ปีก่อนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 “NSL” คู่ค้าคนสำคัญที่ป้อนสินค้าเบเกอรี่เข้าร้าน 7-Eleven กว่าวันละ 500,000 ชิ้น และยังเป็นผู้ผลิตอาหารหลังร้านป้อนซูเปอร์มาร์เก็ตดังหลายเมนู สร้างการเติบโตโดดเด่นในฐานะ “ยักษ์เล็ก” ของวงการอาหารสำเร็จรูป
มาปีนี้ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กำลังผลักดันโปรดักต์ใหม่ เมนูอาหารพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์ NSL ที่มาพร้อมบรรจุภัณฑ์อ่อน retort pouch เป็นเมนูอาหารแบบสำเร็จรูปที่เก็บได้ในอุณหภูมิปกติ นวัตกรรมนี้จะตอบโจทย์การบริโภคของผู้คนในภาวะที่โรคระบาดยังไม่หมด แถมกลิ่นอายสงครามคุกรุ่นเพราะเป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่เก็บได้โดยไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น ตอบโจทย์การบริโภคสะดวกทุกที่ทุกเวลา เป็นจุดแข็งของอาหารสำเร็จรูปยุคใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง สมชาย อัศวปิยานนท์ ผู้ก่อตั้งและ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) อัปเดตความคืบหน้าธุรกิจหลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อกลางปี 2564 ที่ผ่านมาว่า รายได้หลักของบริษัทยังมาจากสินค้าในกลุ่มเบเกอรี่ โดยเฉพาะเบเกอรี่และขนมที่ผลิตป้อนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ 7-Eleven นับหมื่นสาขา โดยต้องผลิตส่งวันละ 500,000 ชิ้น นับเป็นความสำเร็จของบริษัทในรอบ 9 ปี หลังจากบริษัทสร้างโรงงานเบเกอรี่แห่งใหม่และเริ่มผลิตในปี 2555จุดแข็งนวัตกรรมอาหาร
เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ ไม่ใช่ผู้ผลิตเบเกอรี่แบรนด์ดังอันดับ 1 ของตลาด แต่ทว่ายอดขายที่ส่งให้กับร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ถือว่ามากที่สุดในการผลิตต่อวัน เป็นความสำเร็จที่วัดด้วยยอดขาย แต่ในแง่แบรนดิ้งอาจยังไม่ชัดเจน มาวันนี้ก้าวย่างใหม่ของสมชายคือ การสร้างแบรนด์อาหารให้เป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมเสิร์ฟ โดยทำควบคู่ไปกับธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส การส่งวัตถุดิบอาหารให้กับกลุ่มร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม ด้วยจุดแข็งที่เป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารอยู่แต่เดิม เป็นช่องทางรายได้ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานด้วยบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนที่ลดปัญหาในการจัดเก็บ สามารถวางไว้ในอุณหภูมิปกติได้เป็นเวลานาน “เราจะเปิดตัวอาหารพร้อมรับประทานที่เป็น retort pouch แบรนด์ NSL Kitchen ในงาน THAIFEX 2022 ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้” สมชายเล่าให้ฟังช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยย้ำว่าสินค้าอาหารที่เปิดตัวสู่ตลาดจะใช้ชื่อ NSL เป็นตัวนำ ซึ่งนอกจากอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ ที่จะทยอยเปิดตัวตามมาในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ “เราจะขยายมาทางฟู้ดมากขึ้น และจัดจำหน่ายสินค้าให้น้ำปลาร้าเชิญยิ้มเป็นตัวแรก สินค้าแบรนด์เราเองก็มีคริสปี้ ปังไท, คริสปี้พาย และจะออกสินค้าบิสกิต ฟินฟินตามมา” สมชายบอกว่า เป้าหมายของบริษัทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า NSL จะมียอดขายรวมที่ 6 พันล้านบาท ด้วยช่องทางที่หลากหลายโดยสัดส่วนเป้าหมายยังคงเป็นสินค้า OEM 70% อีก 30% เป็นแบรนด์ตัวเอง ในส่วนของกลุ่มฟู้ดจะเริ่มขายมากขึ้นในไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 200-300 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งอาหารพร้อมรับประทานและกลุ่มแช่แข็ง โดยจะมีเมนูแกงต่างๆ และจะมีอาหารที่เป็น plant-based ด้วย เริ่มต้นจากตลาดในประเทศก่อน สำหรับเมนูกลุ่ม ready to eat หรืออาหารพร้อมรับประทานจะส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย “เรามองว่าอาหารหลังโควิด-19 ต้องตามเทรนด์โลกให้ทัน กลุ่ม retort ตอบสนองอนาคตจากสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง สงครามตามจุดต่างๆ อาหารถ้าเก็บรักษาง่าย ส่งง่าย น่าจะมีตลาดรองรับ คิดว่ามาถูกทางแล้ว” สมชายยืนยันแนวคิดต่อทิศทางความต้องการอาหารโดยประเมิน จากสถานการณ์ต่างๆ ของโลก ซึ่งเขาบอกว่า จะไม่จำกัดเฉพาะอาหารไทยแต่มองการผลิตอาหารในแต่ละภูมิภาคส่งไปขายตามความต้องการตลาด นอกจากนี้ สมชายยังบอกด้วยว่า บริษัทได้ทำ MOU กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พัฒนาโครงการ “นวัตกรรมจากหิ้งสู่ห้าง” ด้วยมองว่างานวิจัยหลายโครงการสามารถนำมาต่อยอดเชิงธุรกิจได้ “ปีหน้าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น ขยายขอบข่ายธุรกิจเพิ่ม” เขาหมายถึงนวัตกรรมอาหารจากงานวิจัย สมชายเผยว่า จะหันมาเน้นตลาดผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อน่าสนใจ เช่น อาหารที่ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในการขับถ่าย ช่วยเจริญอาหาร ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้สูงวัยอีกไม่นานคงได้ออกสู่ตลาดให้ได้ลองกัน ภาพ: NSLคลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine