ด้วยประสบการณ์ทำงานเป็นผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนประถมในฮ่องกง Matthew Kwok และ Raymond Yang พบว่าเยาวชนมากมายมีปัญหากับการแสดงออกและจัดการอารมณ์ของตนเอง

การขาดแคลนการเรียนรู้เรื่องอารมณ์ในระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นผลสอบจุดประกายให้สองคู่หูก่อตั้ง JUST FEEL ธุรกิจเพื่อสังคมด้วยภารกิจในการยกระดับสุขภาวะทางอารมณ์ของนักเรียนในท้องที่

“ฮ่องกงลงทุนทรัพยากรมหาศาลเพื่อบริการด้านสุขภาพจิตในโรงเรียน แต่หลักๆ แล้วพวกเขาให้ความสำคัญกับการส่งนักสังคมสงเคราะห์ไปดูแลกรณีที่รุนแรง” Kwok ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหาร JUST FEEL กล่าว “เราไม่อยากให้เริ่มเยียวยานักเรียนแค่ตอนที่พวกเขามีปัญหาสุขภาพจิตกันแล้ว เราอยากสร้างวัฒนธรรมที่สามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้”

Kwok กับ Yang ซึ่งปรากฏชื่อบนทำเนียบ Forbes 30 Under 30 Asia ประจำปีนี้ผนึกกำลังร่วมกับ Anthony Ngai อดีตเทรดเดอร์จาก JPMorgan เปิดตัว JUST FEEL ในปี 2018 โดยมีจุดมุ่งหมายสั่งสอนนักเรียน ผู้ปกครอง และครูในการแสดงออกทางอารมณ์และสื่อสารด้วยความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

ธุรกิจเพื่อสังคมนี้เพิ่งระดมทุกรอบล่าสุดเพื่อขยับขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน เวิร์กช็อปสำหรับผู้ปกครอง และการฝึกสอนครู ต้องขอบคุณเงินบริจาค 3.3 ล้านเหรียญฮ่องกง (420,980 เหรียญสหรัฐฯ) ในเดือนพฤษภาคมจากฝั่งการกุศลของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในฮ่องกงอย่าง Swire JUST FEEL กำลังอยู่ระหว่างขยายการส่งต่อการเรียนรู้เรื่องอารมณ์ไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วฮ่องกงในระยะเวลาสามปีนับจากนี้

“เราประทับใจความพยายามสุดสร้างสรรค์ของ JUST FEEL ในการสนับสนุนสุขภาวะทางจิตของนักเรียนอย่างทั่วถึง” Tina Chan ผู้ดูแลฝ่ายการกุศลของ John Swire & Sons แห่งฮ่องกงเผยทางข้อความตอบกลับ “พวกเขาพัฒนาโมเดลเฉพาะที่มีโอกาสเติบโต รองรับความต้องการที่จำเป็นของนักเรียน ผู้สอน และผู้ปกครอง”

การ์ดประกอบกิจกรรมการสอนของ JUST FEEL

จนถึงตอนนี้ JUST FEEL ระดุมทุนได้ราว 31 ล้านเหรียญฮ่องกงจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและองค์กรเพื่อการกุศลต่างๆ ซึ่งรวมถึงมูลนิธิ D.H. Chen ของ Vivien Chen ประธานหญิงผู้ทรงเกียรติแห่ง Nan Fung Group, มูลนิธิ WEMP ของ Adrian Cheng ซีอีโอแห่ง New World Development และเงินทุนเพื่อการกุศลจาก Jebsen Group ผู้จำหน่ายสินค้าลักชูรีต่างๆ

JUST FEEL กล่าวว่ามีนักเรียนเกือบ 26,500 คนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการของพวกเขา โดยมีผู้ปกครอง 29,600 คนและครู 5,100 คนที่ได้รับการฝึกอบรม

“จากที่ได้เห็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาวะทางจิตของเด็กๆ เพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางมูลนิธิคิดว่ามีความจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีความคิดแบบเดียวกัน เพื่อนำเสนอวิธีการจัดการที่เป็นไปได้พร้อมเป้าหมายแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ และขับเคลื่อนความเปลี่ยนอย่างเป็นระบบในชุมชม” Karen Cheung ผู้ดูแลทรัพย์สินและหัวหน้านักกลยุทธ์แห่งมูลนิธิ D.H. Chen ทั้งยังเป็นลูกสาวของ Vivien Chen กล่าวในข้อความตอบกลับ

Cheung เสริมว่า “ภารกิจป้องกันโดยการยกระดับความตระหนักรู้และใส่ใจแต่ละบุคคลของ JUST FEEL สอดคล้องกับคุณค่าด้านการสร้างความสัมพันธ์อันเป็นหนึ่งเดียวและเต็มไปด้วยความเคารพต่อคนอื่นๆ ที่พวกเรายึดถือ ทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งในการสร้างสังคมที่ทุกคนมีความเห็นอกเห็นใจกัน”

จากการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการศึกษาการแข่งขันสูงที่สุดในโลก ฮ่องกงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากความล้มเหลวในการรับมือกับปัญญหาด้านสุขภาพจิตของนักเรียน

อัตรากาฆ่าตัวตายในหมู่เยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 อ้างอิงข้อมูลจาก Hong Kong Jockey Club Centre for Suicide Research and Prevention ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการฆ่าตัวตายในเยาวชนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการหยุดเรียนเป็นเวลานานระหว่างโควิด-19 แพร่ระบาด

แน่นอนว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะปฏิรูปวัฒนธรรมได้ ดังนั้น JUST FEEL จึงตั้งเป้าระดมทุนให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านเหรียญฮ่องกงในปีหน้าเพื่อช่วยในการดำเนินการที่ต้องใช้เงิน ธุรกิจเพื่อสังคมรายนี้หวังเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทที่อุทิศตัวให้กับกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)

การเป็นพาร์ทเนอร์กับ JUST FEEL บริษัทเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ รุ่นถัดไปได้พัฒนาทักษะระหว่างบุคคล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับผู้อื่นในที่ทำงานของพวกเขาในอนาคต Kwok กล่าว

“การสื่อสารเป็นรากฐานของการทำงานในทุกบริษัท” Kwok อธิบาย “เมื่อเราปฏิรูปวัฒนธรรมการสื่อสารในโรงเรียนและครอบครัว แท้จริงแล้วเรากำลังเปลี่ยนแปลงการที่นักเรียนเหล่านี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานเมื่อพวกเขาโตขึ้นด้วย”

แปลและเรียบเรียงจาก This Social Enterprise Backed By Swire And Nan Fung^,s Chen Family Is Teaching Emotional Education In Exam-Obsessed Hong Kong ซึ่งเผยแพร่บน Forbes

อ่านเพิ่มเติม : เมื่อยักษ์ใหญ่สายเทค จ้างแฮกเกอร์จู่โจมโมเดล AI

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine