ถอดรหัสวิธีคิด เพื่อพิชิตงานระดับโลก กับหมอขนม พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ "ท้าทายตัวเองตลอดเวลา เพื่อค้นหาศักยภาพที่ไม่มีวันสิ้นสุด" - Forbes Thailand

ถอดรหัสวิธีคิด เพื่อพิชิตงานระดับโลก กับหมอขนม พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ "ท้าทายตัวเองตลอดเวลา เพื่อค้นหาศักยภาพที่ไม่มีวันสิ้นสุด"

​เพราะเชื่อในศักยภาพของผู้คนที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ทำให้ หมอขนม- พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ แพทย์ด้าน Holistic & Aesthetic Wellness ไม่เคยหยุดที่จะท้าทายตัวเอง ด้วยการเรียนรู้และ Update ความรู้ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิมให้ก้าวทันไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนกลายเป็นหนึ่งใน Key Success ที่ทำให้เธอเติบโตและโดดเด่นในสายวิชาชีพแพทย์

วันนี้เราจะมาถอดวิธิคิดของแพทย์ ผู้ที่ซึ่งเป็น 1 เดียวของไทย ที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 25 คน ที่ได้เข้ารอบ Finalist สาขา Non Surgical Facial Beautification  ในงาน AMWC (Aesthetic & Anti-Aging Medicine World Congress) มาดูกันว่าเธอเดินบนเส้นทางนี้ได้อย่างไร

หมอขนม- พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ แพทย์ด้าน Holistic & Aesthetic Wellness

​หมอขนม เชื่อว่า ต่อให้จะมีความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแตกฉาน แต่ตราบที่โลกยังไม่หยุดหมุน ความรู้ที่เคยมีก็อาจจะถูกแทนที่หรือต่อยอดด้วยความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลา ดังนั้น กุญแจสำคัญในการต่ออายุความรู้ของหมอขนม คือ การหมั่นพัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดอยู่เสมอ โดยก้าวแรกในการก้าวข้ามขีดจำกัดของหมอขนม เริ่มตั้งแต่วัยเรียน

"ตั้งแต่เด็ก หมอคิดว่าทรัพย์สินที่ดีที่สุด คือ การมีสุขภาพภายในที่ดี และมีภายนอกที่ดูดี ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการเป็นเเพทย์ จึงเป็นสิ่งที่หมอตั้งเป้าหมายไว้และพยายามผลักดันตัวเองเพื่อให้ก้าวไปสู่ Global Standardize"

หมอขนม- พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ แพทย์ด้าน Holistic & Aesthetic Wellness

​หมอขนมสำเร็จการศึกษาระดับ Doctor of Medicine, Chulalongkorn University (M.D.) Master of Science in Dermatology และ American Board of Anti-Aging and Regenerative Medicine โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ชั้นนำของประเทศ หมอขนมได้มีโอกาสไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะแพทย์ทั่วไป จึงยิ่งค้นพบว่า โลกของการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในตำราหรือห้องเรียน แต่มีองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด เพราะตราบที่โรคภัยไข้เจ็บ และการใช้ชีวิตของผู้คนยังมีวิวัฒนาการ สิ่งที่เคยเชื่อว่าในอดีตทำได้ และเป็นวิธีแก้ไข เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะล้าสมัย หรือนำมาใช้ได้แค่บางส่วน ดังนั้นในฐานะแพทย์ที่อยากนำ Solution ที่ดีที่สุดมาดูแลคนไข้ หมอขนมจึงไม่เคยหยุดที่จะค้นคว้าและ Update ความรู้

"การเป็นแพทย์ เป็นอาชีพที่เรียนรู้ไม่รู้จบ ดังนั้นเพื่อให้อาชีพนี้เป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากที่สุด เราต้องหมั่นเรียนรู้ เพื่อต่อยอดและฝึกฝน หลังจากเรียนจบแพทย์ด้านผิวหนัง หมอขนมได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาหลายปี ทำให้ได้เรียนรู้ว่า อุตสาหกรรมความงามมีทิศทางในการเติบโตสูง ขณะที่การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อนำ Solution ทางความงามก็ยังมีอีกมาก แต่ในฝั่งของลูกค้ายังมีความเข้าใจในเรื่องความงามจากแพทย์ในมุมมองที่ยังไม่หลากหลาย ดังนั้น ถ้าเราสามารถนำ Solution ที่มีอยู่มากมาย มาตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุดและเห็นผล จะเกิดประโยชน์อย่างมาก"


