เปิดเบื้องหลังแนวคิดสุดอินไซต์ กว่าจะเป็น “เซ็นทริค รัชโยธิน” คอนโดฯ เพื่อคนเมืองที่พร้อมเชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ให้ใกล้...กว่าที่เคย - Forbes Thailand

เปิดเบื้องหลังแนวคิดสุดอินไซต์ กว่าจะเป็น “เซ็นทริค รัชโยธิน” คอนโดฯ เพื่อคนเมืองที่พร้อมเชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ให้ใกล้...กว่าที่เคย

หลังจากบริษัท SC Asset อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการระดับ  พรีเมี่ยมจนเป็นที่ยอมรับทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและโครงการคอนโดมิเนียม หันไปเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรีที่ชูความหรูหรา และความเหนือระดับในการใช้ชีวิตเพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ของกลุ่มลักซ์ชัวรี่  ที่ร้อนแรงในช่วงหลายปีทีผ่านมา วันนี้ SC Asset พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมโครงการใหม่ที่หลายคนตั้งตาคอย อย่าง เซ็นทริค รัชโยธิน แบรนด์เรือธงที่มีแฟนคลับวัยทำงานเหนียวแน่น โดยยังคงดีเอ็นเอของแบรนด์ที่มาพร้อมจุดเด่นเรื่องทำเลในเมือง อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสำคัญ เพิ่มเติมคือดีไซน์และฟังก์ชั่นที่ไม่เพียงออกแบบอย่างเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่เทรนด์การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลง มีความวาไรตี้และยืดหยุ่นมากขึ้นได้แบบไร้ที่ติ เกริ่นมาแบบนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า การกลับมาครั้งนี้ของ “แบรนด์เซ็นทริค” จะสร้างมิติใหม่ให้วงการ  อสังหาฯ บ้านเราอย่างไร และทำไมถึงเลือกปักหมุดอยู่ในย่านรัชโยธิน แทนที่จะเป็นย่านซีบีดีที่หลายคน  คุ้นเคย ที่สำคัญการกลับมาทวงบัลลังก์ของโครงการขวัญใจวัยทำงานจะมีแม่เหล็กอะไรมาดึงดูดลูกค้า ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด เฉพาะในทำเลเดียวกันมีโครงการให้เลือกมากมาย ผู้ที่จะตอบทุกคำถามนี้ได้ดีที่สุด คือ พลอย-นวภัทร์ กิ่มมณี หัวหน้าสายงาน พัฒนาทรัพย์สินแนวสูง    บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพราะนอกจากจะมีประสบการณ์ในวงการอสังหาฯ  มายาวนาน สำหรับโครงการเซ็นทริค รัชโยธิน ผู้บริหารคนเก่งยังยอมรับเลยว่า อินเป็นพิเศษ เพราะผูกพันกับย่านรัชโยธินมาช้านาน เพราะฉะนั้นเรื่องความครบครันหรือความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตในย่านนี้ ในฐานะเจ้าถิ่นกล้าการันตีเลยว่า “ครบเครื่องไม่แพ้ย่านไหน”
พลอย-นวภัทร์ กิ่มมณี หัวหน้าสายงาน พัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ยินดีต้อนรับการกลับมาของเซ็นทริค “ส่วนตัวพลอยไม่ได้มองว่า เซ็นทริคหายไปไหนนะคะ แต่อย่างที่บอกว่าด้วยดีเอ็นเอของแบรนด์เราเน้นทำเลที่ต้องอยู่ในเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ที่ผ่านมาด้วยจังหวะของที่ดินที่เราได้มาอาจยังไม่ตอบโจทย์ เราเลยไปพัฒนาแบรนด์คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ ที่มีแบรนด์เดียวในทำเลที่หายากแทน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Saladaeng One, 28 Chidlom, Beatniq เป็นต้น จนกระทั่งมาได้ที่ดินในย่านรัชโยธินเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มีการประกาศว่าจะสร้างรถไฟฟ้าพอดี เราเลยมองว่า ด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวบวกกับราคาที่ดินที่เราได้มาไม่สูงเกินไป