เปิดกลยุทธ์ความสำเร็จ “98 Wireless” ที่สุดแห่งมาสเตอร์พีซจากแสนสิริ - Forbes Thailand

เปิดกลยุทธ์ความสำเร็จ “98 Wireless” ที่สุดแห่งมาสเตอร์พีซจากแสนสิริ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นับตั้งแต่แสนสิริ ดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำของไทยเผยโฉม โครงการ “98 Wireless” แฟล็กชิปคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่แห่งนี้ได้สร้างนิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยที่เหนือระดับจนกลายเป็น          ทอล์กออฟเดอะทาวน์มาจนถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะมูลค่าโครงการ หรือราคาขายที่สูงเป็นประวัติการณ์เท่านั้น แต่ความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อนำเสนอที่สุดแห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติทำให้        98 Wireless เป็นหนึ่งในโครงการที่กลุ่มลูกค้าระดับบนรอคอยจะได้ครอบครอง จึงไม่แปลกเลยที่นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการ “98 Wireless” จะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามทั้งจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ พิสูจน์ได้จากยอดจองห้องชุดก่อนการเปิดตัวที่มากกว่า 50% หลังจาก    เปิดขายไม่ถึง 1 ปี สามารถทำยอดขายได้เกือบ 80% คิดเป็นมูลค่า 6,750 ล้านบาท สะท้อนว่าเรียลดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าระดับบนซึ่งเป็นกลุ่มที่แสนสิริครองใจยังคงเหนียวแน่นและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อภิชาติ จูตระกูล
ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จที่ตอกย้ำให้โครงการ “98 Wireless” สมกับเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) พร้อมแล้วที่จะเฉลยถึงเบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ได้เนรมิตได้ในชั่วพริบตา หากแต่อาศัยการสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ที่หยั่งรากลึกในแบรนด์ “แสนสิริ” ถอดรหัสเบื้องหลังความสำเร็จ “98 Wireless” ความสำเร็จของโครงการที่มีมูลค่าสูงถึง 8,700 ล้านบาท ใช้เวลาถึง 7 ปีในการพัฒนา มีเพียงแค่          77 เจ้าของเท่านั้นที่จะได้ครอบครองที่สุดแห่งความเหนือระดับของการอยู่อาศัยที่ออกแบบภายใต้ปรัชญา “The Best Comes as Standard” มาจากหลากหลายปัจจัยที่สำคัญ อันดับแรกคือ ความไพร์มของทำเล  ที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดใจกลางมหานครอย่างกรุงเทพฯ และยังเป็นโครงการเดียว  ที่สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้ 100 % สะท้อนถึงความภูมิใจและคุ้มค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะถนนวิทยุ  มีอัตราการเติบโตของราคาประเมินที่ดินเฉลี่ยปีละเกือบ 70% หรือคิดเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับสีลม สาทร และสุขุมวิท จึงสามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มบนได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออาศัยเองวันนี้ หรือส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นในอนาคต อีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จคือ การนำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบตัวสถาปัตยกรรมอาคาร และการตกแต่งภายในอย่างมีระดับ มาตรฐานเวิลด์คลาส สมกับเป็นโครงการที่แสนสิริภาคภูมิใจว่าเป็นโครงการที่มีการรวมตัวของบริษัทที่ปรึกษา และบริษัทดีไซน์ชั้นนำระดับโลกมาร่วมพัฒนามากที่สุด ทำให้ทุกรายละเอียดถูกรังสรรค์อย่างประณีตราวกับงานคราฟต์ ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะรวมสุดยอดสิ่งที่ดีที่สุดในทุกตารางนิ้วของโครงการอย่างที่ไม่เคยมีโครงการใด  ในไทยหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยทำมาก่อน ผู้บริหารระดับสูงของแสนสิริจึงทุ่มทุนเดินทาง  ไปคัดสรรวัสดุการตกแต่ง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการด้วยตัวเองทุกชิ้น จะเห็นได้ว่า หัวใจของการพัฒนาโครงการแฟล็กชิปให้ประสบความสำเร็จตามแบบฉบับแสนสิรินั้น ไม่ได้  มุ่งนำเสนอแต่ความหรูหรา แต่เป็นผลจากกระบวนการคิดอันแยบยล ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกทำเลที่เป็น prime area อย่างแท้จริง การออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต จำนวนที่เอ็กซ์คลูซีฟ ตลอดจนการดูแลและบริการที่เหนือระดับ สอดคล้องกับรสนิยมการอยู่อาศัยที่ลูกค้ากลุ่มบนมองหา สามารถสร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้ครอบครองตลอดจนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นส่งต่อให้ลูกหลานจากรุ่นสู่รุ่น ถอดรหัส 4 กลยุทธ์พิชิตใจลูกค้าฉบับแสนสิริ อย่างไรก็ตาม นอกจากพัฒนาโครงการได้อย่างไร้ที่ติแล้ว การจะพิชิตใจลูกค้ากลุ่ม high net worth individual (HNWI) หรือบุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิในระดับสูง จนขึ้นแท่นเป็นผู้นำรสนิยมการอยู่อาศัย (taste-maker brand) ถือเป็นอีกโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อย แต่แสนสิริเชื่อมั่นว่า ด้วย 4 กลยุทธ์จากนี้คือปัจจัยสำเร็จที่ทำให้แสนสิริเป็นเบอร์ 1 ในวงการอสังหาฯ ซูเปอร์ลักชัวรี่ ณ วันนี้ กลยุทธ์ที่อภิชาติยกให้มาเป็นอันดับแรกคือ ความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริของกลุ่ม HNWI ที่ไม่ได้มองว่าบ้านเป็นที่อยู่อาศัย แต่เป็นตัวแทนสะท้อนความสำเร็จและรสนิยม ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับ          ดีเวลลอปเปอร์ในการพัฒนาที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ เพราะต้องคราฟต์ทุกรายละเอียดให้ออกมาอย่างไร้ที่ติ    โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากพอ ด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 36 ปี นอกจากแสนสิริจะพัฒนาโครงการในทุกระดับ ยังมีตัวอย่างโครงการคุณภาพที่เลอค่าเหนือกาลเวลาเป็นโปรไฟล์ชั้นดีอย่างโครงการ “บ้านไข่มุก” แฟล็กชิประดับลักชัวรี่แห่งแรกของ  แสนสิริ ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2531 พาให้ “แสนสิริ” เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรก  ที่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับลักชัวรี่ได้ตอบโจทย์ทั้งรสนิยมและความต้องการในการใช้ชีวิตของลูกค้าระดับบน แถมมูลค่าของโครงการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาขาย 7 ล้านบาท เพิ่มเป็น    80 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,000%) อีกหนึ่งโครงการที่สร้างชื่อให้กับแสนสิริคือ บ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67 โครงการแฟล็กชิปบ้านเดี่ยวแห่งแรก  เปิดตัวเมื่อปี 2549 นอกจากความหรูหราอย่างมีระดับเหนือกาลเวลาในทุกตารางนิ้ว ด้วยที่ตั้งอยู่บนที่ดิน  ผืนสุดท้ายใจกลางสุขุมวิทที่หาไม่ได้อีกแล้ว ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 85% จากราคาขาย 27        ล้านบาท ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ล้านบาท ผลงานจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาทั้งสองโครงการทำให้โครงการแฟล็กชิปจากแสนสิริกลายเป็นที่ตั้งตารอ กลยุทธ์ถัดมามาจากวิสัยทัศน์ภายใต้การพัฒนาโครงการอย่างเข้าใจ และลงลึกทุกรายละเอียด ไม่ว่า      จะเป็นการคัดสรรวัสดุคุณภาพทั้งภายในและภายนอกที่ตอบโจทย์รสนิยมการอยู่อาศัยลูกค้ากลุ่มลักชัวรี่    ไปจนถึงบริการเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับ สุดท้ายคือ กลยุทธ์การรวมพอร์ตฟอลิโอ Sansiri Luxury Collection เพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์อสังหาฯ ลักชัวรี่ชั้นนำในตลาดต่างประเทศ ภายใต้ 3 ปรัชญา Refined Taste ดีไซน์ชั้นเยี่ยมที่เปี่ยมด้วยรสนิยม, Uncompromising Quality ความพิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุคุณภาพ เฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่ง และงานศิลปะจากทั่วมุมโลก และ Curated Service มอบบริการผ่านประสบการณ์ที่ยิ่งกว่าความเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการ จากกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งบวกกับปรัชญาในการรังสรรค์พอร์ตฟอลิโอ Sansiri Luxury Collection ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2563 แสนสิริสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการอสังหาฯ ด้วยการประกาศปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มเซ็กเมนต์ลักชัวรี่ไปแล้วถึง 6 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 23,200 ล้านบาท        ประกอบด้วย โครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection 3 โครงการคือ 98 Wireless แฟล็กชิปคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่่ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ แฟล็กชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่่,            เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักชัวรี่่คอนโดมิเนียมใจกลางย่านทองหล่อ และโครงการลักชัวรี่่แนวราบ ได้แก่ ไทเกอร์ เลน ลักชัวรี่่โฮมออฟฟิศบนที่สุดของทำเลทองไพร์มโลเคชั่นตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกร      ที่หายาก ใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช, นาราสิริ บางนา และนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1 สำหรับบ้านแสนสิริ พัฒนาการ เป็นโครงการแฟล็กชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่ใช้เวลาถึง 3 ปีในการพัฒนา เอ็กซ์คลูซีฟเพียง 36 หลัง โดดเด่นด้วยแรงบันดาลใจการออกแบบสไตล์ “regency” ทรงคุณค่า  ในแบบฉบับอังกฤษ คัดสรรวัสดุคุณภาพจากแบรนด์ระดับโลกที่สะท้อนรสนิยมการใช้ชีวิตจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเหนือระดับ ตั้งอยู่ในย่านพัฒนาการ อีกหนึ่งทำเลทองที่มูลค่าที่ดินมีแต่ขึ้น จึงทำให้โครงการนี้เป็นที่หมายตา เปิดตัวไม่ถึง 1 เดือนก็มียอดจองเกือบครึ่งของทั้งโครงการ ขณะที่เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมใจกลางย่านทองหล่อ รังสรรค์นิยามบทใหม่ภายใต้แนวคิด “Luxury is Space ชูความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมตึกสูง “monolith” เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อภิสิทธิ์เพียง 127 ครอบครัวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองเอกสิทธ์    ในสังคมคุณภาพ โดยแต่ละชั้นออกแบบให้ไม่เกินจำนวน 4 ยูนิต พร้อมลิฟต์ส่วนตัวที่จอดเฉพาะชั้นห้องพักของเจ้าของห้องเท่านั้น จึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวไม่ต่างจากการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว ความสำเร็จอย่างสง่างามทั้งหมดนี้คือสิ่งตอกย้ำความเป็นตัวจริงในการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารคนเก่งย้ำว่า แสนสิริยังมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์ที่สุดแห่งประสบการณ์การอยู่อาศัยซูเปอร์ลักชัวรี่อย่างต่อเนื่อง จากนี้เตรียมพบกับโครงการแฟล็กชิปต่อไปที่ถนนสารสิน สุดยอดทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งอภิชาตินิยามว่าเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ ส่วนจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่อย่างไร ต้องรอติดตาม