กาลเวลาทำอะไรไม่ได้ อัญรัตน์ พรประกฤต ฉายา “ซีอีโอสายลุย” เปิดปฏิบัติการหลังบ้านถ่ายทอดเส้นทางการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของ “Jubilee Diamond” เสริมแกร่งทุกกระบวนการสู่องค์กร 100 ปีในอีก 5 ปีข้างหน้า ขับเคลื่อนองค์กรด้วยดาต้าและ AI ร่วมกับนวัตกรรมเปลี่ยนผ่านสู่โลกธุรกิจยุคดิจิทัล
การเฉลิมฉลอง “Jubilee Diamond” ก้าวสู่ปีที่ 95 เมื่อปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเกินคาดด้วยยอดการสั่งซื้อจากนักลงทุน ลูกค้า และนักสะสมเพชรในงานเปิดตัวแบรนด์ “LOVE 100 DIAMONDS” ครั้งแรกในประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรทายาทรุ่นที่ 8 แห่งตระกูลเจียระไนเพชรที่สืบทอดมากว่า 200 ปี ในรูปแบบนิทรรศการถ่ายทอดเรื่องราวของตระกูลเจียระไนเพชรจากรุ่นต่อรุ่น เทคนิคและกระบวนการเจียระไนเพชรระดับมาสเตอร์คัตที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญของมือเจียระไน ใช้หลักทางวิทยาศาสตร์และศิลปะในมุมของการคิดคำนวนตามหลักคณิตศาสตร์ เจียระไนเพชรให้ได้ 100 เหลี่ยมเปล่งประกายในทุกสายตาที่ได้สัมผัสเพชรน้ำงามที่นำมาจัดแสดง
“ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายและแผนที่วางไว้ นับเป็นก้าวสำคัญของ Jubilee ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม hi-end และการต่อยอดธุรกิจในอนาคต” อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เจเนอเรชั่น 4 ย้ำความสำเร็จในการจัดงานเอ็กซิบิชั่นกับ Forbes Thailand
“แม้ตลาดเพชรในประเทศไทยจะเป็นตลาดเล็กๆ แต่การได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรให้นำแบรนด์ LOVE 100 DIAMONDS เข้ามาเปิดตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไทยเป็นประเทศที่ 2 ของโลกที่ Jubilee ได้ทำตลาดต่อจากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของโลก”
พัฒนาไม่หยุดนิ่งสู่การเปลี่ยนผ่าน
แนวคิดการบริหารธุรกิจแบบ “พัฒนาไม่หยุดนิ่ง” ที่อัญรัตน์ยึดเป็นหลักและหัวใจสำคัญในการบริหารองค์กรได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงองค์กรหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่งต้องเร่งปรับจากภายในเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับมายเซ็ต พนักงานได้ถูกนำมาพัฒนาคนในองค์กรโดยตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคบิดา
ด้วยบุคลิกที่คล่องแคล่วในบทบาทของผู้นำองค์กรหญิงที่อัญรัตน์บอกกับ Forbes ว่า จริงๆ เป็นคนสายลุย ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ชอบคิด ชอบทำ ทำให้ได้รับฟีดแบ็กจากคนรอบข้างเรื่อยมาว่า Jubilee เปลี่ยนไปมากในยุคที่เจน 4 เข้ามาบริหาร ซึ่งตนมองว่าทุกการเปลี่ยนแปลงมาจากบิดาที่ได้วางรากฐานสำคัญนี้
“มองย้อนไป 40-50 ปีก่อนในยุคที่คุณพ่อบริหารได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการค้าปลีกเพชรไว้มาก เรียกว่าเป็นนักบุกเบิกสิ่งใหม่ๆ ในวงการค้าเพชร จากเดิมที่ธุรกิจเพชรเป็นธุรกิจร้านค้าเดียว เจ้าของขายเอง มีแหล่งใหญ่อยู่ที่บ้านหม้อ สะพานเหล็ก แต่คุณพ่อเป็นผู้ริเริ่มเปิดช่องทางขายใหม่ นำ Jubilee สู่ห้างสรรพสินค้า ทำให้ได้สร้างอาชีพใหม่ นักขายเพชร ซึ่งเดิมธุรกิจนี้จะต้องเป็นลูกหลานและเจ้าของเท่านั้นที่จะเป็นผู้ขายเพราะสินค้ามีมูลค่าสูง แต่คุณพ่อได้เปลี่ยนแปลงและยังคิดการบ้านต่อว่า จะขยายตลาดเพชรให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจขยายตัวมากกว่านี้”
องค์กรยุคใหม่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าและ AI