ทำให้สามารถพัฒนาโครงการคุณภาพที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในราคา      ที่สมเหตุสมผลได้ เราเลยเลือกที่จะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์เซ็นทริคอีกครั้ง” ผู้บริหารสาวเฉลย      ให้แฟนๆ ของแบรนด์เซ็นทริคหายข้องใจ พร้อมเสริมว่า “นอกจากโลเคชั่นต้องดีแล้ว เรายังมองลึกไปถึงศักยภาพของทำเล ส่วนใหญ่เราจะเลือกพัฒนาโครงการ    ในย่านที่กำลังสุกงอม หรือเริ่มจะสุกงอม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริงไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เอง หรือซื้อเพื่อการลงทุนในอนาคต อย่างเซ็นทริค รัชโยธิน เราสร้างพร้อมๆ กับรถไฟฟ้าเลย  เพราะฉะนั้น ลูกค้าที่จองโครงการจะเห็นความคืบหน้าของโครงการไปพร้อมกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่แทบจะพร้อมใช้หลังจากย้ายเข้ามาอยู่เลย” ถามว่า โครงการรถไฟฟ้ามีหลายสาย ทำไมถึงเลือกปักหมุดย่านรัชโยธิน คำถามนี้พลอยตอบชัดแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด “รัชโยธินเปรียบเสมือนฮับของการใช้ชีวิตของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ มีห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว และแยกลาดพร้าวเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ สามารถเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญถึง 5 สายหลักของการเดินทางไว้ในทำเลเดียว ได้แก่ พหลโยธิน, รัชดาฯ, ลาดพร้าว, วิภาวดี และเกษตร-นวมินทร์ เรียกว่า ไม่ว่า      จะเดินทางไปไหน จะเข้าเมือง ไปสนามบิน ก็เดินทางสะดวก ตอบทุกโจทย์ทุกการเดินทางของคนเมือง    ที่สำคัญยังอยู่บนเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งเป็นสายหลัก สามารถเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองได้โดย    ไม่ต้องเปลี่ยนสถานี อาทิ สยาม-อโศก หรือจะยิงยาวไปถึงบางนาก็เดินทางได้สะดวกสบาย” นอกจากนี้รัชโยธินยังถือเป็นทำเลทองแห่งอนาคต เห็นได้จากเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น      ในย่านนี้ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตึกสำนักงาน โดยเฉพาะบางซื่อ แกรนด์ สเตชั่น ซึ่งเปิดตัวเมื่อไหร่  จะดึงดีมานด์หลั่งไหลเข้ามาในย่านนี้เป็นอย่างมาก “พูดง่ายๆ ว่าเหมือนสยามสแควร์ แต่อยู่ในกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เพราะห้อมล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เป็นทั้งแหล่งงาน ศูนย์รวมความเจริญของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย โรงเรียนชั้นนำ โรงพยาบาล เรียกว่าพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคตที่ไม่ใช่แค่ระยะสั้น แต่รวมถึงระยะยาว” ทำเลดี คือ แต้มต่อ แต่แนวคิดที่เข้าใจผู้อยู่คือหมัดเด็ด นอกจากจะคว้าแต้มต่อในเรื่องทำเลมาได้ แต่ถ้าจะให้ยืนหนึ่งในใจลูกบ้าน สมกับเป็นแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็น Top of Mind ของตลาดคอนโดในระดับเซกเมนต์ Premium Mass เซ็นทริค รัชโยธิน จึงต้องคิดให้    เหนือกว่าไปอีกขั้น จากประสบการณ์อันยาวนาน บวกกับการทำการบ้านอย่างหนัก จึงตกผลึกกลายเป็นที่มาของแนวคิดที่ว่า “A place for your hybrid lifestyle” เขียนนิยามใหม่ให้ชีวิตใจกลางเมือง เชื่อมต่อ  ทุกความต้องการกับรูปแบบไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่งเดียว ณ เซ็นทริค รัชโยธิน “เราหยิบเอานิยามของคำว่า ไลฟ์สไตล์แบบไฮบริดมาตีความ ตั้งแต่การเลือกโลเคชั่น