SCGJWD เร่งขยาย “มีสเปซ” รับเทรนด์ห้องเก็บของส่วนตัวมาแรง - Forbes Thailand

SCGJWD เร่งขยาย “มีสเปซ” รับเทรนด์ห้องเก็บของส่วนตัวมาแรง

เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ หรือ SCGJWD เร่งขยายธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้แบรนด์ “MeSpace” รับเทรนด์ผู้บริโภคต้องการพื้นที่เก็บของนอกบ้าน ทั้งของมีค่า ของสะสม ไวน์ รวมถึงการเติบโตของกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หนุนตลาดรวมพุ่งกว่า 1,000 ล้าน


    ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจให้บริการเก็บของส่วนตัวให้เช่าเติบโตสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.36% ในระยะ 5 ปี (2565 – 2570) สูงกว่าการเติบโตของตลาดทั่วโลกเกือบเท่าตัว

    สำหรับประเทศไทยตลาดเติบโตเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และบริษัทถือเป็นผู้นำตลาดที่มีพื้นที่ให้บริการรวม 28,000 ตร.ม.มากที่สุดในประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วน 25-30% จากตลาดรวม

    “ปีนี้ธุรกิจ Self storage เติบโตได้ดี สังเกตได้จากการเปิดสาขาให้บริการเพิ่มเติมของผู้ให้บริการแต่ละรายในพื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัดโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว และอานิสงส์จากการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดในเมือง พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขนาดห้องของคอนโดมีขนาดเล็กลงเป็นอย่างมาก เช่น คอนโดฯ 1 ห้องนอนเดิมมีขนาด 65 ตร.ม. ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 28 ตร.ม. จึงทำให้เกิดความต้องการพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น” ชวนินทร์กล่าว

    เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ ดำเนินธุรกิจให้บริการเก็บของส่วนตัวให้เช่า มาตั้งแต่ปี 2557 ในนาม “JWD Store It” ครบ 9 ปี และในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 10 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “MeSpace” บริษัท มีสเปซ เซลฟ์ สโตเรจ จำกัด โดยมีพันธมิตรร่วมถือหุ้นอย่างกลุ่ม CPN (ถือหุ้นสัดส่วน 30%) และ STOREHUB (ถือหุ้นสัดส่วน 10%) ผู้ดำเนินธุรกิจ Self storage ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย พร้อมขยายธุรกิจให้ครบ 10 สาขาในปี 2567


ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนหนุนธุรกิจเติบโต

    สำหรับ 5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่เก็บของนอกบ้าน ได้แก่ 1. การเติบโตของเมือง 2. การทำงานที่บ้าน 3. การสะสมสิ่งของ 4.การย้ายบ้านหรือปรับปรุงบ้าน 5.การเติบโตของธุรกิจขายของออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของผู้เช่า มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

    นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยังเปลี่ยนแปลงไปหลังยุคโควิด ทั้งการทำงานที่บ้าน การสะสมของมีค่าต่างๆ เช่น โมเดลหุ่นยนต์ ทำให้มีความต้องการพื้นที่เก็บของส่วนตัวมากขึ้น รวมไปถึงการเก็บของมีค่า และไวน์ ซึ่งมีสเปซ มีบริการห้องเก็บของควบคุมอุณหภูมิ โดยมีบริการเริ่มต้นตั้งแต่ล็อกเกอร์ขนาด 1 ตร.ม. ในอัตราค่าเช่าพื้นที่ 499 บาท/เดือน จนถึงขนาด 50 ตร.ม. อัตราค่าเช่าสูงสุด 20,000 บาท/เดือน


    ชวนินทร์ กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดสาขาที่ 10 ในพื้นที่รัชดา-พระราม 9 เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วไป และลูกค้าของพันธมิตรอย่างกลุ่ม CPN ที่มีการขยายพื้นที่การให้บริการทั้งศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม รวมถึงมิกซ์ ยูส
    ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีสเปซ เซลฟ์ สโตเรจ จำกัด กล่าวว่า จุดแข็งและกลยุทธ์หลักที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความแตกต่างให้กับ MeSpace 3 ข้อ ได้แก่

    1.Convenience: สะดวกสบาย ใกล้บ้านด้วยจำนวนสาขาที่มากที่สุดในประเทศไทย (10 สาขา นับรวมสาขาที่จะเปิดใหม่ภายในต้นปี 2567) คิดเป็นพื้นที่ให้บริการ 28,000 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และมีการขยายสาขาไปยังหัวเมืองต่างจังหวัด

    2.Flexible Solutions: มีโซลูชันพื้นที่เก็บของที่หลากหลายให้เลือกได้ตามความต้องการและงบประมาณ ตั้งแต่ห้องเก็บของหลากหลายขนาด ตู้ล็อกเกอร์ ห้องเก็บไวน์ ห้องเก็บของนิรภัย และ ตู้รับฝากของอัตโนมัติ เริ่มต้นเพียง 499 บาท/เดือน (เช่าขั้นต่ำ 1 เดือน)
พร้อมบริการรับ-ส่งของเพื่อนำมาเก็บในพื้นที่เก็บของ ผ่านแอปพลิเคชัน CloudRoom รวมถึงบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการขนย้ายพร้อมติดตั้งด้วยผู้เชี่ยวชาญ, บริการจัดเก็บ-แพ็ก-ขนส่ง สำหรับธุรกิจ SME เป็นต้น

    3.Worry-free Care: มั่นใจด้วยการดูแลระดับพรีเมียมในพื้นที่จัดเก็บ ติดระบบปรับอากาศทุกสาขา ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และแพ็คเกจประกันภัยที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ รวมถึงการออกแบบห้องเก็บของที่คำนึงถึงความปลอดภัยตามมาตรฐานห้องเก็บของระดับสากล

    “พื้นที่ให้บริการของมีสเปซ ในปีนี้เพิ่มขึ้น 78% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 โดยคาดการณ์รายได้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท และปี 2567 มีรายได้ประมาณ 108 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของรายได้ 53%

    “โดยแผนการเติบโตในปีถัดไปเรามีเป้าหมายที่จะทำให้ Self Storage เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองมากขึ้น โดยมุ่งปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและมีประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายในการใช้บริการมากขึ้น พร้อมด้วยแผนงานขยายพื้นที่ให้บริการในอนาคต” ดร.เอกพงษ์ กล่าว


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เอพี ไทยแลนด์ อวดรายได้ 9 เดือนแรก 3.7 หมื่นล้าน เตรียมทิ้งทวนส่งท้ายปี 23 โครงการใหม่

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine