โจนส์ แลง ลาซาลส์ เผยยอดซื้อที่ดินปี 2564 วูบ เหลือ 1,300 ล้านบาท จากช่วงก่อนโควิดการลงทุนซื้อที่ดินปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท คาดอีก 2 ปีฟื้นตัว ระบุกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คนแห่ขายที่ดินเพิ่ม แนะนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวรับชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภค
สุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JLL ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล “พร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ อวอร์ดส์ 2022” กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยกำลังกลับมาฟื้นตัว หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะการซื้อ-ขายที่ดิน ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 – 2561 มูลค่าการซื้อขายที่ดินอยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านบาทต่อปี ปี 2562 ลดลงเหลือ 15,000 ล้านบาท ปี 2563 เหลือ 5,800 ล้านบาท และปี 2564 ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายที่ดินเหลือเพียง 1,300 ล้านบาท “ตัวเลขซื้อขายที่ดินที่ลดลงอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ขณะที่มีสินค้ามากเกินความต้องการของตลาด ประกอบกับการระบาดของโควิดที่เกิดขึ้น ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม คอนโด อาคารสำนักงานให้เช่า ต่างได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก” สุพินท์กล่าว สำหรับธุรกิจการซื้อขายที่ดินคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจากนี้ไปจะมีการนำที่ดินมาขายมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลไม่ลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเหมือนปี 2564 ที่ผ่านมาสำนักงานให้เช่าซึมไลฟ์สไตล์เปลี่ยน
ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยช่วงก่อนโควิด มีความต้องการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นปีละ 145,000 ตารางเมตร ปัจจุบันเหลือ 70,000 ตารางเมตร หรือลดลงร้อยละ 50 และพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนร้อยละ 15 จากเดิมพื้นที่ว่างจะมีประมาณไม่เกินร้อยละ 10 ส่วนอัตราค่าเช่าพื้นที่ลดลงร้อยละ 1-2 สุพินท์ กล่าวว่า ธุรกิจสำนักงานให้เช่า ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากโควิด-19 โดยเฉพาะความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปจากการทำงานที่บ้านมากขึ้น หรือ ทำงานได้จากทุกที่ ทำให้ไลฟ์สไตล์การทำงานในออฟฟิศเปลี่ยนแปลง ซึ่งคาดว่าจะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในระยะต่อไป ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว โดยสำหรับอาคารสำนักงานเดิม ต้องรักษาผู้เช่าไว้ รวมถึงปรับปรุงให้ทันสมัย และการให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย “จากการสำรวจ ผู้คนยังต้องการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศบ้าง แม้จะยังไม่เต็ม 100 ซึ่งอนาคตของสำนักงานจะต้องเปลี่ยนแปลง ปรับดีไซน์ใหม่ให้สอดรับกับพฤติกรรมวิถีใหม่ เช่น ไม่มีพื้นที่เฉพาะของตัวเอง แต่มีพื้นที่ว่างที่ใครสามารถมาใช้ได้ การจัดพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน มีห้องประชุมส่วนกลาง การดูแลสิ่งแวดล้อม และสุขอนามัย การดีไซน์จะต้องเปลี่ยนไป และคิดว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะฟื้นตัว” สุพินท์ระบุดีดีพร็อพเพอร์ตี้ชี้ดีมานด์เริ่มฟื้น
กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวและมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ได้ในปีนี้ เนื่องจากตลาดยังมีดีมานด์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ทำให้ดัชนีราคาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6-13 ทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ขณะที่ดัชนีราคาคอนโดยังลดลง สำหรับราคาคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด จะอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยว มีความต้องการซื้อในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลยอดนิยมของบ้านเดี่ยว ได้แก่ จตุจักร บางพลัด บางขุนเทียน ส่วนทำเลยอดนิยมของทาวน์เฮาส์ ได้แก่ บางนา คลองเตย ห้วยขวาง ส่วนคอนโนมิเนียม ได้แก่ วัฒนา ปทุมวัน คลองสาน เป็นต้น กมลภัทร กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรงตัว โดยคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป ต้องจับตามาตรการของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบจากวิกฤตระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะเป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ต้องติดตามต่อไป สำหรับการจัดงานประกาศรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 17 เป็นการคัดเลือกโครงการเด่นปี 2565 และมีการประกาศสาขาใหม่ โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Waterfront โครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และโครงการที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและกำลังซื้อให้กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึง โดยเปิดรับการเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัล ตั้งแต่วันนี้ – 9 ก.ย.2565 และประกาศผลในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.2565 อ่านเพิ่มเติม: “เอ พลาโน่ เทค” คิกออฟ Metaverse Concertไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine