใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีมักกะสัน และอยู่ใกล้กับทางด่วนสายหลักที่สามารถไปสู่สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่า จ่ายน้อยกว่า...แต่ได้กลับมามากกว่าที่เคย CAS Centre มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น      ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ก็รังสรรค์ออฟฟิศได้ดั่งใจ รวมทั้งพื้นที่โล่ง  แบบคอลัมน์ฟรี (Column free) และออฟฟิศแบบดูเพล็กซ์ (Duplex) หรือออฟฟิศแบบสองชั้นที่มีบันได  เชื่อมต่อถึงกัน เพิ่มพื้นที่และประสิทธิภาพในการทำงาน และมากกว่า...ด้วยพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ (Retail) ที่ให้คุณเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ฟิตเนส และบริการต่างๆ ที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับ  ไลฟ์สไตล์ของพนักงานออฟฟิศและผู้ใช้บริการที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

<img class="alignnone size-full wp-image-35088" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/edite-1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<strong>พื้นที่สำนักงานยุคใหม่..​.จัดสรรได้ดั่งใจ ไร้ขีดจำกัด</strong>

CAS Centre มีพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งสิ้น 29 ชั้น ตั้งแต่ขนาด 91 ตารางเมตร ไปจนถึง 1,431      ตารางเมตร เป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบไร้เสากั้น พร้อมสร้างความยืดหยุ่นในการจัดการออฟฟิศในรูปแบบต่างๆ และพิเศษสุด! ในทุกสำนักงานจะมีห้องน้ำส่วนตัวภายใน และบางยูนิตมีพื้นที่เพิ่มเติมซึ่งสามารถปรับเป็นห้องครัวสำหรับเตรียมอาหารส่วนตัวหรือห้องอาบน้ำได้ ช่วยลดการแชร์พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี ตอบรับการเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ หลังวิกฤตโควิด 19 ที่ทำให้นิยามการใช้พื้นที่ออฟฟิศ      ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV และพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อาคารจอดรถที่รองรับมากกว่า 900 คัน พร้อมบริการล็อกเกอร์เก็บของขนาดใหญ่ที่บริเวณอาคารจอดรถ นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถพลังงานไฟฟ้ากว่า 200 คัน เพื่อการชาร์จพลังงานสะอาด และมีที่จอดรถจักรยานยนต์กว่า 300 คัน

<img class="alignnone size-full wp-image-34949" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/2.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<strong>โอกาสดีๆ ที่เลือกได้และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ </strong>

CAS Centre มีพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ (Retail) ทั้งหมด 8 ชั้น  CELLAR@NINE (เซลล่าแอทไนน์) คือ      ชื่อเรียกพื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินที่มีทางเข้าหลักจากถนนดินแดงและเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ คุณจะได้พบกับศูนย์อาหาร (Food court), ร้านอาหารชั้นนำ คอฟฟี่ช็อป และร้านสะดวกซื้อ ส่วนในชั้นอื่นๆ      จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวบรวมร้านค้าแบรนด์ดังและสินค้าที่หลากหลาย รวมทั้งฟิตเนสที่ทันสมัย โดยแต่ละชั้นจะเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วคล่องตัวในการขนส่งสินค้าหรือ Delivery Service พร้อมด้วยลานจอดรถสำหรับสุภาพสตรีและบริการล้างรถระดับคุณภาพ

<img class="alignnone size-full wp-image-34950" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/3-1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

บริเวณชั้น 7 เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของ CAS Centre เพราะมาพร้อมลานเทอร์เรซ (Terrace) ขนาดใหญ่ ที่จะทำให้คุณได้เห็นกรุงเทพฯ ในมุมแบบพาโนรามาที่สวยงามจับใจ และเหมาะสำหรับเป็นร้านอาหาร  แบบไฟน์ไดน์นิ่ง (Fine Dining) พื้นที่สำหรับจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ส่วนตัว (Private Event) หรือพื้นที่    ความบันเทิงเพื่อการผ่อนคลายหลังเลิกงาน

