ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI วางแผน 3 ปี เปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในภูเก็ต ครอบคลุมทุกระดับราคา รับโอกาสการท่องเที่ยวภูเก็ตฟื้นตัว-เติบโตต่อเนื่อง เล็งยกทัพแบบ Synergy ร่วมกับหลากธุรกิจอื่นในเครือ อาทิ โรงแรม บริการอสังหาฯ รองรับทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ซื้ออยู่เอง-ซื้อลงทุน ปี 2566 ส่งออริจิ้น เนชั่นวายด์ ปูพรมเปิดคอนโด 3 โครงการ มูลค่าโครงการสะสมกว่า5,000 ล้าน เตรียมต่อยอดความสำเร็จ “ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต” ที่ Sold Out ใน 6 สัปดาห์ เปิดขาย “ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง” คอนโดสไตล์โรงแรมใกล้หาดป่าตอง พื้นที่ส่วนกลางกว่า 3,000 ตร.ม. 16-17 ก.ย.นี้ ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้าน ชูโมเดล Origin Resort Investment ตอบโจทย์นักลงทุน รับผลตอบแทนต่อเนื่อง 10 ปี

กฤษณ์ เตชะสัมมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมในหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากการประกาศแผนการเติบโต Origin Infinity ของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่มุ่งมั่นขยายอาณาจักรทุกประเภทธุรกิจไปตามหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ ล่าสุด ทางเครือได้วางแผนระยะ 3 ปี (2566-2568) เตรียมเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งบ้านจัดสรร วิลล่า และคอนโดในจังหวัดภูเก็ต ในทุกระดับราคา ทุกเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับการฟื้นตัวและเติบโตของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างภูเก็ต

“เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้เริ่มสำรวจและทยอยซื้อที่ดินหลากหลายทำเลในภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ครอบคลุมที่ดินสำหรับพัฒนาคอนโดมิเนียม โรงแรม วิลล่า และโครงการมิกซ์ยูส เพราะเราตระหนักดีว่า แม้ภูเก็ตจะเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ก่อนใคร แต่ภูเก็ตก็จะเป็นจังหวัดที่ฟื้นตัวและเติบโตก่อนใครเช่นกัน

ล่าสุด แนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดในภูเก็ตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ในไตรมาส 1/2666 มียอดโอนสูงขึ้นกว่า 40% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยอดนักท่องเที่ยวและจำนวนไฟลต์บินเข้าภูเก็ต ก็สูงกว่าที่เราประเมินไว้ช่วงต้นปีราว 10-15% ชาวรัสเซียซึ่งปีที่แล้วซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตราว 900 ล้านบาท ก็ยังมีแนวโน้มจะย้ายเข้ามาอยู่อาศัยกันมากขึ้นและนานขึ้นจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งหมดส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมีแนวโน้มเติบโตขึ้นไปด้วย” กฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ทางเครือได้มอบหมายให้ออริจิ้น เนชั่นวายด์ เป็นบริษัทหัวเรือของเครือในการบุกเบิกตลาดภูเก็ตในปีนี้ 3 โครงการ มูลค่าโครงการสะสมกว่า 5,000 ล้านบาท โดยออริจิ้น เนชั่นวายด์ มีแผนกระจายบุกในทุกระดับราคา ทุกเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับตลาดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น รัสเซีย ให้ความสำคัญออกแบบโครงการให้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว

ขณะเดียวกัน ในบางโครงการจะสร้างความร่วมมือ (Synergy) กับบริษัทอื่นๆ ในเครือ อาทิ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด นำทั้งคอนโดมิเนียม โรงแรม บริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ บริการสุขภาพ มาร่วมเติมเต็ม สร้างความสมบูรณ์ของการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในพื้นที่เดียว

