สายเลือดนักบริหารมืออาชีพได้รับการถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอครอบครัว "อัสสกุล" อย่างเข้มข้น จาก กฤษณ์ อัสสกุล นักสู้ผู้บุกเบิกและก่อตั้งอาณาจักรไทยสมุทรไว้อย่างแข็งแกร่ง สู่การส่งมอบวิสัยทัศน์นักบริหารให้กับบรรดาทายาท นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ พร้อมนำทัพธุรกิจประกันชีวิต อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสถานศึกษา
ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท แฮนส์เมเนจเมนท์ จำกัด รวมถึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงเรียน St. Stephen’s International School เธอจำเป็นต้องบริหารทุกธุรกิจภายใต้คำว่า "ดีที่สุด" จากอาณาจักรทางธุรกิจอันหลากหลายและมูลค่าจำนวนมหาศาล จึงเป็นธรรมดาที่ กฤษณ์จะวาดหวังส่งไม้ต่อให้ทายาท ซึ่งในช่วงเวลานั้นกีรติและวีรวุฒิ บุตรชายคนโตและคนรองได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจด้านการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนนุสราดูแลด้านอสังหาริมทรัพย์และโรงเรียนนานาชาติที่เขาใหญ่และกรุงเทพ โดยเธอยังคงจำได้ดีถึงวันแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2530 ที่ต้องรับผิดชอบขายพื้นที่ตึกไทยสมุทร ที่เป็นทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องใหม่สำหรับการเริ่มต้นของนักบัญชี ซึ่งปรับโหมดจากภาคทฤษฎีที่มีแต่ตัวเลขสู่การปฏิบัติงานจริงที่มีเพียงการลงมือและความสำเร็จเป็นบทพิสูจน์ฝีมือ “เราตั้งใจว่าจะหางานเกี่ยวกับ finance หรือ analyst เพราะจบทางด้านนี้ แต่คุณพ่อที่เป็นผู้สร้างไทยสมุทรให้ความเห็นว่า ถ้าทำงานกับพ่อสามารถเรียนรู้งานได้มากกว่า จึงลองทำงานแรกด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำอย่างไรให้อาคารปล่อยเช่าเต็ม เราต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ คุมก่อสร้าง การขาย ทำการตลาด" ร่วมทัพ "ไทยสมุทร" ฝ่าวิกฤต เธอเข้าสู่วงการประกันชีวิตเริ่มต้นขึ้นในปี 2542 กับตำแหน่ง รองกรรมการบริหารด้านการลงทุน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จากความรู้และความสามารถที่ศึกษาเฉพาะทางด้านการเงินและการบัญชี ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเลขตามแนวถนัด ก่อนที่จะก้าวสู่ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในปี 2553 หลังจากนั่งเก้าอี้เอ็มดีไทยสมุทร เต็มตัว นุสราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายบนเส้นทางใหม่อีกครั้ง เธอเริ่มต้นลงทุนระบบไอที เพื่อเพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจ พร้อมทั้งปั้นตัวแทนคนรุ่นใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบีบวก ปัจจุบัน ไทยสมุทรประกันชีวิต สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลการดำเนินงานปี 2557 มีเบี้ยประกันรับปีแรกจำนวน 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 11.2% จากปี 2556 ส่งผลให้บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 14,700 ล้านบาทหรือเติบโต 7.5% โดยมีสินทรัพย์รวม ณ ไตรมาส 3 ปี 2558 จำนวน 88,921 ล้านบาท รายได้ 13,222 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 1,051 ล้านบาท “เราเชื่อว่า ทุกบริษัทในธุรกิจประกันชีวิตต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนาตัวเอง ด้วยความเชื่อมั่นในการประกันที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับสังคมในอนาคตได้ โดยเฉพาะเมื่อประเทศกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ธุรกิจประกันยิ่งมีความสำคัญในการช่วยวางรากฐานความมั่นคงให้ชีวิตของคน วางแผนการออมเงิน การใช้เงิน และป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด" ปั่นฝันสู่ Brighton College ปี 2540 เธอเข้ามาบริหาร โรงเรียน St. Stephen’s International School บน ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ เป็นการสานต่อความสำเร็จที่ St. Stephen’s International School บนเขาใหญ่ ที่คุณพ่อวางรากฐานเอาไว้ “เริ่มจากคุณพ่อสร้างโรงเรียนที่เขาใหญ่ และมีนโยบายเปิดในกรุงเทพฯ เราจึงเข้ามาทำที่กรุงเทพฯ หลังจากคุณพ่อเสีย เราจึงนำกรุงเทพฯ และเขาใหญ่มารวมกัน ภายใต้ บริษัท แฮนส์เมเนจเมนท์ จำกัด เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ" ระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษหลังจากปั้นโรงเรียน St. Stephen’s ในกรุงเทพฯ นุสราและแฮนส์แมเนจเมนท์จึงมองเห็นโอกาสเปิดตัวโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่สัญชาติอังกฤษชื่อ Brighton College Bangkok โรงเรียนที่มีประวัติศาสตร์ด้านความเก่าแก่ 167 ปี อันเป็นเสมือนรากฐานของสถานศึกษาที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครองมาหลายชั่วอายุคน จากโมเดลความสำเร็จของ Brighton College ทำให้ นุสรา มั่นใจเดินหน้าทุ่มงบลงทุน 1,800 ล้านบาท เนรมิตโรงเรียนลงบนพื้นที่กว่า 50 ไร่บนถนนกรุงเทพกรีฑา ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล สนามกีฬา และอาคาร 5 อาคาร ครอบคลุมการเรียนการสอนในระดับชั้นเตรียมอนุบาล ชั้นประถมและมัธยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับมาตรฐานโลก เช่น ศูนย์การเรียนศิลปะการแสดง ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเองด้านต่างๆ ศูนย์การเรียนดนตรีและสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นต้น ความแตกต่างของ Brighton College ท่ามกลางโรงเรียนนานาชาติจำนวน 150 โรงเรียน นุสราชูจุดเด่นด้านหลักสูตรการสอนที่ถอดแบบจากประเทศอังกฤษ และปรับบางส่วนให้กลมกลืนสอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีของไทย แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานและความเป็นเอกลักษณ์ในแบบของประเทศอังกฤษ นุสรา เปิดเผยเคล็ดลับความสำเร็จของการบริหารธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่า หลักสำคัญอยู่ที่การบริหารคนและเข้าใจในทิศทางของแต่ละธุรกิจ แม้ในรายละเอียดของแต่ละบริษัทจะมีความแตกต่างกัน แต่ทุกธุรกิจมีความเกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคล “คีย์อยู่ที่การคัดเลือกคน คนที่ทำงานกับเราได้ คนที่มีความเชื่อเหมือนเรา คนที่สามารถนำแนวคิดของเราไปย่อยและปฏิบัติได้ ขณะที่เราต้องเลือกคอนเซปท์และบอกให้ชัดเจนว่า เรากำลังทำอะไร เพราะอะไร เพื่ออะไร และต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ" ซีอีโอหญิงตอกย้ำความสำคัญของคนทำงานที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองเชื่อมต่อให้เรือลำใหญ่สามารถขับเคลื่อนได้ทุกธุรกิจ
เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: เอกพงศ์ ตันติผลประเสริฐ
อ่านฉบับเต็ม "แม่ทัพหญิงแห่งไทยสมุทร ขยายอาณาจักรประกัน-อสังหาฯ" ได้ที่ Forbes Thailandฉบับ JANUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magazine