นอกจากนี้ CAS Centre ยังตั้งอยู่ในบริเวณแยกพระราม 9 ใจกลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถานทูตจีน และคลาคล่ำไปด้วยจำนวนผู้พักอาศัยที่อยู่คอนโดมิเนียมกว่า 16,000 ห้อง ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยรอบ CAS Centre

<img class="alignnone size-full wp-image-34951" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/4.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<strong>นิยามใหม่ของสุขอนามัยในออฟฟิศหลังยุคโควิด </strong><strong>19</strong>

การมีสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีเป็นเรื่องที่ทุกคนในยุคโควิค 19 ตระหนักและให้ความสำคัญมาก โดย    CAS Centre นั้นพรั่งพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยในสุขภาพอนามัยของผู้เช่าและ  ผู้ใช้บริการอาคาร โดยในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางและห้องน้ำสาธารณะจะใช้ระบบไร้การสัมผัส (Hands-free) ตั้งแต่ประตูเข้า–ออกด้วยเครื่องเปิดประตูอัตโนมัติระบบเซ็นเซอร์ ก๊อกน้ำ ภาชนะใส่สบู่ล้างมือ และเครื่องเป่ามือด้วยลมร้อน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นระบบอัตโนมัติและไร้การสัมผัส

CAS Centre ให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพอากาศ จึงมีการติดตั้งเครื่องกรองอากาศและฝุ่น PM 2.5    ทั้งในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางและสำนักงาน มีระบบป้องกันมลภาวะทางอากาศในบริเวณทางเข้าอาคาร      และป้องกันไม่ให้มลพิษจากภายนอกเข้ามาสู่อาคาร เพื่อรักษาคุณภาพอากาศและอุณหภูมิที่เหมาะสม

<img class="alignnone size-full wp-image-34952" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/5-1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<strong>พลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับทุก </strong><strong>Gen</strong>

ไม่เพียงแต่สไตล์การออกแบบอาคารที่ทำให้ดูโดดเด่น สะดุดตาในย่านพระราม 9 หากแต่ยังผสานไปด้วยการออกแบบและการพัฒนาที่คำนึงถึงหลักในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยดีไซน์อาคารให้ประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟ LED ในพื้นที่ส่วนกลาง การนำกระจกลามิเนตและกระจกฉนวน  กันความร้อนมาใช้เพื่อประหยัดพลังงานและค่าซ่อมบำรุง รวมทั้งการออกแบบเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไฟเบอร์ออฟติก พร้อมทั้งรองรับสัญญาณอินเตอร์เน็ต 5G และตั้งเป้าหมายเพื่อการได้รับรองมาตรฐานสากลอย่าง LEED Gold Core &amp; Shell Certification ซึ่งฟังก์ชั่นต่างๆ เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้เช่า พนักงานออฟฟิศ และผู้ใช้บริการทุกคน

ด้วยการออกแบบและการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกผสมผสานระหว่างสถานที่ทำงานที่สะดวกสบายและ    สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งพื้นที่ภายนอกและพื้นที่ภายในที่ให้ความรู้สึกร่มรื่นและผ่อนคลาย      ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน รับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และเป็นสถานที่ซึ่ง    เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

<strong>CAS Centre </strong><strong>จึงเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของผู้ที่กำลังมองหาสำนักงานหรือพื้นที่ให้เช่า        <span style="color: #008000;">บนทำเลที่ใช่ ในไลฟ์สไตล์ที่ชอบ และพร้อมตอบโจทย์ทุกความคุ้มค่า </span></strong>

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.cas-centre.com/">www.cas-centre.com</a>
สอบถามข้อมูลเช่าสำนักงานออฟฟิศหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อที่โทร. 0-2643-8038
หรืออีเมล์ <a href="cas.centre@th.knightfrank.com">cas.centre@th.knightfrank.com</a>

“CAS CENTRE RAMA 9” เปลี่ยน...เพื่อทำเลที่ใช่กว่า “อาคารสำนักงานแห่งใหม่” ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้

<h2>เปิดแผน 'ศุภาลัยปี 2562' ปัจจัยลบรอบด้าน วางเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท โต 5% เปิดตัวใหม่ 34 โครงการ 40,000 ล้านบาท เน้นจับกลุ่มตลาดกลางเสริมด้วยบ้าน-คอนโดฯ หรู ชี้เทรนด์ปีนี้ราคาที่ดินเติบโตแบบชะลอตัวหลังดีเวลอปเปอร์หยุดทุ่มซื้อ</h2>
<strong>ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร และ <strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ สองผู้บริหาร <strong>บมจ.ศุภาลัย</strong> ร่วมกันแถลงวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2562 ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตลดลง มีปัจจัยลบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

<strong>ไตรเตชะ</strong> เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัท<strong>ปี 2561 มีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารวม 25,980 ล้านบาท</strong> ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ว่าจะมีการเปิดตัวรวม 40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัท<strong>สร้างยอดขายได้ 33,343 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 8% จากปี 2560</strong> ขณะที่การรับรู้รายได้วางเป้าหมายต้นปี 2561 ไว้ที่ 26,000 ล้านบาทซึ่งต้องรอรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนรายงานผลการดำเนินงานต่อไป

“เรามีการชะลอการเปิดโครงการออกไปในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อน เพราะเห็นแนวโน้มว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 จากโครงการที่อยู่ระหว่างขาย ทำให้หลายโครงการจะนำมาเปิดตัวในปีนี้แทน” ไตรเตชะกล่าว

สำหรับ<strong>แผนธุรกิจปี 2562 ศุภาลัยเตรียมเปิดตัว 34 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท</strong> แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการทำเลในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลทั้งหมด เช่น พระราม 9, สาทร, ธนบุรี และโครงการแนวราบอีก 28 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด <strong>โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 5% และเป้าหมายรับรู้รายได้ 28,000 ล้านบาท เติบโตจากเป้าของปีก่อนหน้า 7%</strong> พร้อมกำหนดงบซื้อที่ดินอีก 8,000 ล้านบาท

<figure><img class="wp-image-3672 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/ศุภาลัย-2562-ไตรเตชะ-ประทีป-ตั้งมติธรรม.jpg" alt="" width="800" height="546" /><figcaption> (ซ้าย) ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม และ (ขวา) ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม</figcaption></figure>

ทั้งนี้ <span style="color: #ff0000;">เซ็กเมนต์ราคาโครงการส่วนใหญ่จะยังคงเน้นคอนโดมิเนียมราคา 6-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. และโครงการแนวราบราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งเป็นจุดแข็งของศุภาลัย แต่จะเสริมด้วยโครงการหรือยูนิตระดับบนขึ้นในบางโครงการ</span> เช่น บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 20 ล้านบาทซึ่งบริษัทไม่เคยพัฒนามาก่อน รวมถึงคอนโดฯ ที่คาดว่าจะทำราคา new high ของบริษัทที่คอนโดฯ บนแปลงที่ดินถนนสาทร หลังจากเคยเปิดตัวศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 ในราคา 1.3-1.6 แสนบาทต่อตร.ม.

&nbsp;
<h2>ชิงจังหวะดึงลูกค้าช่วงคู่แข่งผ่อนคันเร่ง</h2>
“เป้ายอดขายโต 5% บางท่านอาจจะมองต่างกันไปว่าเป็นยอดเติบโตที่เยอะหรือน้อย เพราะหลายคนประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะไม่โตเลยด้วยซ้ำ แต่เราคิดว่าปัจจัยลบต่างๆ จะทำให้ซัพพลายเข้ามาน้อยลง ทำให้เป็นโอกาสของเรา” ไตรเตชะคาดการณ์

ปัจจัยลบดังกล่าว ได้แก่ มาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมเข้ม LTV สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นแล้ว 0.25% และสภาวะเศรษฐกิจที่อาจเติบโตชะลอลง

&nbsp;
<h2>ปัจจัยลบแวดล้อมแต่ไม่สาหัส</h2>
อย่างไรก็ตาม เอ็มดีศุภาลัยมองว่าปัจจัยลบต่างๆ ไม่ได้ส่งผลหนักอย่างที่หวั่นวิตกกัน เช่น <strong>มาตรการคุมอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV</strong> หลังจาก ธปท. พิจารณาให้การทำสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองสามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ 90% หากผ่อนชำระหลังแรกไปแล้วเกิน 3 ปี<span style="color: #ff0000;"> ทำให้กลุ่มลูกค้าที่จะได้รับผลกระทบมีราว 10% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าบ้านแนวราบซึ่งปกติมักจะวางเงินดาวน์เพียง 3-5% และกู้สินเชื่อเพื่อโอนทันที บริษัทจะปรับตัวให้ลูกค้าผ่อนได้ยาวขึ้นเป็น 6-8 เดือน โดยแบ่งไซต์ก่อสร้างมีทั้งโซนบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่และบ้านระหว่างสร้างเพื่อแก้โจทย์มาตรการ LTV</span>
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89.html">เคาะแล้ว! นโยบายแบงก์ชาติคุมปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน เริ่ม 1 เม.ย. 62</a></li>
</ul>
<strong>ดร.ประทีป</strong> กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อลูกค้า และอัตราดอกเบี้ย MLR ที่ลูกค้าผ่อนบ้านได้รับยังอยู่ที่ราว 4-5% มองว่าอยู่ในระดับที่ ‘ไม่เลวร้าย’

&nbsp;
<h2>จับตาราคาที่ดินเติบโตชะลอลง</h2>
ด้านต้นทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ดร.ประทีปเปิดเผยว่า ปีนี้ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างถูกลงหลังจากราคาเหล็กปรับลดลงมาตามราคาน้ำมัน และภาคแรงงานพ้นช่วงวิกฤตขาดแคลน

แต่ราคาที่ดินยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของอสังหาฯ โดยชี้ว่าที่ผ่านมาในรอบ 20 ปี (2541-2561) ดัชนีราคาที่ดินปรับขึ้นมา 100% แต่ราคากลางของบ้านและคอนโดฯ ขึ้นมาเพียง 30% เท่านั้น

<img class="alignnone size-full wp-image-3673" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/IMG_20190114_103751_1-01-e1547457981685.jpeg" alt="" width="800" height="600" />

“เท่ากับดีเวลอปเปอร์จะพัฒนายากขึ้น คือต้องลดกำไรตัวเอง หรือต้องขายแพงขึ้น แต่จะเสี่ยงเพราะขายยากขึ้น<strong> ราคาที่ดินขึ้นสูงเพราะเจ้าของที่ดินมองว่าเป็นราคาที่ขายได้ และช่วงที่ผ่านมามีดีเวลอปเปอร์ที่กล้าซื้อเพราะเชื่อว่าขึ้นราคาขายก็ยังขายได้ แต่ปีนี้คงจะต้องปรับตัว</strong> คนกินข้าวจานที่ 3 ไปแล้วมันเริ่มตื้อแล้ว จะกินจานที่ 4 ก็ต้องรอย่อยก่อน เจ้าของที่ดินก็ต้องยอมปรับลง” ดร.ประทีปกล่าว

&nbsp;
<h2>เปิดตัวคอนโดฯ แรกของปี โครงการตึกเตี้ยย่านพระราม 9</h2>
สำหรับโครงการแรกของบริษัทที่จะเปิดในปีนี้ คือ <strong>ศุภาลัย ไพรม์ พระราม 9</strong> มูลค่าโครงการ 770 ล้านบาท ทำเลริมถนนพระราม 9 ด้านหน้าโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2559 ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า รฟม. (สายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) 350 เมตร

เนื้อที่ดิน 2 ไร่ครึ่ง ออกแบบเป็น 2 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวน 217 ยูนิต ห้องชุดฟังก์ชัน 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31-67 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 83,100 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้น 2.53 ล้านบาทต่อยูนิต เปิดพรีเซลวันที่ 26-27 มกราคมนี้