กฤษณ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ในภูเก็ตไปแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket) และสามารถปิดการขายโครงการดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์ สะท้อนถึงความโดดเด่นในการออกแบบห้องและพื้นที่ส่วนกลางของแบรนด์ดิ ออริจิ้น ที่ตอบโจทย์ชาวภูเก็ต บริษัท จึงเตรียมเปิดตัวโครงการแบรนด์ดิ ออริจิ้น เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ ได้แก่ ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu-Pathong) ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน (Joint Venture) กับบริษัท ภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ที่คร่ำหวอดมาอย่างยาวนานถึง 28 ปี โดยจะเปิดขายรอบพรีเซลในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท

ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 ชั้น จํานวน 3 อาคาร จำนวนห้องชุดพักอาศัย 617 ยูนิต และห้องเพื่อการพาณิชย์ 7 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 6 ไร่ ในทำเลศักยภาพ บริเวณเเยกมุมเมืองลุง บนถนนพระภูเก็ตแก้ว เพียง 10 นาที ถึงหาดป่าตอง และ Old town รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย อาทิ โรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ มหาวิทยาลัยสงขลา ศูนย์ราชการ เทศบาลเมืองกะทู้ รวมถึงแหล่งกิจกรรมต่างๆ ทั้ง Red Mountain Golf Club และสวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต เหมาะกับการพักผ่อนและท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนอยู่อาศัยอยู่เอง หรือ นักลงทุนที่อยากเริ่มต้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเมืองที่เติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนสูงที่สุด

รูปแบบห้องพักมี 5 แบบ ประกอบด้วย ห้อง Studio ขนาด 25 ตร.ม., ห้อง Living Suite ขนาด 28 ตร.ม. ได้รับการออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัย ด้วยระเบียงขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเอง ห้อง Leisure Suite ขนาด 28 ตร.ม. ด้วยขนาดห้องเท่ากัน เเต่มีการออกแบบให้ระเบียงเล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในห้อง เสมือนเข้าพักในโรงเเรม ตอบโจทย์การลงทุน ห้อง Master Suite ขนาด 34 ตร.ม. และห้อง Ocean suite ขนาด 47 ตร.ม. โดยเฉพาะห้อง Master Suite และ Ocean Suite ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่แบบ Pool Access ที่สามารถเดินลงสระว่ายน้ำจากห้องพักได้เลย นอกจากนี้ภายในโครงการยังมี Retail Shop ที่รวบรวมร้านชั้นนำ ตอบโจทย์ กิน ดื่ม ช้อป ครบจบในที่เดียว มุ่งสร้างคอมมูนิตี้ใหม่สำหรับรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัย ตามแนวคิด A Luxury Leisure Mixed-Use และยังจัดเต็มด้วยส่วนกลางขนาดกว่า 3,000 ตารางเมตร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1498

ทั้งนี้ บริษัทยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งเเรกของตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต จัดโปรแกรมการลงทุนภายใต้ชื่อ Origin Resort Investment ประเดิมด้วย ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu-Pathong) ที่มียูนิตเข้าร่วมโครงการ 1 ใน 3 ของยูนิตทั้งโครงการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้สนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์สำหรับปล่อยเช่าในภูเก็ต ให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกสบายจากการลงทุนที่ไม่ต้องบริหารจัดการเอง โดยมีทีมงานมืออาชีพจากแพสชั่น เรียลเตอร์ (Passion Realtor) มาช่วยบริหารจัดการสินทรัพย์ในรูปแบบของ Serviced Apartment ช่วยจัดหาผู้เช่าหรือผู้เข้าพักดูแลให้ได้รับผลตอบแทนต่อเนื่องนาน 10 ปี และการันตีผลตอบแทนสูง 7% นาน 2 ปี

สำหรับ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ที่มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีหลากหลายโครงการที่ถือเป็นระดับเมกะโปรเจกต์และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค อาทิ การพัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา (Origin District Laemchabang-Sriracha) บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี โครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong) เมืองอัจฉริยะบนพื้นที่กว่า 24 ไร่ บริเวณแยกเนินสำลีจ.ระยอง

อ่านเพิ่มเติม : CP AXTRA เผยโฉมใหม่รูปแบบ “Hybrid Wholesale” โชว์จุดแข็ง “แม็คโคร-โลตัสมอลล์” สร้างปรากฎการณ์สะเทือนวงการค้าส่งไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine