แนวราบ “เอพี” โตดีสวนเศรษฐกิจ ปั้นแบรนด์ใหม่ The Sonne ลงตลาดครึ่งปีหลัง 2562 - Forbes Thailand

แนวราบ “เอพี” โตดีสวนเศรษฐกิจ ปั้นแบรนด์ใหม่ The Sonne ลงตลาดครึ่งปีหลัง 2562

โครงการ แนวราบ “เอพี” สร้างยอดขาย 7 เดือนแรกของปีทะลุเป้า อานิสงส์เลือกจับตลาดกลางบน เศรษฐกิจไม่กระทบ ครึ่งปีหลังเปิดเพิ่มอีก 17 โครงการ มูลค่า 1.58 หมื่นล้านบาท ส่งแบรนด์ “The Sonne” ลงตลาด คอนเซปท์ใหม่ บ้านแฝดในไซส์ที่ดินบ้านเดี่ยว เปลี่ยนแบบ façade ให้เลือก 4 สไตล์

ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงยอดพรีเซล 7 เดือนแรกของปี 2562 ทั้งบริษัทมียอดขายสะสมแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 57% จากเป้ารวมทั้งปีนี้ 4.18 หมื่นล้านบาท หากแบ่งเฉพาะโครงการแนวราบ ทำได้ 1.4 หมื่นล้านบาทจากเป้ากลุ่มสินค้านี้ทั้งปี 2.25 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยทำยอดขายได้สัปดาห์ละ 450 ล้านบาทซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ “เศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผลกระทบกับกลุ่มลูกค้ากลางถึงบนน้อย กลุ่มนี้ยังมีความสามารถในการซื้อ และปีนี้เอพีเลือกเปิดกลุ่มสินค้ากลางถึงบนเป็นหลักซึ่งสอดคล้องกับตลาด” ภมรกล่าว สำหรับครึ่งปีหลัง 2562 เอพีจะเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 17 โครงการ มูลค่า 1.58 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มทาวน์เฮาส์ 9 โครงการ มูลค่า 7.11 พันล้านบาท และกลุ่มบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 8.69 พันล้านบาท โดยมีแบ็กล็อกโครงการแนวราบอยู่ 9.54 พันล้านบาทที่จะโอนกรรมสิทธิ์ภายในปีนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ ภมรกล่าวถึงนโยบายผ่อนคลายความเข้มงวด LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะผ่อนปรนให้ผู้กู้ร่วมที่ไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยนั้นๆ สามารถกู้บ้านเพิ่มโดยไม่นับหลังที่กู้ร่วมเป็นสัญญาแรก ซึ่งจะทำให้ได้สัดส่วน LTV 90% ตามปกติ (กรณีกู้บ้านราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท) ภมรเชื่อว่าการผ่อนคลายนี้จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าที่ติดสัญญากู้ร่วมอยู่มักจะชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเนื่องจากคาดว่าตนเองอาจเข้าเกณฑ์ที่ต้องวางเงินดาวน์สูง  

บ้านแฝดใหม่เลือก façade ได้ 4 สไตล์

สำหรับโครงการแนวราบช่วงครึ่งปีหลังของเอพี หนึ่งในไฮไลต์ที่น่าสนใจคือการเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่มในพอร์ตภายใต้ชื่อ “The Sonne” (เดอะ ซอนเน่) โดยภมรอธิบายว่า ปัจจุบันเอพีมีแบรนด์แนวราบทั้งหมด 5 แบรนด์ แยกออกเป็นกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ที่ชอบพื้นที่สีเขียว ต้องการบ้านที่มีอาณาบริเวณ จะตอบโจทย์ด้วยแบรนด์ Palazzo, The City และ Centro ส่วนอีกกลุ่มเป็นลูกค้าวัยทำงานที่เพิ่งแยกครอบครัว อาจเตรียมตัวมีลูกหรือมีลูกเล็ก ไลฟ์สไตล์คนในเมือง กลุ่มนี้จะตอบโจทย์ด้วยแบรนด์ บ้านกลางเมือง และ Pleno ส่วนแบรนด์ The Sonne ที่เป็นแบรนด์ที่ 6 นั้นเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าอีกแบบ คือลูกค้าที่ต้องการพื้นที่เพียงพอแต่ยังเข้าเมืองสะดวก และไม่ต้องการพื้นที่สวนมากนัก รวมถึงต้องการมีบ้านที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา
โครงการ The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา ทำเลถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยห่างจากถนนศรีนครินทร์ประมาณ 2.8 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท
“เราสำรวจลูกค้าพบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทำให้ลูกค้าต้องการมี Uniqueness ของตัวเองมากขึ้น จะมีคำถามว่าทำไมบ้านในหมู่บ้านจัดสรรต้องหน้าตาเหมือนกันหมด ทำให้เราพัฒนา The Sonne มาตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้” โดยนำร่องโครงการแรกคือ The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา โครงการพื้นที่ขนาด 12 ไร่ แบ่งแปลงที่ดิน 56 ยูนิต เป็นบ้านแฝดทั้งโครงการ แปลงที่ดินตั้งแต่ 40-73 ตารางวา จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการบ้านแฝดที่มีที่ดินขนาดบ้านเดี่ยว แม้แปลงที่ดินจะใหญ่เพียงพอแต่เอพีเลือกจัดสรรเป็นบ้านแฝด เพราะมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการพื้นที่ในบ้านให้กว้างขวาง มากกว่าความต้องการที่ดินรอบบ้านเพื่อเป็นสวน
The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา
แม้จะเป็นบ้านแฝด แต่ที่ดินบางแปลงมีขนาดเพียงพอที่จะตกแต่งด้วยสระว่ายน้ำขนาดเล็กได้
ตัวบ้านจัดฟังก์ชันเดียวกันทั้งหมดคือเป็นบ้านแฝด 3 ชั้น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น และ 2 ที่จอดรถ โดยมีพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกันประมาณ 249 ตารางเมตร สิ่งที่แตกต่างและเป็นครั้งแรกที่เอพีวางคอนเซปท์แบบนี้คือ การออกแบบไทป์บ้านแยก façade ด้านนอกเป็น 4 รูปแบบ แม้ว่าจะใช้สถาปัตยกรรมเดียวกันคือยุโรปคลาสสิกที่ปรับให้เรียบง่ายขึ้น แต่รายละเอียดการวางโครงสร้างเส้นสายและประตู-หน้าต่างมีความต่างกัน ทำให้เมื่อมองภาพรวมแล้วไปในทิศทางเดียวกันทั้งโครงการ แต่ยังมีเอกลักษณ์ของแต่ละหลังอยู่ “แต่ละคลัสเตอร์ในโครงการเราจะวางแบบบ้านที่ต่างกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ทำให้เวลามองออกจากบ้านตัวเองจะได้เห็นบ้านที่ไม่เหมือนกับหลังที่ตนเองอยู่”
The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา
facade ด้านนอกอาคารมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
ภมรกล่าวว่า โครงการนี้เตรียมเปิดพรีเซลวันที่ 7-8 กันยายน 2562 ราคา 12-15 ล้านบาท ขณะนี้มียอดผู้สนใจลงทะเบียนแล้วมากกว่า 300 รายทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการเปิดแบรนด์ The Sonne แห่งต่อไปยังไม่มีแผนในปีนี้ ยังรอดูผลตอบรับของลูกค้า แต่หากมีการขยายออกไปยังทำเลอื่น เชื่อว่าจะยังใช้คอนเซปท์บ้านแฝดที่มี façade หลายแบบให้เลือก และเป็นทำเลเข้าออกได้หลายทาง รวมถึงเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่าย
The Sonne ศรีนครินทร์-บางนา
(ซ้าย) ห้องน้ำมาสเตอร์เบดรูมพร้อมอ่างจากุสซี่และสวน pocket garden (ขวา) ห้องทานอาหารเชื่อมต่อห้องรับแขก
 
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine