
เปิดแผนกลยุทธ์ GC ติดปีกธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมรองรับเมกะเทรนด์โลก
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ประกาศกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจในปี 2565 ด้วยการเดินหน้าสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์ที่ครบวงจร พร้อมรองรับเมกะเทรนด์โลก ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์ที่มุ่งสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ยั่งยืน เพื่อเข้าถึงทุกความสุข
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ฉายภาพให้เห็นว่า ในปีนี้ GC มีแผนชัดเจนในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สอดคล้องไปกับ 5 เมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งประกอบด้วย Climate Change & Energy Transition, Demographic Shift, Health & Wellness, Urbanization และ Disruptive Technology ที่มีผลต่อการเติบโต การดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ การแข่งขันทางการค้าและการปรับเปลี่ยนทิศทางของภาคอุตสาหกรรมสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
ดังนั้น แนวทางในการสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์ของ GC จากนี้ นอกจากเน้นความหลากหลาย ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น บรรจุภัณฑ์ เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง พลาสติกเชิงวิศวกรรม เป็นต้น GC ยังยึดหลักความยั่งยืน ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกวัตถุดิบที่มาจาก GC ได้รับการพัฒนาให้ดีที่สุด ใช้ได้อย่างสบายใจ เพราะดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อโลก สอดคล้องกับแคมเปญ #ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี ที่ GC เพิ่งเปิดตัวไป
เจาะทิศทางธุรกิจ GC
ดร.คงกระพัน ชี้กลยุทธ์สำคัญ ซึ่งอยู่ภายใต้กลยุทธ์ 3 Steps ประกอบด้วย
1.Step Change หรือ การทำบ้านให้แข็งแรง ด้วยการทำให้ GC เข้าใกล้ธุรกิจปลายน้ำมากยิ่งขึ้น ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ทั้งด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพการผลิต พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกให้มากขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงที่ GC ร่วมทุนกับ บริษัท Kuraray และ บริษัท Sumitomo ของประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ของโลก เพราะหลังจากโรงงานก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ จะสามารถผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวนะ 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี
โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) ของบริษัท HMC Polymers และการปรับโครงสร้างธุรกิจ PVC เพื่อขยายตลาด PVC ไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ภายหลัง VNT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
2. Step Out การมองหาโอกาสขยายการลงทุนไปต่างประเทศ โดยจะมุ่งไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรสูง ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของโลก หนึ่งในความสำเร็จที่เป็น จิ๊กซอว์สำคัญของ GC คือ การเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง HVB (High Value Business) ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการเข้าซื้อกิจการ allnex ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์สารเคลือบผิว (Coating Resins) และสารเติมแต่งสำหรับงานอุตสาหกรรม ที่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องความทนทาน สวยงาม ยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยหลังจากนี้ GC ยังมีแผนจะมุ่งสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ด้วยการไม่หยุดมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ
3.Step Up หรือการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ซึ่ง GC ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์ได้จากผลงานที่ผ่านมา GC ได้รับรางวัลและใบรับรองด้านความยั่งยืนในระดับโลกมากมาย และจากนี้ยังมีเป้าหมายใหญ่ คือ “Together To Net Zero” หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จ
ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า เพื่อสนับสนุนทิศทางองค์กรและแผนกลยุทธ์ในระยะยาว GC ยังได้ปรับเปลี่ยนองค์กรในหลายๆ ด้านเพื่อให้พร้อมก้าวไปด้วยกัน ตั้งแต่การปรับโครงสร้างภายใน การนำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในองค์กร รวมถึงใช้การทำตลาดและการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีเข้ามา รวมทั้งปรับองค์กรเพื่อการดำเนินงานด้าน Decarbonization เพราะก่อนไปสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ GC มีเป้าหมายระยะกลางคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลง 20% ภายในปี 2573
GC เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
แม้จะโฟกัสเรื่องความยั่งยืน แต่ธุรกิจก็ยังต้องเติบโตไปคู่ขนานกัน ถามว่า GC เติบโตแค่ไหน ดร.คงกระพัน เผยให้เห็นผลงานของ GC ในปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกว่าเป็น “ปีแห่งความสำเร็จ”
เพราะถ้าไปดูรายได้ในปี 2564 GC มีรายได้จากการขาย 465,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและการปรับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง และรายการพิเศษอื่นๆ) ที่ 55,186 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 93% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ในปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 44,982 ล้านบาท (10.01 บาท/หุ้น) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% จากปี 2563
นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ดร.คงกระพัน กล่าวว่า เพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครบวงจร GC ได้ปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ประกาศซื้อหุ้น VNT จากผู้ถือหุ้น เพื่อขยายฐาน สร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจปลายน้ำและเป็นการเพิ่มมูลค่าในธุรกิจสายโอเลฟินส์ให้กับ GC นอกจากนี้ยังปรับพอร์ตโฟลิโอการลงทุน โดยลดขนาดของกลุ่มธุรกิจที่เป็น Non-Petrochemical ลง เพื่อโฟกัสไปที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ให้มากขึ้น โดยขายหุ้น GPSC ให้ ปตท. จำนวน 12.73% มูลค่าราว 25,000 ล้านบาท โดยเหลือหุ้นอยู่จำนวน 10 %
ขณะเดียวกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนในอนาคต GC ยังได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิให้กับนักลงทุน และสถาบันต่างประเทศ จำนวนรวม 1,250 ล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2564 โดยเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างมากจากยอดจองซื้อกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ และในปี 2565 ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ตลอดจนผู้ลงทุนรายใหญ่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากและมียอดจอง 1.5 เท่าของวงเงินที่เสนอขาย
ในปี 2564 GC ได้รับรางวัลและใบรับรองด้านความยั่งยืนในระดับโลกหลายรางวัล โดยเป็น บริษัท ปิโตรเคมีแรกของไทยที่ติดอันดับ 1 ของโลก จาก DJSI (ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์) 3 ปีซ้อนในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ รางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Gold Class ในธุรกิจเคมีภัณฑ์ เป็นระดับสูงที่สุด รวมถึงได้รับการจัดอันดับจาก CDP ให้เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการน้ำ (A Level) และ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (A- Level) และยังได้รับการรับรองระดับโลกด้านความยั่งยืน และการลดคาร์บอน “ISCC PLUS” สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก
#GC #ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี #GCเคมีที่เข้าถึงทุกความสุข #GCChemistryforBetterLiving

TAGGED ON