โครงการเมกะโปรเจ็กต์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ ‘คอนกรีตชลบุรี’ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายคอนกรีตครบวงจรยักษ์ใหญ่ในภาคตะวันออก ที่สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงคว้าโอกาสสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
บทเรียนการปรับตัวฝ่าวิกฤตขาดทุนต่อเนื่องของ ‘คอนกรีตชลบุรี’ หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอย่างครบวงจรรายใหญ่ของประเทศและรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ซึ่งตัดสินใจยกเครื่องโครงสร้างธุรกิจจากผู้ผลิตเป็นผู้จัดจำหน่ายและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่จนสามารถพลิกขาดทุนเป็นกำไรได้สำเร็จ พร้อมแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธสำคัญให้ยักษ์ใหญ่ธุรกิจคอนกรีตอายุเกือบ 40 ปีของประเทศ สามารถเผชิญความท้าทายตลอดช่วงปีที่ผ่านมากับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลกระทบจากอุทกภัยทั่วประเทศที่เป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้างและความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปลดลง
“ผมเชื่อว่า เราต้องฆ่าตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมาฆ่าเรา หรือยอมฆ่าตัวเองตายดีกว่าให้คนอื่นมาฆ่า โดยสินค้าหลักของเราจะแบ่งเป็น precast และ ready mix ซึ่งยุคหนึ่ง ready mix เคยทำกำไรดีมากจึงมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรลดลงและราคาขายแย่มาก ทำให้เราเริ่มวิเคราะห์ถึงความสามารถทางการแข่งขันของเราว่า อาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงงาน ซึ่งช่วงนั้นผมสนใจโมเดลการจองโรงแรมของ Agoda, Booking ซึ่งสามารถทำได้ทั่วโลก ขณะที่เจ้าของโรงแรมทำได้เฉพาะที่และอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศแบบไม่ต้องมีโรงงานผลิตเพราะสามารถสั่งคนอื่นผลิต และนำรถไปส่งให้ลูกค้าได้ เราจึงเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ”
อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่ในฐานะบุตรชายคนโตของประทีป ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ ด้วยความมั่นใจในช่องว่างและโอกาสที่เล็งเห็นในการปรับโมเดลธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จให้สอดคล้องกับเทรนด์การก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลาสั้นลง และปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุมและคล่องตัว รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ precast อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เช่น งานถนน งานสะพาน ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงในภาคตะวันออก จนกระทั่งสามารถทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรสุทธิได้ในปี 2562
สำหรับในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วยคอนกรีตผสมเสร็จ คอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานโครงสร้างระบบ คอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานตกแต่งและภูมิสถาปัตย์ รวมถึงรับผลิตคอนกรีตที่มีรูปแบบและคุณสมบัติเฉพาะตามคำสั่งของลูกค้า พร้อมทั้งบริษัทย่อยประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ร้านจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ธุรกิจให้เช่ายานยนต์ขนส่งสินค้า ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายคอนกรีตมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง
“คีย์สำคัญในการเติบโตอยู่ที่ชื่อเสียงและการดำเนินธุรกิจเป็นเวลานาน ทำให้เรามีความเข้าใจในงานและความเชี่ยวชาญที่สั่งสมจากประสบการณ์ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทได้รับโจทย์แปลกๆ เข้ามาให้เราต้องพัฒนาวิธีการผลิต เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ใหม่ การลงทุนเครื่องมือหรือเครื่องจักรทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าหรือกว้างกว่า”
ขณะที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ BB+ แนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ในเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่โดดเด่นจากทำเลธุรกิจที่ตั้งในจังหวัดชลบุรี โดยได้ประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชลบุรีและระยองที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการมีโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) ช่วยทำให้แนวโน้มของอุปสงค์ด้านวัสดุก่อสร้างน่าจะมีอนาคตที่ดีในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าคอนกรีตที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทยที่เข้มแข็งจากประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานกว่า 30 ปี และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งสินทรัพย์หลักของบริษัทที่มีโรงงานคอนกรีตสำเร็จรูป โรงงานคอนกรีตมวลเบา และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในจังหวัดชลบุรี ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบด้านการให้บริการและต้นทุนการขนส่งที่ดีกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอื่น
ดังนั้น แม้ผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีมาตรการสั่งปิดแคมป์ หยุดงานก่อสร้าง และการเคลื่อนย้ายแรงงาน รวมถึงผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก และงานในส่วนภาคเอกชนต้องเลื่อนการก่อสร้างออกไป ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปลดลง
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงสามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวมจำนวน 2.38 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 36.7 ล้านบาทในปี 2564 พร้อมคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจในไตรมาสแรกปี 2565 จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โครงการพิเศษทางหลวงระหว่างเมือง โครงการถนนสายรอง โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 งานกรมการขนส่งทางบก เร่งดำเนินการขับเคลื่อนต่อในปี 2565 ส่งผลให้ภาคเอกชน นิคมอุตสาหกรรม เริ่มฟื้นตัวและกลับมาลงทุน หนุนความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ precast คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์อยู่เสมอ โดยเร่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ precast คอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อตอบโจทย์ความต้องการงานก่อสร้างที่หลากหลาย และช่วยแก้ปัญหาขาดแรงงาน ลดต้นทุน และช่วยให้งานสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมุ่งเน้นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนการผลิต การขายและลดค่าใช้จ่าย
“บริษัทมีการติดตามนโยบายและมาตรการต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเร่งเดินหน้าประมูลงานจากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1.6 พันล้านบาท”
เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: กิตติเดช เจริญพร
อ่านเพิ่มเติม:- จากวง E Street สู่ถนนทำเงินของ “Bruce Springsteen”
- ชวพงษ์ เชาวพัฒนวงศ์ ผงาดเครื่องมือช่าง “PUMPKIN”
- พงษ์พันธุ์ ไชยนิล นำ “เกาะเกร็ด” ปรุงรสละมุนลิ้น เสพศิลป์ ตระการตา
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine