<h2>"ยูพีเอส" บริษัทผู้ให้บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมโซลูชันเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจออนไลน์ (e-commerce) พร้อมลดอุปสรรคทางการค้าสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMBs) ในไทย</h2> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/Cm1TTYsfMGkhq2EKc3B5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Cm1TTYsfMGkhq2EKc3B5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;"ยูพีเอส" บริษัทเผยวัตกรรมโซลูชัน&nbsp;ด้วยนวัตกรรมด้านบริการ เครื่องมือ และโซลูชันที่หลากหลายของยูพีเอส ช่วยลดความซับซ้อนด้านการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนด้วยการลดความยุ่งยากและลดต้นทุนตลอดทั้งกระบวนการจัดส่ง นับตั้งแต่การส่งและติดตามสินค้า ไปจนถึงการลดความซับซ้อนของพิธีการศุลกากรและการส่งคืนสินค้า&nbsp;&nbsp;&nbsp; ทั้งนี้จากการที่สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยคาดการณ์ว่ามูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศฯ จะเติบโตจาก 8 แสนล้านบาทในปี 2022 เป็น 4 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 ในขณะที่ข้อมูลของ JP Morgan ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (cross-border e-commerce) ในปัจจุบันมีสัดส่วนเกือบ 30% ของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซช่วยให้การเข้าถึงลูกค้าในต่างประเทศง่ายขึ้น ประกอบกับธนาคารเริ่มมีบริการที่ช่วยให้การชำระเงินข้ามประเทศรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของการส่งสินค้าข้ามพรมแดนยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนมากในการปลดล็อคศักยภาพของการทำธุรกิจกับลูกค้าในระดับภูมิภาคและระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รัสเซล รี้ด กรรมการผู้จัดการ ยูพีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเข้าใจในมุมมองของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่อาจรู้สึกว่าการส่งสินค้าข้ามพรมแดนนั้นมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในด้านของเวลา ทรัพยากร และต้นทุน ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขาในการคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปอีกขั้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราอยากให้ผู้ประกอบการรู้ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเครื่องมือและความเชี่ยวชาญของยูพีเอสสามารถช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดส่งสินค้าข้ามพรมแดน พิธีการศุลกากร รวมถึงยังช่วยผู้ประกอบการให้เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าเดิม ดังนั้น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยจึงสามารถมุ่งให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจ และไว้ใจให้เราช่วยดูแลด้านโลจิสติกส์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากรายงานผลการวิเคราะห์อุตสาหกรรมการค้าภายในเอเชียของยูพีเอสที่สำรวจโอกาสทางการค้าภายในภูมิภาคถึงปี 2030 พบว่าตลาดหลักทั้ง 12 ตลาด ในเอเชียแปซิฟิก ได้มีการนำข้อมูลทางดิจิทัลมาช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น (digitalization) ในระดับที่มากกว่าค่าเฉลี่ยโลก นอกจากนี้ ตลาดหลักกำลังเร่งพัฒนาตัวชี้วัดด้านการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในทุกส่วนงาน (digital adoption metrics) ในอัตราที่เร็วยิ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่าประชากรที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตจะมีจำนวนเพิ่มอีกเกือบ 700 ล้านคน ภายในปี 2025 อันจะสร้างกลุ่มผู้บริโภคออนไลน์ที่มีความรู้เรื่องไอทีสูงเพิ่มขึ้น การขนส่งที่ง่ายกว่า &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Guest shipping เป็นบริการที่สามารถลดความซับซ้อนในขั้นตอนเริ่มแรกของการจัดส่งสินค้า โดยช่วยให้ผู้ขายสามารถเตรียมจัดส่งบน ups.com ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีกับยูพีเอส ซึ่งบริการ Guest Shipping