<figure><img class="size-full wp-image-3674" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Supalai-Prime-Rama-9_Aerial-e1547458013982.jpg" alt="" width="800" height="528" /><figcaption> ศุภาลัย ไพรม์ พระราม 9</figcaption></figure>

ไตรเตชะกล่าวว่า เดิมที่ดินแปลงนี้ตั้งใจจะก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์แต่มีการปรับแผน หลังจากมีลูกค้าสอบถามมีความต้องการห้องชุด จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคอนโดฯ แต่เลือกพัฒนาเป็นตึกเตี้ย เพื่อให้ไม่บังวิวของลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ไปแล้ว

นอกจากโครงการนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 5 แห่งภายในไตรมาส 1/62

&nbsp;

ศุภาลัยปี 2562 พลิกปัจจัยลบเป็นโอกาส ตั้งเป้ายอดขายโต 5%

<h2>“ชาลี” ลงทุน 2.6 พันล้านเปิดแคมปัสใหม่โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีถนนพระราม 9 ระดับชั้นอนุบาล-ประถมศึกษา พัฒนาหลักสูตรสามภาษา อังกฤษ-ไทย-จีน พร้อมขึ้นโครงการอะพาร์ตเมนต์พันล้าน 300 ยูนิตในพื้นที่ เตรียมขยายโรงเรียนโชรส์เบอรีใน Guangzhou ประเทศจีน</h2>
ชาลี โสภณพนิช ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ เปิดเผยว่า โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ – ริเวอร์ไซด์ แคมปัส ถนนเจริญกรุง ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2546 กำลังอยู่ระหว่างขยายแคมปัสใหม่ที่ถนนพระราม 9 ในชื่อ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัส โดยได้ลงทุนไปกว่า 2.6 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างสถานศึกษาบนเนื้อที่ 15 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลปิยะเวท

<figure><img class="wp-image-9612 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/84.1.png" alt="" width="350" height="466" /><figcaption> ชาลี โสภณพนิช</figcaption></figure>

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัส จะจัดการเรียนการสอนเฉพาะชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา (เกรด 6) รองรับนักเรียนได้ 640 คน แตกต่างจากฝั่งริเวอร์ไซด์ แคมปัส ซึ่งมีการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา (เกรด 12) อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่เข้าเรียนในซิตี้ แคมปัสจะได้รับสิทธิการันตีเข้าเรียนต่อเกรด 7 ที่ริเวอร์ไซด์ แคมปัสทันที

“เราเลือกขยายแคมปัสในทำเลพระราม 9 เพราะเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกและสามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นย่านที่ชาวต่างชาติอยู่อาศัย ทำให้มีดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง” ชาลีกล่าว

ทั้งนี้ บริเวณรอบข้างโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัสยังมีพื้นที่เหลืออีก 30 ไร่ ชาลีมองว่าพื้นที่นี้จะไม่ขยายขนาดแคมปัสเพิ่มอีกในอนาคต แต่จะแบ่งเนื้อที่ 5 ไร่ก่อสร้างเป็นอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าสูง 8 ชั้น จำนวนห้องประมาณ 300 ยูนิตเพื่อเป็นที่พักอาศัยให้กับครูอาจารย์ 40-50 คน และส่วนที่เหลือปล่อยเช่าแก่คนภายนอก มูลค่าโครงการ 800-1,000 ล้านบาท ส่วนที่ดินอีก 25 ไร่ยังเก็บไว้เป็นแลนด์แบงก์ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นโครงการ mix-used ได้ คล้ายคลึงกับที่ริเวอร์ไซด์ แคมปัส ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ ประกอบด้วยโรงแรม 380 ห้อง และอะพาร์ตเมนต์ 260 ห้อง

<figure><img class="wp-image-9614 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/84.2.png" alt="" width="680" height="491" /><figcaption> โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัส อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะเปิดการเรียนการสอนเทอมแรกในเดือนสิงหาคม 2561</figcaption></figure>

ชาลี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้โชรส์เบอรียังเตรียมจะขยายไปเปิดโรงเรียนในฮ่องกงและ Guangzhou ประเทศจีน โดยที่ฮ่องกงจะเปิดในปี 2561 ซึ่งตระกูลโสภณพนิชไม่ได้ร่วมลงทุนแต่เป็นที่ปรึกษาการก่อตั้ง ขณะที่ใน Guangzhou จะเปิดราวปี 2562-63 ซึ่งสาขานี้ได้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนกับนักธุรกิจท้องถิ่น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดมูลค่าการลงทุนหรือแผนการดำเนินงานได้ อย่างไรก็ตาม สาขาของโชรส์เบอรีในฮ่องกงและ Guangzhou จะทำให้เกิดบุคลากรที่สามารถแลกเปลี่ยนกับโชรส์เบอรี กรุงเทพ ได้

Stephen Holroyd ผู้อำนวยการ โรงเรียน โชรส์เบอรี อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย เปิดเผยว่า ผู้ปกครองมีความต้องการส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนกับโชรส์เบอรีเป็นจำนวนมาก โดยมีนักเรียนที่ถูกปฏิเสธเนื่องจากจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอไปกว่า 650 คนในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีการเปิดแคมปัสใหม่ที่พระราม 9 ขึ้น

<figure><img class="wp-image-9615 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/84.3.png" alt="" width="680" height="494" /><figcaption> Stephen Holroyd</figcaption></figure>

“Continuity of Leadership คือจุดแข็งของเรา เพราะเราเน้นหนักการลงทุนกับบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทำให้การเรียนการสอนมีความต่อเนื่อง อัตราการลาออกของครูอาจารย์ของโรงเรียนจึงต่ำเพียง 10-15% ต่อปี นอกจากนี้ครูใหญ่ของเรายังเป็นผู้คัดเลือกครูจากอังกฤษด้วยตนเอง และ 70% ของครูที่โชรส์เบอรีเป็นชาวอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของโรงเรียน” Halroyd กล่าว

ด้าน Amanda Dennison ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ – ซิตี้ แคมปัส กล่าวว่า หลักสูตรของโรงเรียนจะเน้นการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ควบคู่ไปกับภาษาไทยซึ่งนักเรียนจะต้องพูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาไทยได้คล่องแคล่วเช่นกัน รวมถึงโรงเรียนอยู่ระหว่างพัฒนาหลักสูตรภาษาจีนกลางเป็นภาษาที่สามซึ่งจะเสริมให้กับนักเรียนเรียนรู้ในอนาคต

<figure><img class="wp-image-9616 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/84.4.png" alt="" width="680" height="575" /><figcaption> (จากซ้าย) Stephen Holroyd, ชาลี โสภณพนิช และ Amanda Dennison</figcaption></figure>

Amanda กล่าวปิดท้ายว่า การออกแบบเชิงกายภาพของโรงเรียนในแคมปัสใหม่นี้ จะออกแบบเป็นตึก 3 ชั้น และเป็นห้องเรียนแบบ Clustered ทำให้นักเรียนแต่ละห้องเรียนสามารถเชื่อมถึงกันได้ กระตุ้นให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน และมีบรรยากาศแวดล้อมด้วยสวนสีเขียว หน้าต่างกว้างรับแสงแดด เพื่อเสริมบรรยากาศสร้างศักยภาพการเรียนรู้ของนักเรียน

<strong>Forbes Facts</strong>
<ul>
 	<li>ค่าเทอมของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ อยู่ที่ 4 แสนบาทต่อปี (3 เทอม)</li>
 	<li>ชาลีกล่าวว่า นักเรียนนานาชาติในไทยคาดว่ามีอยู่ประมาณ 3-4 หมื่นคนต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดราวปีละ 35 - 1.8 หมื่นล้านบาท</li>
 	<li>โรงเรียนโชรส์เบอรี กรุงเทพ เป็นสาขาหนึ่งของโรงเรียนโชรส์เบอรี ประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2095 ในรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 และเป็นหนึ่งใน 9 โรงเรียนชั้นนำของอังกฤษ ได้แก่ Shrewsbury, Eton College, Westminster, St Paul’s, Merchant Taylors, Harrow, Rugby และ Winchester College</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events