เปิดมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพฯ ของบีโอไอ
ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง และการผลิตสำหรับหลายๆ อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่บริษัทสามารถใช้โอกาสในครั้งนี้มาปรับปรุงพัฒนาระบบต่างๆ ของกิจการที่ดำเนินการอยู่ให้ดีขึ้น ภายใต้มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งในมาตรการพิเศษที่ออกมาเพื่อยกระดับกระบวนการทำงานต่างๆ ในภาคการผลิตและภาคบริการ รวมถึงการสร้างความพร้อมในการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมและบริการ เช่น การนำระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการผลิต การดำเนินการให้ได้มาซึ่งมาตรฐานการรับรองต่างๆ เพื่อความยั่งยืนในระดับสากล เช่น ISO, GMP, FSC เป็นต้น นับเป็นมาตรการพิเศษของบีโอไอที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
โดยประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย คือ มาตรการที่ 1 ด้านการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงาน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาตรการที่ 2 ด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เช่น การนำเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์มาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในสายการผลิตเดิม มาตรการที่ 3 ด้านการวิจัยและพัฒนา หรือออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น การวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทั้งในด้านการประหยัดการใช้วัตถุดิบ และพนักงานด้วยการออกแบบทางวิศวกรรม
มาตรการที่ 4 ด้านการยกระดับไปสู่มาตรฐานเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล เช่น การจัดการความปลอดภัยด้านอาหาร (ISO 22000) ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน (ISO 14061) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานสำคัญในการสร้างมาตรฐานในระดับสากล เพื่อช่วยให้สินค้าสามารถจำหน่ายในตลาดโลกได้ บีโอไอจึงอยากส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยขอรับการส่งเสริมฯ ในมาตรการดังกล่าวให้มากขึ้น และมาตรการที่ 5 ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ยกระดับกระบวนการทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ เช่น การนำซอฟต์แวร์เข้ามาบริหารจัดการทรัพยากรของกิจการยกเว้นประเภทกิจการที่ต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอยู่แล้ว เช่น กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ Cloud Service และ Data Center เป็นต้น
ทั้งนี้ การขอรับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 83 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 12,270 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รองลงมา คือ การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการลงทุนวิจัยและพัฒนาหรือออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ตามลำดับ
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพเป็นมาตรการที่เปิดกว้างสำหรับกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนและไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพียงเป็นประเภทกิจใน 400 กว่าประเภท ที่บีโอไอให้การส่งเสริมฯ ก็สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมฯ ได้ ทั้งนี้บีโอไอกำหนดขนาดการลงทุนในการปรับปรุงไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท/โครงการ หรือ 500,000 บาท/โครงการ สำหรับเอสเอ็มอี (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยผู้ที่ได้รับการส่งเสริมฯ จะได้รับรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี สัดส่วน 50% ของเงินลงทุนในการปรับปรุงและยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร นอกจากนี้ มาตรการนี้สามารถยื่นขอซ้ำมาตรการย่อย 5 ด้านได้ และยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริการให้กับกิจการของตนเอง ในช่วงที่การผลิตลดลงหรือหยุดชะงักได้ และยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบีโอไอ ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับมาตรฐานสินค้าที่ผลิตสู่สากล เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันให้ไปต่อได้