ยังมาพร้อมทางเลือกในการรับสินค้าที่หลากหลาย พร้อมทั้งความสามารถในการติดตามพัสดุ และยังสามารถคำนวณค่าขนส่งโดยประมาณได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยูพีเอส ยังใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ประเภทหรือชนิดของสินค้าที่ลูกค้ามักจัดส่งเพื่อช่วยในการระบุรหัสภาษีศุลกากรที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความล่าช้าในขั้นตอนการเดินพิธีการทางศุลกากร รวมถึงยังช่วยให้สามารถคำนวณค่าธรรมเนียมและภาษีได้แม่นยำขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการทราบถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจนยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยูพีเอสยังมีเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ เพื่อช่วยให้ร้านขายของออนไลน์สามารถจัดการกับพัสดุของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น UPS My Choice for Business ที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถจัดการพัสดุทุกชิ้นในแดชบอร์ดเดียว โดยแดชบอร์ดนี้มาพร้อมบริการแจ้งเตือน ติดตามและอัปเดตสถานะการจัดส่ง ซึ่งช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมการจัดส่ง ติดตามสถานะสินค้าขาเข้าและขาออกทั้งหมด เปลี่ยนปลายทางและวันที่จัดส่ง และจัดการกับการส่งคืนสินค้าและคำเรียกร้องต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ธุรกิจที่ค้าขายบนตลาดออนไลน์ยังสามารถเข้าร่วม Digital Access Programme ของยูพีเอส เพื่อที่จะเชื่อมต่อการจัดการขนส่งไปพร้อมกับกระบวนการสั่งซื้อของผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้ธุรกิจขนาดย่อมสามารถมุ่งเน้นไปที่การขายมากกว่ากังวลเกี่ยวกับการจัดส่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านของ paperless invoicing หรือการออกใบแจ้งหนี้แบบไร้กระดาษเป็นบริการที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดย่อมที่ส่วนใหญ่แล้วมีเวลาและทรัพยากรจำกัดในการออกใบแจ้งหนี้แบบปกติ ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ขั้นตอนการเดินพิธีการทางศุลกากรคล่องตัวขึ้นและยังช่วยลดการใช้กระดาษอีกด้วย การขนส่งที่ไร้กังวล &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การจัดการกับการส่งคืนสินค้านั้นมักเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจออนไลน์ โดยยูพีเอสสามารถช่วยลดความยุ่งยากในการคืนสินค้าสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ขายด้วยตัวเลือกฉลากส่งคืนสินค้าที่พิมพ์ไว้แล้วล่วงหน้า หรือ ฉลากส่งคืนทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถส่งอีเมลใบปะหน้าการส่งคืนให้กับลูกค้าของคุณเพื่อทำให้กระบวนการส่งคืนสินค้าง่ายขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยผลวิจัยชี้ให้เห็นว่านักช้อปต่างประเทศมักคำนึงถึงนโยบายการคืนสินค้าก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ดังนั้น การมีกระบวนการคืนสินค้าและแลกเปลี่ยนที่มีความเรียบง่ายจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการซื้อสินค้า รวมถึงช่วยกระตุ้นยอดขาย พร้อมกับการส่งเสริมการซื้อซ้ำและเสริมสร้างการบอกต่อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมโซลูชันการขนส่งเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจออนไลน์ข้ามพรมแดนได้ทำธุรกิจแบบไร้กังวล โดยเครื่องมือดิจิทัลและตัวเลือกการจัดส่งของยูพีเอสนั้นออกแบบมาเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการกับกระบวนการขายของออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา” รัสเซล กล่าวทิ้งท้าย​อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/chow-shing-yuk-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-lalamove" alt="Chow Shing Yuk จากเซียนไพ่โป๊กเกอร์สู่เครือข่ายโลจิสติกส์สุดยิ่งใหญ่ Lalamove">Chow Shing Yuk จากเซียนไพ่โป๊กเกอร์สู่เครือข่ายโลจิสติกส์สุดยิ่งใหญ่ Lalamove</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"ยูพีเอส" นำเสนอนวัตกรรมโซลูชันหนุนโอกาสธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย

<h2>ซีเจ โลจิสติคส์ เดินหน้าขยายการเติบโตภายใต้ กลยุทธ์ “Pan Asia No.1” ด้วยการเปิดตัว “ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา” ศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุอัจฉริยะแห่งล่าสุด ด้วยขนาด 71,900 ตารางเมตร รองรับและจัดการพัสดุสูงถึง 408,000 ชิ้นต่อวัน ใน 2 ปีข้างหน้า</h2>
Tae-Young Chung รองประธานบริหารอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนส่งพัสดุ ซีเจฯ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ของซีเจ โลจิสติคส์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป้าหมายของเราคือ การเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติคส์และการจัดการพัสดุของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลักขององค์กรในการเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านโลจิสติกส์ของโลก และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ"

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการวางรากฐานที่แข็งแกร่งโดยการสร้างเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ผ่านการควบรวมกิจการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัว โดยวางแผนการลงทุนเพื่อก่อสร้างและพัฒนา ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 43 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท) ภายในปี 2564 ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร “Pan Asia No.1” ในการลงทุนพัฒนาและขยายเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ทั่วภูมิภาคเอเชีย

สมาร์ท ฮับ บางนาแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุอัจฉริยะแห่งแรก ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและระบบการจัดการที่ล้ำหน้าจากประเทศเกาหลีใต้ ครอบคลุมระบบคัดแยกพัสดุอัตโนมัติแบบสายพานล้อเลื่อนและเครื่องสแกนพัสดุอัจฉริยะ (ITS: Intelligent Scanner)  เมื่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการบริหารจัดการพัสดุได้สูงถึง 408,000 ชิ้นต่อวัน

<figure><img class="wp-image-23211 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Mr.-Tae-Young-Chung-and-Mr.jpg" alt="ซีเจ โลจิสติคส์ " width="800" height="533" /><figcaption> Tae-Young Chung รองประธานบริหารอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนส่งพัสดุ และ Myeong-Guk Park กรรมการทั่วไป กลุ่มธุรกิจขนส่งพัสดุ ซีเจฯ ประเทศไทย</figcaption></figure>

ด้าน Myeong-Guk Park กรรมการทั่วไป กลุ่มธุรกิจขนส่งพัสดุ บริษัท ซีเจ โลจิสติคส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแผนดำเนินธุรกิจในระยะกลางและระยะยาวในประเทศไทยว่า “ตลาดอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยเติบโตสูงในระดับตัวเลขสองหลักติดต่อกันมาทุกปี บวกกับการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมากขึ้น วัยรุ่นที่เข้าถึงและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ทำให้เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจจัดส่งพัสดุภายในประเทศ”

“จากปี 2559 ที่มีศูนย์กระจายพัสดุสินค้าย่อย 24 แห่งในภาคต่างๆ พนักงานขับรถขนส่ง 320 คน และกำลังในการรองรับและจัดการพัสดุ 10,000 ชิ้นต่อวัน ภายในปี 2563 เราจะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุย่อยเป็น 120 แห่งในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มพนักงานขับรถขนส่งเป็น 2,200 คน และเพิ่มกำลังในการรองรับและจัดการพัสดุเป็น 240,000 ชิ้นต่อวัน”

<img class="alignnone wp-image-23210 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/CJ-Logistics-Smart-Hub-Bangna_Intelligent-Scanner.jpg" alt="ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา" width="800" height="533" />

ซีเจ โลจิสติคส์ สมาร์ท ฮับ บางนา ถือเป็นก้าวแรกในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำมาประยุกต์ใช้ที่ศูนย์กระจายสินค้าในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และจะมีการถ่ายทอดทักษะและความสามารถในการจัดการด้านโลจิสติคส์ผ่านเทคโนโลยีและงานวิศวกรรมด้านการจัดการระบบและโซลูชั่น หรือ TES (Technology, Engineering, System and Solution) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุของไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ  โดยสมาร์ท ฮับ แห่งนี้  ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่บางพลี (บางนา) จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงเทพมหานคร และสามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศได้อย่างสะดวก
<ul>
 	<li><img class="lazy attachment-full wp-post-image lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2.jpg" sizes="(max-width: 750px) 100vw, 750px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2-300x221.jpg 300w" alt="" width="184" height="156" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/10/319a9d4e301153311dcf3c9bb13f069a-2-300x221.jpg 300w" data-lazy-sizes="(max-width: 750px) 100vw, 750px" />อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/people/entrepreneurs/cj-logistics-%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b6%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%95.html">CJ LOGISTICS เบอร์หนึ่งด้านโลจิสติกส์ จากเกาหลีใต้ พร้อมลงทุนในไทย</a></li>
</ul>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

&nbsp;

ซีเจ โลจิสติคส์ เปิดตัว สมาร์ท ฮับ บางนา พร้อมเผยกลยุทธ์ “Pan Asia No.1”

<h3>Bradley Jacobs มหาเศรษฐีพันล้าน ผู้เป็นศิลปินแห่งการผนวกธุรกิจใช้เงินกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ประกอบร่างบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่งขึ้นจากชิ้นส่วนอันกระจัดกระจาย และตอนนี้เขากำลังปรับแต่งให้มันสร้างกำไรมหาศาล</h3>
เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว Bradley Jacobs เคยศึกษาวิชาคณิตศาสตร์และเปียโน (คลาสสิกและแจ๊ส) ที่ Bennington College และ Brown University ก่อนจะลาออกมาทำงานหาเงิน ตอนนี้ซีอีโอศีรษะล้านเลี่ยนวัย 61 ปี แห่ง XPO Logistics ย้อนรำลึกภูมิหลังนั้นเพื่ออธิบายแนวทางที่เขาใช้ในการควบรวมกิจการขนาดเล็กแบบต่อเนื่องด้วยเทคนิคนำกำไรมาต่อยอดทุน และสร้างธุรกิจสายโหดไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านการเก็บขนขยะ การให้เช่าเครื่องจักรหนัก และการจัดส่งสินค้าให้กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสุทธิ 2.6 พันล้านเหรียญ