อัญรัตน์เน้นย้ำว่า “ในยุคที่ธุรกิจเผชิญหน้าความท้าทายองค์กรต้องพัฒนาไม่หยุดนิ่ง องค์กรยุคใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วย data และ AI (Artificial Intelligence) และให้ความสำคัญกับคนในองค์กรที่ต้องปรับ mindset ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนองค์กรในช่วงการเปลี่ยนผ่านสำคัญ” ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่หนักหน่วง “ค่าเงิน” สวิงมากที่สุด ทำให้ต้องคิดใหม่ให้เร็ว ใกล้ชิดกับทีมมากขึ้น ช่วยกันประเมินและวิเคราะห์ ปัจจัยความเสี่ยง ร่วมกับฝ่ายการผลิต การออกแบบและดีไซน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนและการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจและการตลาด การวางแผน บัญชี การเงิน
“เราเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย data วันนี้ในทุกธุรกิจ data เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ต้องทำความเข้าใจและต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารธุรกิจ เรานำเทคโนโลยีมาใช้ในเรื่องข้อมูลและการสร้างกลยุทธ์ วัดความพึงพอใจของลูกค้า ใช้ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถพูด เขียน พิมพ์ แบบไหนก็ได้ เรานำ AI มาใช้ในการจับข้อมูล ประมวลข้อมูลจากลูกค้าที่คอมเม้นต์เข้ามาที่ Jubilee ในมิติต่างๆ พึงพอใจด้านไหน ไม่พึงพอใจด้านไหน นำข้อมูลเหล่านี้มาออกแบบดีไซน์ตามความต้องการของลูกค้า นำ AI มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเรียกว่า Jubilee iMOMENT” อัญรัตน์กล่าว
“Jubilee iMOMENT เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับลูกค้าโดยสามารถสแกนที่สินค้า เช่น ลูกค้าซื้อแหวน เมื่อลูกค้าสแกนเข้าไปจะปรากฏภาพถ่าย คลิป ที่หน้าจอโทรศัพท์ เราใช้แหวนเป็นตัวกลางเพื่อให้ลูกค้าได้มีโมเมนต์ แหวนวงนี้ได้มาในช่วงไหน อย่างไร ทำไมถึงมีจี้อันนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง AI ที่เรานำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Jubilee”
สู่องค์กร 100 ปี
อัญรัตน์กล่าวย้ำด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน หลายปีที่ผ่านมา Jubilee ทำการบ้านหนักเพื่อเตรียมพร้อมสู่องค์กร 100 ปีในอีก 5 ปีข้างหน้า
“เราเป็นบริษัทเครื่องประดับเพชรที่มีรูปแบบของเราเอง ปีนี้เราก้าวสู่ปีที่ 96 ที่ heritage และ legacy เป็นบริษัทเพชรที่เป็น retail เพียงหนึ่งเดียวทั้งในด้านช่องทางจัดจำหน่าย ฐานลูกค้ากว่า 200,000 ราย ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับในแต่ละเซกเมนต์ หลายระดับราคาเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของเพชรแท้ได้ตั้งแต่งบประมาณระดับหมื่นบาท มี flagship store หลังจากปีที่แล้วได้ kickoff แคมเปญ Friend of Jubilee ด้วยแนวคิดภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดย LOVE 100 DIAMONDS จะเป็นแบรนด์ที่มาเสริมพอร์ตที่ช่วยเติมเต็มกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมองหาสิ่งที่แตกต่าง เป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียว”
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมพัฒนาช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปรับปรุงร้านค้าและสโตร์ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และที่สำคัญที่สุดที่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญคือ การพัฒนาบุคลากร มุ่งสร้าง “DNA Jubilee” พนักงานคือหัวใจ ที่ผ่านมาได้เตรียมยกระดับความเป็นมืออาชีพด้านการให้คำแนะนำเครื่องประดับที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เพราะนับวันลูกค้ามีความคาดหวังมากขึ้นและต้องการพนักงานที่สามารถให้คำแนะนำที่มีความน่าเชื่อถือ จริงใจ โดยปีนี้บริษัทได้จัดเตรียมหลักสูตรเพิ่มทักษะและความรู้ให้กับพนักงานมากขึ้น เรียกว่าจะเป็นการยกระดับการให้บริการด้านการขายที่จะเด่นชัดขึ้นในปีนี้ผ่านพนักงานที่สะท้อน DNA ความเป็น Jubilee
ภาพ: Jubilee Diamond
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ ปั้น HOMESK ผู้นำกระเบื้องเซรามิกภาคเหนือ