ขณะที่สถานการณ์ภาพรวมการส่งออกของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง สงครามการค้าโลกก็ยังไม่คลี่คลายและมีที่ท่าจะลุกลามไปสู่สงครามเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับโลกดิจิทัลที่หมุนเร็วติดสปีด
เพื่อเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยคนสำคัญของลูกค้าทีเอ็มบีที่ต้องได้มากกว่า ทีเอ็มบี ในฐานะธนาคารผู้นำการให้บริการทางการเงินที่โดดเด่นในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นใหม่ๆ ได้ Make THE Difference อีกครั้ง ด้วยการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในวงการธนาคาร ประกาศตัวเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดตัวบัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน หรือ Multi-Currency Account เอาใจลูกค้าที่ทำธุรกิจส่งออกและมีการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ เพราะในบัญชีดังกล่าวสามารถบริหารจัดการหลายสกุลเงิน สูงสุดได้ถึง 6 สกุล สำคัญในบัญชีเดียว
จากนี้ไม่ว่าจะต้องการทำธุรกรรมทางการเงินประเภทใด หรือ ต้องการเรียกดูรายการเดินบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (eStatement) เมื่อใดก็สามารถจัดการได้ด้วยปลายนิ้ว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบธุรกรรมออนไลน์ TMB Business Click ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขาของธนาคารให้เสียเวลา ที่สำคัญ ยังได้รับผลประโยชน์เต็มๆ เพราะสามารถรับดอกเบี้ยเงินฝากทันทีเมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี
โบกมือลา ทางเลือกที่(เคย)จำเป็นต้องเลือก
สำหรับที่มาของการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการ ไม่พอ ยังตรงใจกับความต้องการของลูกค้าธุรกิจส่งออกอย่างไร้ที่ตินี้ ศรัณย์ ภู่พัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบี เผยว่า มาจากความมุ่งมั่นของทีเอ็มบีในการเข้าถึงอินไซต์ของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อนำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนาโซลูชั่นที่ช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าอย่างถึงแก่น ลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมของลูกค้า โดยไม่มองข้ามประสบการณ์การใช้งานที่ยังคงคอนเซ็ปท์ ใช้งานง่าย สะดวกและรวดเร็วทันใจ จึงกลายเป็นที่มาของการเปิดตัว “บัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน” หรือ “Multi-Currency Account” ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยหลอมรวมเอาจุดเด่นของบัญชีแบบที่มีอยู่ แต่สลายข้อจำกัดของบัญชีแบบเดิมๆ กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ลูกค้าไม่อาจปฏิเสธ
“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่งออกมี 2 ทางเลือกหลักๆ ในการบริหารจัดการธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ คือ ระหว่างใช้บัญชีสกุลเงินต่างประเทศ (FCY) ของธนาคาร หรือเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) ของตัวเอง ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน” ศรัณย์ ชี้ให้เห็นถึงแนวทางปฏิบัติของผู้ประกอบการ ก่อนจะขยายความเพื่อชี้ชัดถึงข้อจำกัดของทางเลือกแบบเดิมๆ
“สำหรับวิธีแรก การใช้บัญชีสกุลเงินต่างประเทศ (FCY) ของธนาคาร ในการรับเงินสกุลต่างประเทศจากลูกค้า แม้ผู้ประกอบการเพียงแค่เปิด บัญชีเงินบาทอย่างเดียว รายรับจากคู่ค้าไม่ว่าจะใช้สกุลเงินใดจะถูกโอนย้ายเข้ามายังบัญชีสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารทันที และเมื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท แล้วก็จะถูกโอนเข้าบัญชีเงินบาทของลูกค้า ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ คือ ง่ายต่อการแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างๆเป็นเงินบาทได้ทันที และไม่ต้องเปิดบัญชี FCD เอง ซึ่งมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา และยุ่งยากพอสมควร แต่มีข้อเสียคือ ระหว่างที่เงินถูกโอนจากคู่ค้าเข้ามายังบัญชีสกุลเงินต่างประเทศของธนาคาร ผู้ประกอบการจะไม่ได้รับดอกเบี้ย และ ไม่มีบัญชีแสดงในสเตทเมนต์ นอกจากนั้น ในกรณีที่ต้องโอนเงินเพื่อชำระให้ซัพพลายเออร์รายอื่นในสกุลเงินต่างประเทศ ต่อให้เป็นสกุลเงินเดียวกับที่ได้รับโอนมาจากคู่ค้า ก็ไม่สามารถโอนออกได้ทันที ต้องรอแลกเป็นเงินบาทก่อน แล้วจึงจะสามารถแลกเงินบาทเป็นสกุลเงินที่ต้องการอีกครั้งจึงจะโอนออกไปยังประเทศนั้นๆได้”
ถัดมาที่วิธีที่สอง คือ หากลูกค้าเลือกเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศ (FCY) ของตัวเอง นั่นหมายความว่า หากผู้ประกอบการต้องการรับเงิน 3 สกุล ก็ต้องเปิด 3 บัญชี FCY เพราะ ธนาคารจะกำหนดให้ 1 บัญชี สำหรับ 1 สกุลเงินเท่านั้น และหากต้องการแลกเงินสกุลต่างประเทศที่ได้รับเป็นสกุลเงินบาท จะต้องไปทำธุรกรรมที่สาขาเท่านั้น ข้อดีของวิธีนี้ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะสามารถรอจังหวะแลกเปลี่ยนเงินตราในเวลาที่เหมาะสม ตามความพอใจ ที่สำคัญผู้ประกอบการยังได้รับดอกเบี้ยและสามารถเช็กสเตทเมนต์ได้ตลอดก็จริง แต่ก็ต้องทำใจว่า อาจจะได้รับเอกสารการเงินหลายฉบับ ต้องแบ่งเวลาไปทำธุรกิจที่สาขา ทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการธุรกรรมได้คล่องตัว
บัญชีแนวใหม่ ประหยัดเวลา ลดขั้นตอนทำธุรกรรม
เพราะฉะนั้น เพื่อทลายทางเลือกที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของผู้ส่งออก ทีเอ็มบี จึงพัฒนาบัญชี Multi-Currency Account เพื่อช่วยให้ลูกค้าธุรกิจส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศได้คล่องตัวขึ้น สามารถทำธุรกรรม 6 สกุลเงินสำคัญ ประกอบด้วย สกุลบาทไทย (THB), ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และ เยน (JPY) ได้ในบัญชีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การรับ-โอนเงิน การแลกเปลี่ยนเงิน (Convert) หรือการเรียกดูสเตทเมนต์ก็ทำได้ตลอดเวลา ผ่าน TMB Business Click
“จากนี้ไป ไม่ว่าผู้ประกอบการจะต้องรับเงินกี่สกุลเงิน ถ้าอยู่ในขอบข่ายของบัญชี Multi-Currency Account ก็เปิดเพียงบัญชีเดียว และแลกเปลี่ยน (Convert) เงินในบัญชีสกุลต่างประเทศเป็นสกุลบาทไทยด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกจัดการได้เองทันทีเมื่อพอใจกับอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งการเรียกดูอี-สเตทเมนต์ได้ตลอดเวลา พร้อมบริการแจ้งเตือนธุรกรรมทุกรายการโอนเงินเข้า-ออก ตลอดจนสรุปรายการเคลื่อนไหวของทุกสกุลเงินในบัญชีเดียวผ่านช่องทาง TMB Business Click และอีเมล แถมยังได้รับดอกเบี้ยตามแต่ละสกุลเงินทั้งสกุลบาทไทยและสกุลต่างประเทศทันที เมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี”
นอกจากฟังก์ชั่นของบัญชีจะออกแบบมาเพื่อทลายข้อจำกัดแบบเดิมๆ อย่างไร้ที่ติ ศรัณย์ ย้ำว่า อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่า ผลิตภัณฑ์แค่ตอบโจทย์อย่างเดียวไม่พอ ประสบการณ์ของผู้ใช้ก็สำคัญ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า การใช้งานผ่าน TMB Business Click ไม่ซับซ้อน สะดวกสบาย ไม่กี่คลิกก็สามารถจัดการธุรกรรมได้ตามต้องการ สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงขั้นตอนการสมัครก็สะดวกสบาย เพราะเข้าใจธรรมชาติของนักธุรกิจว่าเวลาทุกนาทีล้วนเป็นเงินเป็นทอง ดังนั้นหากเป็นลูกค้าธุรกิจที่มีบัญชีกับทีเอ็มบีอยู่แล้ว สามารถติดต่อขอดำเนินการเปลี่ยนมาใช้บัญชี Multi-Currency Account ได้เลย หรือหากเป็นลูกค้าใหม่สามารถขอเปิด พร้อมเลือกสกุลเงินต่างประเทศที่ต้องการใช้งานได้สูงสุด 5 สกุลเงิน (ไม่รวมสกุลเงินบาท) และสมัครใช้บริการ TMB Business Click ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
“ทีเอ็มบีตั้งเป้าภายใน 1 ปี จะมีลูกค้าให้ความสนใจใช้บริการบัญชี Multi-Currency Account จำนวน 300 บัญชี โดยครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าใหม่ ส่วนเหลือคาดว่าจะมาจากฐานลูกค้าเดิมที่มีบัญชีทีเอ็มบีอยู่แล้ว ส่วนในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจส่งออกให้มากขึ้นอาจมีการเพิ่มจำนวนสกุลเงินที่รองรับในบัญชีเดียว” ศรัณย์กล่าวทิ้งท้าย
ลูกค้าธุรกิจที่สนใจเปิด
บัญชี Multi-Currency Account หรือ การให้บริการบัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน 6 สกุลในบัญชีเดียว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ TMB Corporate Call Center โทร. 02-643-7000
