พฤกษา มองแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ เติบโตสวนกระแสโควิดระลอก 3 ระบุตลาดระดับกลางยังมีกำลังซื้อ ยอดค้นหาบ้านผ่านออนไลน์พุ่ง ไตรมาสแรกทำยอดขาย 6,940 ล้านบาท ครึ่งปีหลังแนวโน้มรุ่ง หลังฉีดวัคซีน ผนึกโรงพยาบาลวิมุตเปิดจองวัคซีนโมเดอร์น่า ดูแลสุขภาพลูกบ้าน
ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2564 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ยังมีสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ก็ตาม โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการขยายตัว ร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 มีมูลค่ 73,921 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดคอนโดนิเนียม 28,025 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 31 บ้านเดี่ยว 27,363 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 51 และทาวเฮ้าส์ 17,725 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16 “เรามองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าปีนี้แนวโน้มเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกลุ่มแนวราบ หรือบ้านเดี่ยว เซกเมนต์ที่มีการเติบโตจะเป็นบ้านระดับราคา 2 – 5 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลาง 5 หมื่นถึงหนึ่งแสนบาท แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คืออสังหาฯที่มีราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท” ปิยะกล่าว สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากรัฐบาลเริ่มมีการกระจายวัคซีน ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สังเกตได้จากยอดค้นหาบ้าน ที่อยู่อาศัยผ่านออนไลน์ของกลุ่มพฤกษาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20–30 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก สะท้อนให้เห็นว่ายังมีกำลังซื้อ แต่การตัดสินใจซื้ออาจใช้ระยะเวลานานขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าคงเหลือในตลาด (สต๊อก) ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในไตรมาส 1 ปี 2564 มีจำนวนรวม 214,148 ยูนิต ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสต๊อกคอนโดมิเนียม มูลค่า 86,562 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 บ้านเดี่ยว 53,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และทาวเฮ้าส์ 70,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ยอดขายแตะ 7,000 ล้าน ปิยะ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2564 บริษัทมียอดขายรวม 6,940 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำรายได้ที่ 6,888 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ร้อยละ 7 และมีกำไรสุทธิ 606 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 โดยสัดส่วนของยอดขายที่ได้มาจากทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 51 บ้านเดี่ยว ร้อยละ 29 คอนโดมิเนียม ร้อยละ 20 และมีโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสแรกที่ผ่านมาทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,915 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทั้งนี้ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ตามเดิมที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 26,630 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มไตรมาสสองของปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/2563 เป็นจุดต่ำสุดของบริษัท มีรายได้ 3,500 ล้านบาท แต่เฉพาะ เม.ย.ปีนี้ มียอดขายเข้ามาแล้ว 2,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ – ปี 2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้เป็นมูลค่ารวม 21,988 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่ง ร้อยละ 8.7 จากตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ขณะที่สต๊อกคงเหลือประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ปิยะ กล่าวว่า กลยุทธ์ในปีนี้ พฤกษายังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ และสร้างคุณค่าให้โครงการผ่านความร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต และการขยายเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพ ซึ่งทุกโครงการของพฤกษาจะได้รับสิทธิพิเศษจากเครือโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา รพ.วิมุตเปิดจองฉีดวัคซีน นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุตโฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า โรงพยาบาลวิมุตได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งโรงพยาบาลได้ร่วมกับภาครัฐในการเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 โดยมีกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงกลุ่มแพทย์ที่เข้ามารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 จำนวนมาก ซึ่งทางโรงพยาบาลวิมุต ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 อีกด้วย รวมทั้งเปิดรับจองฉีดวัคซีนทางเลือกของบริษัท โมเดอร์น่า คาดว่าจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ โรงพยาบาลมีแผนดึงกลุ่มลูกค้าพฤกษาเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลมากขึ้น โดยมอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกบ้านในโครงการพฤกษา อาทิ ส่วนลดค่ายาและค่าห้อง ส่วนลดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้คำปรึกษาแพทย์ผ่านออนไลน์ (Telemedicine) บริการรถพยาบาลฉุกเฉินในระยะทางที่กำหนด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น “โรงพยาบาลวิมุตมีแผนระยะยาวที่ต้องการสร้าง Ecosystem หรือ สภาพของการสร้างสังคมสุขภาพที่ดีของคนไทย โดยจะทำให้คนในชุมชนระแวกใกล้เคียงโรงพยาบาล และใกล้เคียงโครงการพฤกษา สามารถเข้าถึงศูนย์สุขภาพ (Health Center) รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ในโครงการพฤกษาได้ง่ายขึ้น” นายแพทย์กฤตวิทย์กล่าวอ่านเพิ่มเติม: SHARGE เล็งขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจชาร์จรถ EV สู่เป้าหมาย 3 พันล้านใน 5 ปี
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine