บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด หรือ KTBGS ถือเป็นกองหนุนสำคัญของธุรกิจในกลุ่มธนาคารกรุงไทย ที่มีกำลังพลกว่า 6,000 นาย โดยมีแม่ทัพหญิง อรจรรยา จันทวรสุทธิ์ ถือเป็นความท้าทายไม่น้อยสำหรับผู้หญิงรูปร่างบอบบางคนนี้ แต่จากการที่ดำรงตำแหน่งมาถึง 8 ปี สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและมุ่งมั่นในการนำพาองค์กรฝ่าวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า
“วันที่ก้าวเท้าเข้ามาที่ KTBGS ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองๆ หนึ่ง เป็นอาณาจักรใหญ่บนพื้นที่ 8-9 ไร่ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลาดพร้าว 106 มีพนักงานราว 7,000 คน เป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ บางคนเป็นสามี เป็นภรรยา มีลูก หลาน ทำงานอยู่ในที่เดียวกัน มองเห็นชีวิตที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในอาณาจักรแห่งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่นี่จนถึงปัจจุบัน” อรจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ KTBGS-เล่าย้อนถึงวันแรกที่ก้าวเข้ามาทำงานกับ KTBGS-
แต่ก่อนที่จะมาบริหารองค์กรแห่งนี้ อรจรรยา มีความฝันอยากเป็นสถาปนิกเช่นเดียวกับผู้ที่เรียนจบสถาปัตยกรรมศาสตร์ทั่วไป ซึ่งหลังจากเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำงานบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มภัทร ทำอยู่ประมาณ 10 ปี ได้เข้ามาบุกเบิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับธนาคารกรุงไทย ภายใต้บริษัท กรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งต่อมาได้เลิกกิจการไป เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจของธนาคาร ตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย อรจรรยา จึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลกิจการ บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด หรือ KTBGS ซึ่งดำเนินธุรกิจหลายอย่างที่สนับสนุนการทำงานของบริษัทแม่ คือธนาคารกรุงไทย ที่เป็นธุรกิจหลัก คือบริการรถขนเงิน บริการเจ้าหน้าที่แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับสาขาของธนาคาร บริการงานพิมพ์เอกสาร (การพิมพ์สลิป และ Statemaent) บริการ Call Center บริการติดตามทวงหนี้ รวมถึงดูและศูนย์ฝึกอบรมที่เขาใหญ่ ถือเป็นธุรกิจที่มีทรัพยากร คือ คนเป็นหลัก และมีจำนวนมากถึง 7,000 คน-ภารกิจที่ท้าทายในยุคของการเปลี่ยนแปลง-
ก่อนหน้าที่จะมาอยู่ KTBGS อรจรรยา เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและทรัพยากรบุคคล ให้กับ กรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ KPD รับผิดชอบงานที่เป็น Non – KTB เช่น ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร ฝ่ายบริหารธุรกิจการพิมพ์ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ช่วยขยายธุรกิจ Non – KTB จากเดิมที่มีสัดส่วนร้อยละ 1 ในปี 2552 อยู่ที่เกือบร้อยละ 9 ในปี 2555 แต่อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น KTBGS เป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะ และแยกตัวออกมาจากธนาคารกรุงไทย มีพื้นที่ มีอาณาจักรเป็นของตัวเอง เป็นครอบครัวใหญ่ ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ทำงานอยู่ในที่เดียวกัน และพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ช่วงแรกที่เข้ามาในฐานะกรรมการผู้จัดการ ถูกท้าทาย ถูกลองของเช่นเดียวกัน “เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย เวลาอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมาก จะมีเรื่องกินเหล้า เจ้าชู้ ผู้หญิง เล่นการพนัน มีหนี้นอกระบบเข้ามาบ้าง มีปัญหาเข้ามาให้แก้ไข ช่วงแรกก็ถูกท้าทายเยอะ แต่เราเป็นคนไม่จุกจิก ถามมา ตอบตรง แต่ก็มีความยืดหยุ่น เพราะมีความเข้าใจในพนักงานผู้ชาย ผู้หญิงไม่เหมือนกัน ก็จะเน้นการพูดคุย เน้นการฝึกอบรมเพื่อให้ทีมงานได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับมีทีมบริหารช่วยซัพพอร์ตให้ไปในทิศทางเดียวกัน” อรจรรยา เล่าว่า วิธีการบริหารของตัวเอง เน้นการพูดคุยเป็นหลัก โดยเฉพาะ KTBGS มีสหภาพที่แข็งแกร่ง ใช้การคุยกับสหภาพ ผ่านไปยังพนักงานทุกคนอย่างเป็นครอบครัวเดียวกัน เข้าไปรับฟังปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเกิดกรณีทุจริต จะให้ความสำคัญมาก ลงไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ด้วยการรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะทุจริต ถ้าผิดจริง ต้องลงโทษ แต่ทำด้วยความเมตตา ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา อัตราการทุจริตของ KTBGS ต่ำมากอยู่ที่ 0.01% เท่านั้น


-บริหารด้วยใจนำองค์กรฝ่าวิกฤต-
ผลสำเร็จข้างต้น มาจากการความพยายามของ อรจรรยา ในการเปลี่ยนแปลงองค์กรโดยใช้ใจเป็นหลักในการยึดเหนี่ยว เริ่มจากการเปิดกว้างรับฟังทุกคน ด้วยจิตใจที่มีเมตตา ขณะเดียวกันใช้การฝึกฝน ฝึกอบรม เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แนวคิด โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ผลสัมฤทธิของการทำงานเป็นหลัก ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการ KTBGS จึงพยายามสร้าง DNA ขององค์กร ซึ่งสรุปได้ว่า “2 มือ กับ 1 ใจ” คือ มืออาชีพ มือสะอาด และใจบริการ มีเครื่องยึดเหนี่ยวเป็นคุณธรรมประจำองค์กร คือ ซือสัตย์ มีวินัย และ รับผิดชอบ โดยใช้วิธีการสร้างคุณธรรมให้กับองค์กรผ่านการฝึกฝน อบรม เวิร์คช้อป และกิจกรรมต่างๆ เช่น Happy Money ให้ความรู้ในการบริหารเงิน การทำบัญชีครัวเรือน ให้พนักงานออมเงิน หรือการจัดคิดส์ แคมป์ ให้ลูก หลานพนักงาน ให้ทุนการศึกษา เมื่อลูกมีความสุข พ่อ แม่มีความสุขในการทำงาน มีความรักองค์กรตามมา กิจกรรมเหล่านี้ อรจรรยา ทำต่อเนื่องตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อสร้างให้ KTBGS เป็นองค์กรที่มีคุณธรรม “เชื่อว่าการที่มนุษย์ได้มาอยู่ด้วยกันนี้ ต้องมีกรรมสัมพันธ์กันมา ถึงได้มาเจอกัน มาทำงานร่วมกัน ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจกัน ต้องเข้าใจคนที่มาอยู่รวมกัน คนสำคัญกว่าการงาน ดังนั้นต้องใช้ใจในการบริหารคน ด้วยความจริงใจ เข้าใจ และมีเมตตา นี่คือสิ่งที่ยึดถือมาตลอดในชีวิตของการทำงาน และก็ช่วยให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาได้” อรจรรยากล่าวทิ้งท้าย ภาพ: กิตติเดช เจริญพร, KTBGSไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine และ ทวิตเตอร์ Forbes Thailand