จะเห็นว่า          ตัวโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 150 เมตร แทนที่จะอยู่ห่างรถไฟฟ้า 0 เมตร ถามว่าทำไม จริงๆ    เราจะเลือกที่ดินติดรถไฟฟ้าก็ได้ แต่เราไม่เลือก เพราะเราคิดเผื่อไปถึงผู้อยู่อาศัยที่มีไลฟสไตล์หลากหลาย ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าอย่างเดียว แต่บางโอกาสอาจจะขับรถ ดังนั้นทางเลือกที่เราเสนอให้คือ ยังใช้รถไฟฟ้าได้เหมือนเดิม เดินถึงโครงการได้แบบไม่เหนื่อย แต่ถ้าขับรถออกจากโครงการ สามารถเบี่ยงขวาขึ้นสะพานข้ามแยกได้เลย ไม่ต้องกับรถให้เสียเวลา” นอกจากนี้ยังคิดเผื่อถึงรสชาติของการใช้ชีวิต ด้วยจุดเด่นของย่านรัชโยธินที่เป็นย่านอยู่อาศัยที่ผสมผสานความเป็นเมือง (urban) ไว้อย่างลงตัว ถึงจะเป็นย่านที่คึกคักแต่ยังมีความเป็นส่วนตัว ไม่แออัดจอแจ แต่ก็ไม่เงียบเหงา ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา หรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีสีสัน โดยเฉพาะ    สายฟู้ดดี้ มีร้านอร่อย ร้านในตำนาน อาหารนานาชาติให้เลือกชิมได้ไม่ซ้ำ” โจทย์ถัดมาที่สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ตอบโจทย์คนเมืองที่มีความต้องการที่หลากหลาย ใช้ชีวิตที่มี      ความยืดหยุ่นมากขึ้น ทางโครงการยังดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางบนพื้นที่ 3 ชั้น(Triple Facilities) รวมกว่า      1,500 ตารางเมตร รองรับกิจกรรมการใช้ชีวิตและพักผ่อนที่แตกต่างกัน เริ่มจากชั้น Ground ประกอบ    ไปด้วย Grand Lobby โถงต้องรับตกแต่งหรูหรา เชื่อมต่อกับ Semi-Outdoor Lobby, Business Lounge ชั้น Podium มีพื้นที่ Triple Volume Co-Working Space เชื่อมต่อกัน 3 ชั้น แบ่งออกเป็น 1. Upper Floor เป็น Reading Bar ส่วน Main Floor เป็น Co-Working Space และ Lower Floor เป็น Co-Living Space ให้ผู้อยู่อาศัยทุกเจนฯ มาใช้สเปซร่วมกัน สร้างสังคมของเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยน  มานั่งเล่นท่ามกลางบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกันที่ Sensational Garden และที่ชั้น 21 สามารถออกกำลังกายพร้อมชมวิวเมืองมุมสูงได้จาก สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool และ Panoramic Sky Fitness หรือจะออกกำลังกายที่ Virtual Class Exercise Room ที่ลูกบ้านสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์มือถือกับอุปกรณ์ Multimedia ที่โครงการได้จัดเตรียมไว้ให้ ทำให้สามารถออกกำลังกายพร้อมกับเพื่อนๆ ได้ ตอบโจทย์ชั่วโมงแห่งการผ่อนคลายอย่างไร้ที่ติ แก้ทุก Pain Point ไม่พอต้องเติมสิ่งที่ลูกค้า(อาจ)ไม่ทันคิด การพัฒนาโครงการยุคนี้ จะคิดเองทำเองแบบเดิมไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เซ็นทริค รัชโยธิน นำมาเพิ่มเติมความน่าสนใจของโครงการ คือการนำความเจ็บปวดของผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดฯ มาเยียวยา พร้อมเติมสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยอาจนึกไม่ถึงแต่เป็นสิ่งที่ปรารถนามาไว้ในโครงการอย่างครบครัน “โจทย์สำคัญของเราอีกข้อ คือทำอย่างไรให้ลูกค้ามาอยู่แล้วไม่เจอ Pain Point เดิมๆ ไม่พอ ยังต้องคิดแทนในสิ่งที่ลูกค้าอาจนึกไม่ถึง (Unmet need) ด้วย จุดนี้เองจึงกลายเป็นที่มาของการใส่ใจในทุกรายละเอียดของโครงการ ตั้งแต่การหาทำเลอย่างที่เล่าไปแล้ว การวาง Master Plan ของตัวตึก โดยศึกษาทิศทางแดดและทิศทางลม การวาง Floor Plan อย่างดี