​อย่างไรก็ตาม นอกจากแพทย์ จะเป็นอาชีพที่เรียนรู้ไม่รู้จบแล้ว หมอขนมมองว่าแพทย์ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพ ที่เปิดโอกาสให้ได้ช่วยเหลือผู้คนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้และความมั่นคงทางการเงิน ด้วยผลตอบแทนที่เหมาะสม ยังได้ความอิ่มเอมใจเป็นของแถม เวลาเห็นคนไข้มีความสุข เมื่อสุขภาพดีและแข็งแรงมากขึ้น รวมถึงความอิ่มเอมใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเสริมสร้าง Self-Esteem และความมั่นใจให้ลูกค้าจากการรักษาหรือต่อยอดสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

"สาเหตุที่เลือกเรียนมาเป็นหมอด้านผิวหนังและความงาม เพราะคนอื่นอาจจะตีความ ความงามว่าคือความสวยงาม แต่หมอมองว่าความงามเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของคุณภาพชีวิต ถ้าเรารู้สึกว่าเรามีจุดที่ต้องแก้ไข แล้วไม่สามารถแก้ไขได้ จะทำให้เกิดความทุกข์ทางใจที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต ดังนั้น ในฐานะแพทย์ความงาม นอกจากจะต้องเข้าใจ Pain Point ของคนกลุ่มนี้ ยังมีหน้าที่ช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้จรรยาบรรณของแพทย์ ที่พร้อมมอบผลลัพธ์ที่ชัดเจน หรืออย่างเรื่องความชรา หมอมองว่าเป็นเรื่องทัศนคติ เราสามารถนำความรู้ Technique และ Technology ที่ดีและทันสมัยมาช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาบางคนอาจจะทำแล้วไม่เห็นผล เพราะยังไม่เจอผู้ที่เชี่ยวชาญในวงการนี้อย่างแท้จริง"


​ทั้งนี้ ตลอดชีวิตการทำงานของหมอขนม มีหลักการทำงาน 3 ข้อที่ยึดถือ

1.ความปลอดภัย เพราะหมอขนมเชื่อว่า การเลือกสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนไข้เป็นจิตสำนึกของแพทย์ ดังนั้น หากมีนวัตกรรม หรือ Technology ไหนที่มีข้อสงสัยหรือเสี่ยงว่าจะนำไปสู่ข้อผิดพลาด เราจะไม่นำมาใช้กับคนไข้เด็ดขาด

​2.ผลลัพธ์ ทุก Case ที่หมอขนมดูแล จะให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ชัดเจนจนคนไข้รู้สึกได้ "เราไม่อยากให้คนไข้รู้สึกว่าเสียค่าบริการแล้วต้องมาปลอบใจตัวเองว่ากำลังจะดีขึ้น ทุก Case ที่เราทำ เลยต้องมีผลลัพธ์ที่ show อยู่บนใบหน้าหรือร่างกายของคนไข้ เป็นตัวป่าวประกาศว่า การที่คนไข้เลือกเราเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด"

​3.นวัตกรรม เราอยู่ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทค่อนข้างมาก แต่หมอขนมมองว่าหากเราไม่สามารถนำ AI หรือนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับคนไข้อย่างแท้จริงก็ไร้ประโยชน์

ต่อให้มีนวัตกรรมที่ดีที่สุด แต่เราไม่รู้วิธีที่ดีที่สุดที่จะนำนวัตกรรมเหล่านั้นมาใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น หน้าที่ของหมอนอกจากจะต้องหานวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด ยังต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าจะนำมาปรับใช้กับคนไข้อย่างไร พร้อมกับนำมาปรับให้สอดคล้องไปกับบริการและ Solution ที่มี พูดง่ายๆ คือ นอกจากจะมีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม ต้องมีฝีมือที่เยี่ยมยอด และความเข้าใจไปพร้อมกัน เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้คนไข้

​ทั้งหมดนี้ คือ แนวคิดสำคัญที่หมอขนมยึดถือ และทำให้เธอมีความพร้อมและความมั่นใจที่จะเปิดสถาบัน Youthivate เพื่อนำเสนอนวัตกรรมที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ในการดูแลรักษาเพื่อให้คงความอ่อนเยาว์ตามธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการความงามไทยที่น่าจับตามองไม่น้อย