อลิสา พันธุศักดิ์ ผู้นำรุ่นสอง ‘ทิฟฟานีโชว์’ ยืนหยัดด้วยคุณภาพ สยายปีกจากพัทยาสู่ภาคใต้ - Forbes Thailand

อลิสา พันธุศักดิ์ ผู้นำรุ่นสอง ‘ทิฟฟานีโชว์’ ยืนหยัดด้วยคุณภาพ สยายปีกจากพัทยาสู่ภาคใต้

เอ่ยชื่อ ทิฟฟานีโชว์ แห่งเมืองพัทยาออกไปไม่มีใครที่ไม่รู้จัก การมาเยือนพัทยาของชาวต่างชาตินั้น โปรแกรมหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือการชมการแสดงจากฝีมือสาวประเภทสอง และแม้ว่าจะมีโชว์ต่างๆ ผุดขึ้นมากมายในพัทยา แต่ทิฟฟานีโชว์ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้มามากกว่า 4 ทศวรรษ

อลิสา พันธุศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทแม่ของ ทิฟฟานีโชว์ พัทยา คือผู้นำรุ่นสองที่เข้ามาดูแลแทน สุธรรม พันธุศักดิ์ คุณพ่อผู้ก่อตั้งทิฟฟานีโชว์ เธอเล่าว่า จากยุคตั้งต้นที่ทุลักทุเลในช่วง 3 ปีแรก และการฝ่าฟันเพื่อให้ได้รับการยอมรับในช่วงทศวรรษแรก ปัจจุบันทิฟฟานีโชว์มีชื่อเสียงขจรไกลและสามารถเป็นหน้าตาของประเทศได้ การบริหารงานตามวิสัยทัศน์ของอลิสามีการปรับปรุงหลายประการเพื่อให้ทันยุคสมัย เรื่องหลักคือการสร้างแบรนด์ ความเป็นเอกลักษณ์ของทิฟฟานีโชว์ ผ่านการประกวด มิสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส ที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2541 และการประกวด มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ที่เริ่มขึ้นในปี 2547 รวมถึงการออกงานอีเวนต์ ทุ่มทุนเพื่อให้บุคลากรในทิฟฟานีโชว์ได้ออกแสดงผ่านทางจอโทรทัศน์ ซึ่งช่วยให้ได้รับการยอมรับถึงความสวยงามและปราณีตของโชว์ เป็นช่องทางให้ผู้ชมสนใจชมการแสดง และให้คู่ค้าที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงจุดยืนของทิฟฟานีโชว์ซึ่งวางมาตรฐานสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ
ทิฟฟานีโชว์ พัทยา
“สมัยคุณพ่อมีรถบัสมาลงที 30-40 คันเลย เน้นขายทัวร์ แต่ยุคใหม่ค่าครองชีพพนักงานที่เราต้องดูแลก็สูงขึ้น เพราะฉะนั้นจะแข่งขันราคาก็ไม่ได้แล้ว” อลิสากล่าวถึงยุคที่ทิฟฟานีโชว์เริ่มวางตัวเองเป็นโชว์ระดับกลางถึงไฮเอนด์ ด้วยราคาบัตรที่สูงกว่าโชว์อื่น 1-2 เท่า “ยุคจ๋าเข้ามาทำใหม่ๆ ก็เคยถูกต่อว่าว่าทำไมราคาแพงกว่า ทำไมไม่แถมเหมือนคนอื่น เขาถึงกับพูดว่า ‘ก็กะเทยเหมือนกัน’ ซึ่งเป็นเพราะเขาไม่เคยดูโชว์ของเรา ดังนั้นต้องให้เขาเข้าใจ ให้เห็นก่อนว่าเราคือ ‘นักแสดงทิฟฟานี’ มีเอกลักษณ์ อยากดูคนสวยที่สุด เก่งที่สุด ต้องมาดูที่เรา” ปัจจุบันทิฟฟานีโชว์จึงเน้นลูกค้า F.I.T (นักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง) ราว 70% ของผู้ชมทั้งหมดเนื่องจากมีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มลูกค้าทัวร์ โดยส่วนใหญ่ 80% เป็นชาวต่างชาติ จีน ฮ่องกง ยุโรป อีก 20% เป็นชาวไทยกลุ่มอินเซนทีฟ จัดเป็นกิจกรรมให้กับลูกค้าหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท-หน่วยงาน  

ลงทุน 500 ล้าน รีโนเวทโรงละคร สร้างศูนย์อาหาร “ไทยมาเช่”

