เมื่อดวงอาทิตย์ถูกนำมาใช้งานอย่างจริงจัง จากความเข้มของแสงอาทิตย์ที่ติดอันดับ 2 ของโลก สู่ฟาร์มปลูกพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท พร้อมส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ
ในช่วงเวลาไม่ถึง 5 ปี กิจการโซลาร์ฟาร์มที่เริ่มต้นจาก 0 ได้กลายมูลค่าเป็น 24,000 ล้านบาท หนุนให้
วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีไทยอันดับ 49 ในปี 2556 ด้วยทรัพย์สิน 9.36 พันล้านบาท
กิจการโซลาร์ฟาร์มเชิงพาณิชย์ 36 แห่งทั่วประเทศ พร้อมการรุกสู่ประเทศอาเซียนทำให้ได้รับสมญา “เจ้าแม่โซลาร์ฟาร์ม” เธอได้ตัดสินใจกลับเข้าสู่เส้นทางนี้อีกครั้ง หลังจากเกษียณตัวเองไปแล้วในวัย 50 ปี ด้วยสายตายาวไกลมองเห็นโอกาส จากรัฐบาลประกาศสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภาคเอกชน ที่ในขณะนั้นยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดกล้าตอบรับธุรกิจสีเขียวแขนงนี้
“ยิ่งคนบอกว่าทำไม่ได้ เรายิ่งอยากเห็น อย่างมากก็ไม่สำเร็จ คงไม่มีใครสนใจ คนที่ไม่ประสบความสำเร็จบนโลกนี้มีอยู่มากมาย เราอาจเป็นแค่หนึ่งในคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าขาดทุนติดหนี้ เราก็ใช้หนี้ให้ครบ”
จากคาดการณ์มูลค่าโครงการทั้งหมดของ SPCG ไว้ที่ 700 ล้านบาท ไม่มีใครเชื่อว่าจะทวีมูลค่าถึง 24,000 ล้านบาทได้ ในวันแรกที่วันดีหอบแผนธุรกิจไปเคาะประตูเชิญชวนธนาคารหลายแห่ง แต่ก็ไม่มีใครให้กู้ จนกระทั่งลงเอยกับธนาคารกสิกรไทย แต่ก็ด้วยเงื่อนไขหนักหนาสาหัส เพราะในปี 2552 นั้น ยังไม่มีธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เกิดขึ้น จนวันนี้ได้รับการตอบรับจากสถาบันการเงินถึง 7 แห่ง
“เมื่อเรามองเห็นโอกาส เราเริ่มต้นด้วย belief และ faith เราต้องสร้างพลังด้วยตัวเอง inner power ต้องสูงมากในการขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริง เราเชื่อว่าทุกปัญหาบนโลกนี้แก้ได้หมด ทุกการขับเคลื่อนต้องมีความมุ่งมั่นจากความเชื่อและความศรัทธาเป็นตัวนำ” เจ้าแม่โซลาร์ฟาร์ม ผู้บุกเบิกธุรกิจสีเขียวกล่าว