"พีเว่" จากอินนิเชียล เอสเตท ความใส่ใจของคนรุ่นใหม่ สู่บ้านแนวคิดใหม่ - Forbes Thailand

"พีเว่" จากอินนิเชียล เอสเตท ความใส่ใจของคนรุ่นใหม่ สู่บ้านแนวคิดใหม่

วิกฤตโควิดที่ผ่านมา ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนมากมาย และได้กลายเป็นโอกาสสำหรับหลายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหม่อย่าง Initial Estate ที่แจ้งเกิดอย่างรวดเร็ว ด้วยการรวมทีมคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง สะท้อนผ่านความสำเร็จจาก 5 โครงการที่ผ่านมา และก้าวสู่ตลาดไฮเอนด์ด้วยโครงการ PYVE (พีเว่) ราชพฤกษ์-สิรินธร ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท

บริษัท อินนิเชียล เอสเตท จำกัด (Initial Estate) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2560 นำโดย “กฤศธนฎา สื่อไพศาล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่คลุกคลีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เด็ก เธอตัดสินใจลงทุนร่วมกับพันธมิตร ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเปลี่ยนผ่าน เพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19

“เราเริ่มมองเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด จากการสำรวจตลาดอย่างเข้มข้น จนค้นพบความต้องการของผู้ซื้อที่แท้จริง ที่มีอยู่จำนวนมากในหลายทำเล แต่ซัพพลายในตลาดมีน้อย ประกอบกับผู้บริโภคยุคใหม่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ลดลง นั่นจึงเป็นโอกาสของเรา” กฤศธนฎา เกริ่นนำถึงการเริ่มต้นธุรกิจ Initial Estate

‘เดอะ ธาม’ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

จากพื้นฐานของ กฤศธนฎา และทีมงานที่ศึกษาและวิจัยความต้องการของผู้บริโภคมาอย่างยาวนานทั้งในธุรกิจสินค้าอุปโภค-บริโภค เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของทุกธุรกิจ และมีความชอบส่วนตัวที่ใส่ใจความต้องการของคนรอบข้าง ชอบสอบถามปัญหาและมองแนวคิด รวมถึงหาโซลูชันที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา พร้อมกับทีมงานที่มีอุดมการณ์เดียวกัน จึงก่อตั้งเป็นธุรกิจ Initial Estate ที่มี Brand Promise ที่ว่า “ตัวจริงที่ใส่ใจ”

“ทีมงานทำงานหนักมากก่อนเริ่มเปิดโครงการแรก เดอะ ธาม (The Thamm) อ่อนนุช-มอเตอร์เวย์ เมื่อปี 2561 ลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ศึกษาตลาด รวมรวมข้อมูลอย่างจริงจังเพื่อให้เข้าใจ Pain Points ของลูกค้าที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิตในปัจจุบัน”

กฤศธนฎา กล่าวว่า หัวใจสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ การเลือกทำเลที่เหมาะสม มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีองค์ประกอบที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ใกล้ชุมชน การเชื่อมต่อย่านธุรกิจได้ง่ายและสะดวกสบาย บ้านต้องมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัยจริงของครอบครัวรุ่นใหม่ เราจึงคิดคอนเซ็ปต์ Zero Waste Space การออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพในทุกจุด และมีส่วนกลางที่เน้นความจำเป็นของผู้อาศัย

จากโครงการแรก เดอะ ธาม (The Thamm) อ่อนนุช-มอเตอร์เวย์ เมื่อปี 2561 ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาทต่อยูนิต จนถึงโครงการที่ 4 ในย่านเดียวกันราคาขายอยู่ที่ 2.79 ล้านบาท ขายหมดทุกโครงการ และได้เปิด เดอะ ธาม ที่ย่านราชพฤกษ์ เป็นโครงการที่ 5 ซึ่งขายไปแล้วกว่า 90% และทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 2564 อยู่ที่ 500 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมียอดขาย 900-1,000 ล้านบาท

กฤศธนฎา กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ Initial Estate ประสบความสำเร็จ เกิดจากแนวคิดในการทำธุรกิจที่ว่า “ตัวจริงที่ใส่ใจ” (Designed for Real You) ซึ่งมี 5 องค์ประกอบที่สำคัญ คือ 1. Real Care for Detail การใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การเลือกวัสดุคุณภาพ การออกแบบดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ 2. Real Care for Service มีบริการที่ใส่ใจ ตั้งแต่การให้คำแนะนำก่อนซื้อ ให้คำปรึกษาในการกู้เงิน ตลอดจนบริการหลังการขาย 3. Real Care for Living ใส่ในทุกเรื่องของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการออกแบบการใช้งานที่คิดถึงในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ 4. Real Care for Earth การใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรอบ และ 5. Real Care for People การใส่ใจในทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทั้งภายในและภายนอก

ก้าวสู่ PYVE เจาะตลาดไฮเอนด์

สำหรับปีนี้ Initial Estate พร้อมลงทุนกับโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ในระดับไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ “PYVE” (พีเว่) ที่มาพร้อมคอนเซปท์ “Designed for Your Privacy” หรือ “ที่สุดของความเป็นส่วนตัว บนพื้นที่ 22 ไร่ จำกัดเพียง 92 ครอบครัว บนทำเลราชพฤกษ์ ราคาเริ่มต้น 8.9-15 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท

กฤศธนฎา กล่าวว่า ผู้อยู่อาศัยรุ่นใหม่ เช่น Gen Y กำลังขึ้นมาเป็นกำลังซื้อหลักของหลายๆ ตลาด โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ดูจากจำนวนประชากรที่มีอายุระหว่าง 25-39 ปี ที่เข้าสู่ First Jobber ไปจนถึงผู้บริหารระดับ Management Level ตลอดจนเจ้าของกิจการ ที่มีความสามารถในการขยายที่อยู่อาศัยของตัวเอง และมีความต้องการที่แตกต่างกันจากพฤติกรรมชีวิตวิถีใหม่ เราจึงยึดหลัก Customer Centric ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยยึดความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นที่ตั้ง สะท้อนผ่านสโลแกน “Designed for Real You ตัวจริงที่ใส่ใจ”

สำหรับลูกค้าของ PYVE จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

กลุ่ม Young Successor กลุ่มที่ใช้ชีวิตเร่งรีบไม่ค่อยทำอาหาร เน้นพื้นที่กิจกรรมสังสรรค์ภายในบ้าน

กลุ่ม DINKs (Double Income No Kids) กลุ่มที่ชอบทำงานหนักเที่ยวหนัก จึงออกแบบพื้นที่บ้านที่มีส่วนรับแขกที่เชื่อมกับห้องอาหาร

กลุ่ม Starter Family & 3 Gen Family กลุ่มที่เริ่มสร้างครอบครัว มีลูก และมีผู้สูงอายุ จึงออกแบบห้องนอนข้างล่างและมีพื้นที่ส่วนตัวด้านบน

“ด้วยคอนเซปท์ “Designed for Your Privacy” PYVE จึงวางแผนผังให้เป็นโครงการที่มีเพื่อนบ้านน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัว สอดรับความต้องการของคนรุ่นใหม่” กฤศธนฎา กล่าว

ผู้บริหารสาว กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายระยะสั้น Initial Estate พร้อมจะขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ปีละ 4-5 โครงการ และมองว่าบริษัทยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ 30-35% ต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 3 ปี รวมถึงแผนการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในอนาคต โดยเป้าหมายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท

“เรามีความเชื่อมั่นในทีมงาน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มี DNA เดียวกัน และวางโครงสร้างการบริหารงานตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ มีขึ้นตอนการตัดสินใจที่สั้น กระชับ ยึดแนวทาง Agile ให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องมีความสามารถในการตัดสินใจ และมี Growth Mindset และที่สำคัญยึดมั่นใน Brand Promise ที่ว่า ตัวจริงที่ใส่ใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จของ Initial Estate และโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า” กฤศธนฎา กล่าวทิ้งท้าย

TAGGED ON