เพื่อต่อยอดให้ทิฟฟานีโชว์เป็นแลนด์มาร์กและชูจุดเด่นด้านคุณภาพ อลิสาจึงลงทุนรวม 500 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงและต่อเติมพื้นที่ทิฟฟานีโชว์
ศูนย์อาหารไทยมาเช่
แบ่งเป็นงบลงทุน 200 ล้านบาท ปรับปรุงอาคารโรงละครครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี รีโนเวทพื้นที่ส่วนกลางใหม่ให้ใหญ่ขึ้นเท่าตัว เพื่อให้บริเวณโถงทางเข้า เลาจน์ ห้องน้ำสามารถรองรับได้มากขึ้น ปรับระบบจุดสแกนตั๋วเป็นระบบอัตโนมัติบางส่วน และติดตั้งบันไดเลื่อนทุกชั้น พร้อมปรับพื้นที่ให้รองรับผู้ชมที่ใช้วีลแชร์ ผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งได้ทยอยปรังปรุงและจะเสร็จสมบูรณ์สิ้นปี 2561 ส่วนอีก 300 ล้านบาท พีทีเอสก่อสร้างอาคารร้านอาหารในชื่อ “ไทยมาเช่” (Thai Mache) พื้นที่ 4,631 ตารางเมตร เป็นอาคาร 4 ชั้น ประกอบด้วยที่จอดรถ 2 ชั้น และคาเฟ่-ร้านอาหารรองรับได้ 400 ที่นั่ง เป็นร้านลักษณะศูนย์อาหาร 15 ร้าน โดยร้านทั้งหมดในศูนย์อาหาร พีทีเอสเป็นผู้ดำเนินการจัดหาบุคลากรดำเนินการเอง และมีส่วนตลาดขายสินค้า โดยไทยมาเช่จะพร้อมให้บริการเดือนกันยายนนี้ “เราต้องการให้ไทยมาเช่เป็นอาคารที่เสริมความเป็นแลนด์มาร์กของทิฟฟานีโชว์ และถือเป็นการต่อยอดกลุ่มธุรกิจอาหารของเราด้วย” อลิสากล่าว โดยพีทีเอสมีกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ ลา บาแกตต์ ร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศส 3 สาขา และ ลา เฟม ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส 1 สาขา ทั้งนี้ ปัจจุบันรายได้ทั้งหมดของพีทีเอส (อลิสาขอสงวนเปิดเผยรายได้รวม) สัดส่วนแหล่งที่มาของรายได้แบ่งเป็นธุรกิจบันเทิง-ทิฟฟานีโชว์ 50% ธุรกิจอาหาร 30% และธุรกิจโรงแรม คือโรงแรมวู้ดแลนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท พัทยาเหนือ 20%  

ทิฟฟานีโชว์สยายปีกบุกภูเก็ต

อลิสากล่าวต่อว่า ทิฟฟานีโชว์ พัทยา ยังคงเติบโตได้ดี มีลูกค้าเฉลี่ย 2,000 คนต่อวัน จากความจุ 1,000 ที่นั่งต่อรอบ โดยจัดแสดง 3 รอบต่อวัน แต่บริษัทไม่เน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้า เน้นไปที่การปรับราคาขายให้กับดีลเลอร์คนกลางโดยไม่ปรับราคาปลายทาง กลยุทธ์นี้ทำให้ปี 2560 ทิฟฟานีโชว์ พัทยาเติบโตได้ 15% และคาดหวังเป้าปีนี้โตอีก 15% เช่นกัน สำหรับแผนธุรกิจ ทิฟฟานีโชว์มีแผนเปิดการแสดงในจังหวัดภูเก็ต โดยอลิสากล่าวว่า บริษัทได้จัดซื้อที่ดินขนาด 14 ไร่ บริเวณใกล้ทางเข้าหาดป่าตอง ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบคอนเซปท์โรงละครและการแสดงเพื่อเริ่มก่อสร้างปลายปี 2562 คาดว่าจะพร้อมเปิดการแสดงรอบแรกราวปี 2564 โดยประเมินเบื้องต้นใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท “การออกแบบโรงละครและการแสดงจะไม่เหมือนกับที่พัทยา ความจุที่นั่งจะมากกว่า 20% และจับกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น” อลิสาเสริมว่า การแข่งขันในจ.ภูเก็ตมองว่าไม่หนักเท่าเมืองพัทยา เนื่องจากคู่แข่งในจังหวัดจะเน้นจับกลุ่มตลาดกลางล่างเป็นหลัก อีกทั้งทำเลมีผลอย่างมากต่อการเดินทางมาของลูกค้า ซึ่งทิฟฟานีโชว์ได้เลือกพื้นที่ที่เดินทางสะดวก “ทิฟฟานีโชว์มีจุดแข็งที่เราเป็นคนทำโชว์สาวประเภทสองรายแรก และไม่เคยเลียนแบบใคร เราพัฒนาใหม่ตลอดเวลา และภูมิใจที่ได้เป็นองค์กรที่ช่วยสนับสนุนความเท่าเทียมกันของมนุษย์” อลิสากล่าวปิดท้าย  

Forbes Facts

  • อลิสา พันธุศักดิ์ เข้ามาร่วมงานกับครอบครัวเมื่อปี 2541 เริ่มจากการบริหารโรงแรมก่อนจะร่วมบริหารทิฟฟานีโชว์ด้วย
  • สุธรรม พันธุ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้ง เป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราและโรงแรมมาก่อน ต่อมาลงทุนทำโรงละครให้ทิฟฟานีโชว์เช่าแสดง แต่เมื่อทิฟฟานีโชว์ประสบปัญหาการเงิน สุธรรมที่เห็นความตั้งใจของนักแสดงจึงยื่นมือเข้าช่วยลงทุนด้วยตนเอง
  • พีทีเอส โฮลดิ้ง กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อต้นปี 2561 เพื่อรวมหลายบริษัทในตระกูลพันธุศักดิ์ไว้ด้วยกัน
  • ในส่วนธุรกิจโรงแรมยังไม่มีแผนการขยายเพิ่ม โดยอลิสากล่าวว่า โรงแรมในพัทยามีลักษณะโอเวอร์ซัพพลายเพราะไม่มีการควบคุม ทำให้ไม่เหมาะที่จะลงทุน