หากนั่นฟังดูอวดอ้างไปเสียหน่อย ลองพิจารณาเรื่องนี้ดู ในเดือนกันยายน 2011 บริษัทการลงทุนของครอบครัว Jacobs ทุ่มเงิน 62.5 ล้านเหรียญเพื่อเข้าควบคุม Express-1 บริษัทให้บริการส่งสินค้าด่วนในรัฐ Michigan ที่ทำยอดขายได้ 170 ล้านเหรียญต่อปี เขาเปลี่ยนชื่อ Express-1 เป็น XPO ตามสัญลักษณ์ในตลาดหุ้น ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังรัฐ Connecticut และใช้เวลากว่า 4 ปีทุ่มเงินกว่า 7 พันล้านเหรียญเข้าซื้อกิจการ 17 แห่ง ทุกวันนี้หุ้น XPO ซื้อขายอยู่ที่ 102 เหรียญ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับอัตราผลตอบแทนทบต้นอยู่ที่ 38% ภายใต้การดูแลของ Jacobs นั่นมากกว่าผลตอบแทนของบริษัท S&amp;P สองเท่า และดีกว่า Amazon ด้วย

ความจริงคือ ธุรกิจการควบรวมกิจการเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงไม่ดีนัก ผู้ควบรวมธุรกิจบางรายจ่ายเงินมากเกินไป ยอมรับภาระหนี้สินมากเกินไป และพยายามขายเครือข่ายธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริงหรือแม้กระทั่งตบแต่งบัญชี แต่นักวิเคราะห์ 14 จาก 16 คนที่วิเคราะห์เรื่องหุ้น XPO จัดอันดับให้เป็นหุ้นควรซื้อ

หลังจากที่ Jacobs เริ่มดำเนินการซื้อและควบควมกิจการ XPO ก็มีสถานะอันแข็งแกร่งในสหรัฐฯ และยุโรป ในกลุ่มธุรกิจตัวแทนส่งสินค้า การส่งของช่วงสุดท้าย (ส่งสินค้าขนาดหนักอย่างตู้เย็นจากคลังสินค้าไปยังผู้บริโภค) การขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มคันรถและบริษัทโลจิสติกส์สัญญาจ้าง (จัดการด้านโลจิสติกส์ทั้งหมดของบริษัทผู้ว่าจ้าง) เมื่อปีที่แล้วบริษัทมีกำไรสุทธิ 312 ล้านเหรียญ (2.45 เหรียญต่อมูลค่าหุ้นปรับลด) จากรายได้ 1.54 หมื่นล้านเหรียญ กระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้น 77% ไปอยู่ที่ 374 ล้านเหรียญในปี 2017 และ XPO คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 600 ล้านเหรียญในปี 2018

“ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1990 ผมเขียนรายงานระบุว่า FedEx คือบริษัทเทคโนโลยีที่ซ่อนตัวอยู่ในรูปของบริษัทขนส่ง วันนี้ผมก็คงจะพูดถึง XPO ในแบบเดียวกัน” Donald Broughton นักวิเคราะห์ซึ่งเฝ้าติดตามเหล่ากิจการบริษัทขนส่งจากที่ทำงานของเขาเองในเมือง St. Louis ตั้งข้อสังเกต

งานส่วนใหญ่ของ Jacobs ประกอบด้วยการจัดการเรื่องการทำข้อตกลง การขับเคลื่อนงานต่างๆ และการหาทางทำเงินจากเครือข่ายข้อมูล Jacobs ที่ออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน สนใจการทำกำไรมหาศาลจากน้ำมันเมื่อราคาพุ่งขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เขาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของโบรกเกอร์น้ำมัน และจากนั้นก็ต่อสายตรงพาตัวเองเข้าไปในธุรกิจ ขอความช่วยเหลือจากบุคคลระดับตำนานอย่าง Ludwig Jesselson ประธานบริษัทค้าสินค้าโภคภัณฑ์ Phillip Brothers ในฐานะผู้คอยให้คำปรึกษา (ตอนนี้ลูกชายของ Jesselson เป็นหัวหน้ากรรมการอิสระของ XPO) ในที่สุด Jacobs ก็ย้ายไป London (ซึ่งเขาได้พบกับ Lamia ภรรยาซึ่งเป็นนักค้าน้ำมัน) และทำเงินหลายล้านเหรียญด้วยการจัดหาน้ำมันจากสถานที่ต่างๆ อย่างรัสเซียและไนจีเรีย และให้เช่าเรือเพื่อส่งน้ำมันไปยุโรป

ปี 2011 เขาเริ่มรวบรวมทีมงานวงในด้านโลจิสติกส์ เพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิ่งที่เขาวางแผนไว้ สำหรับตลาดที่มีความกระจัดกระจายสูงมากหากก็มีอัตราการเติบโตสูงมากเช่นกัน อย่างตลาดการขนย้ายสินค้าทั่วโลกที่มีมูลค่าถึง 3 ล้านล้านเหรียญข้อวินิจฉัยของเขาคือ บริษัทต่างๆ ไม่ต้องการเป็นเจ้าของระบบโลจิสติกส์อันน่าปวดหัวของตัวเอง แต่จะยินดีถ่ายโอนความกังวลนี้ไปยังกลุ่มบริษัทอย่าง XPO ที่ให้บริการทุกอย่างตั้งแต่ระบบการขนส่งหลายรูปแบบ (internodal) และการขนส่งแบบเต็มคันรถไปจนถึงการขนส่งบางส่วน คลังกระจายสินค้า และการส่งสินค้าขนาดหนักไปยังประตูบ้านผู้บริโภค

Jacobs เริ่มต้นอย่างมีเป้าหมายในตลาดเฉพาะกลุ่มเงินทุนไม่สูง โบรกเกอร์ส่งสินค้าอย่าง Express-1 ไม่มีรถบรรทุก บริษัทเป็นเพียงคนกลางเชื่อมระหว่างผู้ขนส่งสินค้ากับพนักงานขับรถบรรทุก แต่นั่นเป็นเพียงการยึดหัวหาดสำหรับเปิดฉากการซื้อกิจการเท่านั้น หลังจัดเตรียมเงินทุนได้มากขึ้น Jacobs รีบคว้า 3PD ซึ่งทำให้เขาได้เข้าไปในธุรกิจการส่งสินค้าและให้บริการติดตั้งถึงบ้าน, Pacer บริษัทขนส่งที่มีบริการส่งสินค้า 2 แบบขึ้นไป และ New Breed บริษัทโลจิสติกส์สัญญาจ้างระดับแนวหน้าซึ่งมีลูกค้าชั้นเลิศอย่าง Disney, Boeing และ Verizon ตอนนี้แรงผลักดันใหญ่คือการขายข้ามหน่วยธุรกิจ Jacobs บอกว่าลูกค้า XPO 94 จาก 100 อันดับแรก ซื้อรูปแบบบริการหลากหลายประเภทเพิ่มขึ้นจาก 86 รายเมื่อปีที่แล้ว

สำหรับการตัดสินใจอันชวนโต้แย้งของเขาในปี 2015 ในการจ่ายเงิน 3 พันล้านเหรียญไปกับ Con-way นั้น Jacobs ไม่ขอโทษใดๆ เขาอยากได้หน่วยธุรกิจของ Menlo Logistics ใน Silicon Valley และคิดเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยกองรถบรรทุกของ Con-way กับภาวะวิกฤตเรื่องกำลังการขนส่ง เมื่อเศรษฐกิจเติบโตร้อนแรง การขาดแคลนรถบรรทุก และค่าต้นทุนการขนส่งที่ทะยานขึ้น เป็นผลดีต่อ XPO

วันนี้ บริษัทเป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์ 16,000 คัน รถเทรลเลอร์ 39,000 คัน และกล่องขนส่งสินค้าหลายรูปแบบขนาด 53 ฟุต จำนวน 10,000 กล่องทั่วโลก พร้อมด้วยรถบรรทุก 11,000 คันที่ดำเนินการโดยมีเจ้าของแบบอิสระภายใต้สัญญา และรถบรรทุกอีก 1 ล้านคันในเครือข่าย บริษัทมีคลังสินค้าแบบสัญญาเช่า 775 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่รวม 170 ล้านตารางฟุต และ มีแผนการใหญ่ในการเปิดหน่วยศูนย์กลางจำนวนมากขึ้นในอเมริกาเหนือและยุโรป สำหรับบริการส่งสินค้าช่วงสุดท้ายไปยังผู้บริโภค

<hr />

<a href="http://bit.ly/2KBKIko">คลิกอ่านเรื่องราวฉบับเต็มของ "ปรมาจารย์ นักผนวกกิจการ" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กรกฎาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://bit.ly/2KBKIko"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a6c991f2a6aeac318115eabc06469951.png" alt="" /></a>
<div class="clearfix"></div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events