เพื่อให้โครงการนี้แทบไม่มีห้องที่ Defect เลย เพราะเราคิดเผื่อ ด้วยการเพิ่มช่องว่างระหว่างโถงลิฟท์และยูนิต เพื่อความเป็นส่วนตัวและลดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากลิฟท์ ไม่มียูนิตติดห้องขยะ คำนึงถึงการระบายอากาศและช่องแสงที่โถงทางเดิน เช่นเดียวกับ Unit Layout      เราดีไซน์ให้เกิด Waste Space น้อยที่สุด เพราะเราเข้าใจดีว่า ทุกตารางเมตร คือเงินในกระเป๋าของลูกค้า เราจึงต้องออกแบบทุกพื้นที่ให้ถูกใช้ประโยชน์สูงสุด” เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น พลอยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการเพิ่มเติมว่า บนพื้นที่ 2 ไร่ สูง 21 ชั้น    เซ็นทริค รัชโยธิน มาพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยจำนวนยูนิตเพียง 261 ยูนิต ประกอบด้วยห้อง Fully Furnished ขนาดตั้งแต่ สตูดิโอ 24-26 ตรม. 1 ห้องนอน 30 ตรม. 1 ห้องนอน Plus 34 – 39 ตรม.        และ 2 ห้องนอนขนาด 55 ตรม. “ที่น่าสนใจ คือคอนเซ็ปต์ในการวาง Unit Layout  2 ห้องนอน แทนที่จะจำกัดเฉพาะสำหรับครอบครัวเท่านั้น แต่เรามองไปถึงคู่พี่น้องที่อาจจะไลฟ์สไตล์ต่างกันแต่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เราเลือกฉีกกรอบการออกแบบแบบ ด้วยการปรับขนาดห้องนอน 2 ห้องให้ใกล้เคียงกัน พร้อมกับใช้ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ส่วนกลางกั้นระหว่างห้องนอน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าครอบครัวไหนยังต้องการความใกล้ชิด ทางโครงการ  ก็ยังมีห้องแบบที่ออกแบบให้ 2 ห้องนอนอยู่ติดกัน โดยมีห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก” ที่อยู่อาศัยที่ใช่ ต้องสะท้อน DNA ผู้อยู่ ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งกิมมิค ที่ผู้บริหารคนเก่งเผยว่า เป็นความพิเศษที่เซ็นทริค รัชโยธินภูมิใจเสมอ        และไม่อยากให้ทุกคนพลาดโอกาสมาจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการให้ที่อยู่อาศัยสะท้อนตรงตัวคุณ กับการทาบทาม นุ้ย-ปรีชญา ชวลิตธำรง ผู้ก่อตั้ง 10DK บริษัท Total Decoration ที่สร้างนิยามการตกแต่งบ้านสวย ดูดี ด้วยบริการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแบบ Fit-In และ ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ มาร่วมออกแบบห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนพลัส และ 2 ห้องนอน เพื่อจุดประกายไอเดียให้กับผู้อยู่อาศัยที่ไม่ต้องการความจำเจ พร้อมเปลี่ยนมุมมองห้อง Fully Furnished ที่พร้อมให้เก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ ก็สามารถเติมเต็มเอกลักษณ์ของเจ้าของห้องเข้าได้เช่นกัน ในฐานะกูรูด้านการออกแบบ นุ้ย สาวเก่งตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจในการออกแบบภายในให้ลูกค้ามากมาย ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมสุดหรูมาแล้วมากมาย รวมทั้งโครงการ 28 Chidlom (ตกแต่งห้องให้ลูกค้าของโครงการฯ) แต่ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับดีเวลลอปเปอร์
นุ้ย-ปรีชญา ชวลิตธำรง ผู้ก่อตั้ง 10DK บริษัท Total Decoration
“ที่ผ่านมาก็ได้รับการทาบทามมาตลอดนะคะ แต่ด้วยจังหวะ และคอนเซ็ปต์การทำงานอาจจะยังไม่คลิก    จนมาถึงเซ็นทริค รัชโยธิน รู้สึกว่าดีเอ็นเอของแบรนด์ใช่มากๆ เลยตัดสินใจมาร่วมงาน ซึ่งถือเป็นโจทย์    ที่ทั้งสนุกและท้าทาย เพราะต้องมาตกแต่งคอนโดฯที่ Fully Furnished อยู่แล้ว “ยอมรับเลยว่า ตอนแรกก็แปลกใจว่าแล้วจะออกแบบอะไร?” นุ้ยบอกเล่าถึงที่มาของการร่วมงาน        แสนท้าทายแต่สนุกอย่างออกรส “แต่พอคุยกับทีมงาน แล้วรู้ว่าต้องมาช่วยออกแบบห้องแบบ 1          ห้องนอนพลัส ซึ่งนิยามว่าเป็นห้องของหนุ่มโสดที่รักเสียงดนตรี และ 2 ห้องนอน สำหรับคู่พี่น้องต่างสไตล์ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก เพราะมันเหมือนเรากำลังใส่ Identity บางอย่างของเจ้าของห้องลงไปเพื่อให้ห้องนี้สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อย่างแท้จริง ซึ่งจะว่าก็เป็นสิ่งที่นุ้ยถนัดอยู่แล้ว เพราะธุรกิจของนุ้ยก็เน้นการตกแต่งภายในแบบ Personalize ตามใจลูกค้าที่โจทย์และความชอบแต่ละคนไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว” สิ่งที่ชื่นชม คือการออกแบบ Unit Layout บริหารสเปซดีมาก แทบไม่มีจุดไหนที่ในฐานะสถาปนิกเข้ามาแล้วตั้งคำถามเลยว่า พื้นที่ตรงนี้เหลือไว้ทำอะไร? เพราะสัมผัสได้เลยว่าทีมออกแบบตั้งใจมาก ถึงออกแบบพื้นที่ออกมาให้เพอร์เฟคที่สุดเท่าที่ขนาดพื้นที่อำนวย นอกจากนี้ อีกเหตุผลสำคัญที่นุ้ยยอมรับว่า ทำให้ยิ่งได้ร่วมงานก็ยิ่งอิน คือความผูกพันที่มีกับย่านรัชโยธินเป็นทุนเดิม “นุ้ยโตที่นี่ เห็นวิวัฒนาการย่านนี้มาตลอด ตั้งแต่เด็กจนไปเรียนต่อต่างประเทศกลับมาทำงาน เห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก มีความเจริญเข้ามาเติมเต็มตลอด โดยเฉพาะเร็วๆ นี้จะมีรถไฟฟ้า ซึ่งนุ้ยคิดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญมาก ด้วยลักษณะธุรกิจของนุ้ยเอง ทำให้มีโอกาสตระเวนไปหลายโครงการมาก      แต่เซ็นทริค รัชโยธิน เป็นหนึ่งในโครงการที่นุ้ยชอบ ทุกครั้งที่เข้ามาที่ไซต์ รู้สึกว่าเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะรถไฟฟ้าหรือขับรถ อย่างที่บอกออกจากโครงการมีทางเบี่ยงขึ้นสะพานได้เลยไม่ต้องเสียเวลากลับรถ      จะเข้าเมืองก็ง่าย ในแง่ความคุ้มค่าของการลงทุน ด้วยความที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว นุ้ยมองว่าย่านรัชโยธิน      เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจ และยังไปต่อได้อีกเยอะ “อย่างที่บอกนุ้ยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก เห็นวิวัฒนาการ    มาตลอด ถ้าไม่อยู่สบาย สะดวกจริงๆ ก็ไม่อยู่มา 30 ปี รัชโยธินมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง ห้าง โรงเรียน โรงพยาบาล ที่สำคัญเป็นแหล่งของอร่อย นุ้ยเป็นฟู้ดดี้อยู่แล้ว เรียกว่า ถ้าร้านไหนอยู่ไม่ครบ 2 ปี นุ้ยยังไม่กินนะ ไปกินร้านอื่นให้ทั่วก่อน (หัวเราะ) อยู่แล้วมีความสุข เพราะบางทีเราทำงานในเมืองอยู่แล้ว วันหยุด หรือเลิกงานอยากออกมาใช้ชีวิตในย่านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ แต่มีความเป็นส่วนตัวบ้าง”        นุ้ยทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม ฟังมาถึงตรงนี้ พลอยในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังโครงการไม่เพียงอดภูมิใจเป็นกับอีกผลงานมาสเตอร์พีชไม่ได้ เลยถือโอกาสนี้เชิญชวนผู้ที่กำลังมองหาโครงการคุณภาพ ในทำเลน่าอยู่ ราคาเอื้อมถึง มาค้นหาและสัมผัสความพิเศษของโครงการ เซ็นทริค รัชโยธิน หนึ่งในตัวเลือกที่เชื่อว่าหลายคนไม่มีทางปล่อยให้โอกาส    หลุดลอยไปด้วยตัวเอง ด้วยการเปิดให้ชมห้องและบรรยากาศจริงครั้งแรกก่อนใคร ในวันที่ 9-10 พ.ย.นี้ พร้อมรับสิทธิพิเศษสูงสุดถึง 300,000 บาท สนใจลงทะเบียน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2J9vGk4