หลังจากพัฒนาโครงการ “พาร์ค 24” และขายให้ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ไปเมื่อสองปีก่อน (2560) หลายคนอาจสงสัยว่า “พราว เรียล เอสเตท” จะก้าวเดินในธุรกิจอสังหาฯต่อไปหรือไม่อย่างไร เมื่อขายโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ไปแล้ว แต่คำตอบเริ่มชัดขึ้นจากความเคลื่อนไหวเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ตามที่บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS เพิ่มทุนจำนวน 451.39 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นละ 1.44 บาท/หุ้น ให้แก่นายพสุ ลิปตพัลลภ และนางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ ในกลุ่มบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด เพื่อระดมทุนส่วนหนึ่งใช้รองรับการเข้าซื้อที่ดิน 2 แปลงในหัวหินของกลุ่มพราว และ "วานา นาวา" มูลค่ารวม 1,325 ล้านบาท
โดยการซื้อที่ดินเปล่า 2 แปลง จากบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด เนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน 48.8 ตารางวา และบริษัท วานา นาวา จำกัด เนื้อที่ 5 ไร่ 1 งาน 9.5 ตารางวา รวมเนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ 3 งาน 58.3 ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ค.) บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด ได้เปิดแถลงข่าวแผนดำเนินธุรกิจหลังจากสองพี่น้องตระกูล “ลิปตพัลลภ” เข้าซื้อหุ้นในบริษัทโฟกัสฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD โดย พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร PROUD กล่าวว่า บริษัทฯจะบุกตลาดอสังหาฯ ด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “MORE THAN JUST LIVING หรือ ชีวิตที่มากกว่า” โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาที่ดินในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างหัวหิน 2 โครงการ โครงการแรกเป็นที่ดินริมทะเล ในซอยหัวหิน 71 และโครงการที่สอง ติดรีสอร์ทสวนน้ำ วานา นาวา ป้อนกลุ่มไฮเอนด์-ลักชัวรี่
โดยนอกจากแผนพัฒนา 2 โครงการใหม่ที่หัวหินแล้ว PROUD ยังเตรียมแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “MORE THAN JUST LIVING ในพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งกรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายภายใน 5 ปี (2562-2566) จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท
“จากประสบการณ์ในการทำธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในหัวหิน และภูเก็ต ทำให้เราเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่ต้องการบ้านพักผ่อนหลังที่สอง หรือตลาดนักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีกำลังซื้อสูง หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวแถบเอเซีย โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมมิลเลเนียล จึงทำให้ที่ผ่านมาตลาดนี้ หรือ Resort homes มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นางสาวพราวพุธ กล่าว
นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ที่สำรวจมูลค่าโอนห้องชุดรวมของหัวเมืองหลักๆ อย่าง เชียงใหม่ สมุย กระบี่ ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน พบว่ามีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 29% ระหว่างปี 2558-61 เทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศที่ปีละ 20% และในปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมถึง 51,656 ล้านบาท โดยมีดีมานด์มาจากทั้งในและต่างประเทศ ทางบริษัทฯจึงมีแนวคิดที่จะทำอสังหาฯแนวใหม่ โดยผสมผสานประสบการณ์การพักผ่อนและการให้บริการระดับโรงแรม เข้ากับการดีไซน์ของที่พักอาศัย ซึ่งยังคงต้องมีความคุ้มค่าในแง่ของการลงทุน ออกมาในรูปแบบลิฟวิ่ง โซลูชั่น คอนเซปต์ “MORE THAN JUST LIVING” โดยเน้นทำเลทอง พื้นที่ส่วนกลาง และการให้บริการระดับโรงแรม ซึ่งมีการออกแบบเชิงรีสอร์ท และการทำการตลาดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ผู้พักมีความสะดวกสบายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารพราว เรียล เอสเตท ยังไม่ระบุรายละเอียดโครงการที่อยู่อาศัยทั้ง 2 แปลงที่หัวหิน โดยกล่าวว่าอยู่ในระหว่างการออกแบบในรายละเอียด โดยเบื้องต้นกำหนดลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าในระดับบนทั้งพรีเมี่ยมและลักชัวรี่ โดยในตลาดเมืองรีสอร์ท ราคาจะเริ่มที่ 1 แสนบาท/ตารางเมตร และสามารถขึ้นไปถึง 3 แสนบาท/ตารางเมตร และหากเป็นตลาดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ราคาจะอยู่ระหว่าง 1.5-3.5 แสนบาท/ตารางเมตร ราคาต่อห้องสามารถเริ่มที่ 4 ล้านบาท โดยเน้นขนาดห้องที่ใช้ได้จริง และมีฟังก์ชั่นที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
ด้าน พสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร PROUD กล่าวถึงภาพรวมหัวหินศูนย์กลางการท่องเที่ยวว่า จากยุทธศาสตร์การลงทุนภาครัฐที่พัฒนาสู่หัวหิน มั่นใจว่าภายใน 5 ปีจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหัวหิน เมื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยภาครัฐเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเสร็จ ซึ่งรวมไปถึงการผลักดันโครงการท่องเที่ยวย่าน “ไทยแลนด์ ริเวียร่า” และการพัฒนาระบบคมนาคมครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพO-หัวหิน, โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ และโครงการปรับปรุงและขยายสนามบินหัวหิน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการบินระหว่างประเทศรายวัน