ศรีตรังโกลฟส์มุ่งมั่นพัฒนาห่วงโซ่เพื่อความยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติมาตรฐานระดับโลก
หลังจากกลุ่มบริษัทศรีตรังได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทศรีตรัง มีแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่3 ปี2563 กลุ่มบริษัทศรีตรังจึงเดินหน้าพัฒนามาตรฐานห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์สีเขียวเต็มรูปแบบ จนได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล Forest Stewardship Council หรือ FSC ทั้งประเภทมาตรฐานการจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืน (FSC-FM) และมาตรฐานการจัดการห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ (FSC-COC) นับเป็นบริษัทยางพาราแบบครบวงจรรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่การจัดการสวนป่ายางไปจนถึงการผลิตถุงมือยางมาตรฐาน FSC
“ศรีตรังมีนโยบายที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำองค์กรแห่งยางสีเขียวแบบครบวงจรอย่างยืนมาโดยตลอด โดยเรามีระบบการบริหารจัดการด้านสังคมสิ่งแวดล้อมตั้งแต่จุดเริ่มต้นแหล่งวัตถุดิบกระบวนการผลิตไปจนถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพมาตรฐานระดับโลก มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้สอดคล้องกับมาตรฐาน FSC โดย Forest Stewardship Council ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่สนับสนุนการจัดการด้านสังคมสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มบริษัทศรีตรังในการดำเนินธุรกิจยางพาราแบบครบวงจรควบคู่กับการพัฒนาดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม” คุณวิทย์นาถ สินเจริญกุล กรรมการบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT หนึ่งในกลุ่มบริษัทศรีตรังกล่าว
แต่กว่าจะมาเป็น “ถุงมือแห่งชีวิต” มาตรฐานระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย วิทย์นาถ สินเจริญกุล ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ของ บริษัทศรีตรังโกลฟส์ฯ กล่าวว่า ศรีตรังโกลฟส์จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมตลอดห่วงโซ่การผลิตมายาวนานถึงหกปี ทั้งธุรกิจสวนยางซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบของธุรกิจน้ำยาง โรงงานแปรรูปน้ำยางข้น และธุรกิจผลิตภัณฑ์ถุงมือยางเพื่อการแพทย์ และตลาดอื่นๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกด้านการผลิตและการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์
ห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์เริ่มที่แหล่งวัตถุดิบและแรงงาน การดูแลสิทธิด้านแรงงานที่ทำงานในสวนยางของศรีตรังเองและสวนยางพันธสัญญาเป็นเรื่องสำคัญยิ่งเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของมาตรฐานธุรกิจเพื่อสังคม (Business Social Compliance) ที่นำมาปฏิบัติใช้อย่างแพร่หลายในยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์ถุงมือยางของศรีตรังโกลฟส์
คุณวิทย์นาถ กล่าวว่า ยุโรปให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับปัญหาการค้ามนุษย์และสิ่งแวดล้อม บริษัทจึงต้องมั่นใจว่าแรงงานในพื้นที่ได้รับความคุ้มครองถูกต้องตามกฏหมายสวัสดิภาพแรงงาน มีการจัดการด้านที่อยู่อาศัยสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณอย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการให้ความรู้ต่างๆ กับคนงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิคการกรีดยางการจัดการขยะและของเสียในพื้นที่ จนไปถึงเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชท้องถิ่น เราสามารถลดปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชท้องถิ่นในพื้นที่สวนยางและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ ปัจจุบันแหล่งยางพาราของกลุ่มบริษัทศรีตรังที่ได้รับมาตรฐาน FSC-FM มาจากพื้นที่สวนยางในจังหวัดสงขลา
“การจัดการสวนป่าตามหลักเกณฑ์ของ FSC และมาตรฐานการจัดการห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ของศรีตรังโกลฟส์ มีการตรวจสอบประเมินคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำยางคุณภาพเข้าสู่กระบวนการผลิตถุงมือยางธรรมชาติ นอกจากนี้สวนยางพันธสัญญาของเรายังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการคัดเลือกพันธุ์ยางพาราคุณภาพสูงเพื่อปลูกและส่งน้ำยางพาราตามมาตรฐาน และสำคัญที่สุดคือแรงงานของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการจัดการสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยในสวนยาง เมื่อคุณภาพชีวิตดี ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีขึ้นเช่นกัน” ผู้บริหารศรีตรังโกลฟส์กล่าว
มาตรฐานอุตสาหกรรมยางสีเขียวจากแหล่งธรรมชาติหมุนเวียนสู่ “ถุงมือแห่งชีวิต” เพื่อผู้บริโภค
น้ำยางสดคุณภาพที่ได้ในแต่ละวันจะถูกส่งตรงมายังโรงงานของกลุ่มบริษัทศรีตรังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะใช้พลังงานชีวมวล 100% และได้รับมาตรฐานระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 เพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำยางข้นก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตถุงมือยางธรรมชาติมาตรฐาน FSC ที่สามารถตรวจสอบกระบวนการและแหล่งที่มาถุงมือยางทุกชิ้นอย่างย้อนกลับได้ จึงมั่นใจได้ว่าถุงมือยางธรรมชาติของ STGT มาจากแหล่งกำเนิดที่ถูกกฎหมายเป็นมิตรต่อโลกที่แท้จริง เพื่อป้อนตลาดวงการแพทย์และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมากกว่า 120 ประเทศ
แม้ว่าตลาดหลักในประเทศไทยจะยังเป็นถุงมือยางทางการแพทย์ คุณวิทย์นาถ กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการถุงมือยางพาราได้ขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลายยิ่งขึ้น และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหารและภาคบริการที่ไม่เพียงต้องการเพิ่มคุณภาพความสะอาดและสุขอนามัย แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มด้านความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วย
ปัจจุบันศรีตรังโกลฟส์มีกำลังการผลิตถุงมือยางมาตรฐาน FSC จำนวน 14 ล้านชิ้นต่อเดือนจากกำลังผลิตทั้งหมด 21,000 ล้านชิ้นต่อปี แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะมีราคาสูงกว่าถุงมือยางพาราธรรมชาติทั่วไปและยังเป็นสัดส่วนขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ถุงมือทั่วโลกจำนวนราว 280,000 ล้านชิ้นต่อปี อย่างไรก็ตามทีมงานมีความภูมิใจกับเสียงตอบรับเชิงบวกที่ได้รับกับการผลิตถุงมือยางมาตรฐาน FSC เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมผู้ใช้ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ศรีตรังโกลฟส์จึงมีแผนขยายกำลังการผลิต ‘ถุงมือแห่งชีวิต’ ตอกย้ำนโยบายที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์และความใส่ใจต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทานของการดำเนินธุรกิจ
ความท้าทายด้านการวิจัยและพัฒนา
อุตสาหกรรมการผลิตจำเป็นต้องพึ่งพานวัตกรรมใหม่งานวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันใน
ยุคดิสรัปชั่น ศรีตรังโกลฟส์ ตระหนักดีถึงประเด็นดังกล่าวและให้ความสำคัญยิ่งกับการคิดค้นวิจัยและพัฒนาการผลิตถุงมือยางธรรมชาติสัญชาติไทยให้เป็นที่ยอมรับเรื่องคุณภาพด้วยนวัตกรรม ‘Zero-Protein Latex’ ที่ไม่ทำให้เกิดการแพ้ยางธรรมชาติ เพื่อโอกาสของส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือที่ผู้บริโภคยังนิยมใช้ถุงมือยางสังเคราะห์ที่ผลิตจากทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียนอย่างแพร่หลายเนื่องจากความกังวลเรื่องอาการแพ้ของยางธรรมชาติ
“สิ่งที่ศรีตรังโกลฟส์ให้ความสำคัญไม่เพียงแค่ความใส่ใจกับความยั่งยืนของยางพาราที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติหมุนเวียนและความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เราจะยังมุ่งมั่นวิจัยและเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติมาตรฐาน FSC ที่สามารถปกป้องทุกสัมผัสของผู้ใช้ด้วยความห่วงใยให้เป็นถุงมือแห่งชีวิต เพื่อส่งต่อไปยังผู้บริโภคทุกประเทศและเพื่อโลกที่ดีขึ้นต่อไป” คุณวิทย์นาถกล่าวปิดท้าย