ทายาทรุ่น 3 แห่งเอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS) หรือแม่ทองสุก "กีรดิต หิรัณยศิริ" จับจ้องความเคลื่อนไหวของราคาทองคำแบบไม่กะพริบตา ขณะที่ดีมานด์ในตลาดยังคงพุ่งแรงสวนทางกับซัพพลายตลาดโลกผลิตไม่ทันจากการตุนทองที่ทำให้ธุรกิจค้าทองคำในบ้านเราต้องปรับกลยุทธ์และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืน กับการทำธุรกิจการค้าทองคำแห่งอนาคตของแม่ทองสุกนั่นคือ “ทองรักษ์โลก”
แนวโน้มราคาทองคำและการบริโภคทองคำในตลาดโลกและประเทศไทยส่งผลต่อการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และการปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของ MTS GOLD กับทิศทางใหม่ก้าวเข้าสู่ยุคการผลิต “ทองรักษ์โลก”
ทายาทรุ่น 3 กีรดิต หิรัณยศิริ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS) หรือ แม่ทองสุก หนึ่งในคีย์แมนสำคัญของ 3 พี่น้องทายาทธุรกิจ ศึกษาตลาดทองคำในหลายมิติ โดยเฉพาะการเฝ้าสำรวจเทรนด์การบริโภคทองคำและความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจนเกิดไอเดียใหม่ๆ ทั้งด้านแผนการบริหารที่ต้องยืดหยุ่นและสอดคล้องไปกับสถานการณ์ให้มากที่สุด สู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมกับศึกษาการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2573
MTS Gold แม่ทองสุก เป็นธุรกิจครอบครัวที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2495 โดย อาม่า (อำไพวรรณ หิรัณยศิริ) ตอนนั้นใช้ชื่อร้านทองว่า “โง้ว ย่ง ฮง” กับ “ยู ฮอง” ต่อมา 2 ชื่อนี้เปลี่ยนมาเป็น “ห้างทองแม่ทองสุก” และจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ในปี 2507 ในสาขาแรกที่วงเวียนใหญ่ในชื่อ “ห้างทองแม่ทองสุก” และขยายกิจการมาอย่างต่อเนื่อง

“จากรุ่นอาม่าก็มาสู่ในรุ่นของคุณพ่อ (นายแพทย์กฤชรัตน์) และคุณแม่ (อัปสร) ที่เข้ามาปรับปรุงและปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีความทันสมัยมากขึ้น ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การเงิน และการพัฒนาบุคลากร นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ รวมไปถึงการก่อตั้งบริษัทในเครือที่เป็นนายหน้าซื้อขายทอง (broker) ทั้งการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ Gold Futures ในตลาด TFEX โดยการก่อตั้ง บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ก่อนที่ในรุ่นผมจะเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจต่อจากครอบครัว” กีรดิตเล่าถึงความเป็นมา
พี่ชายคนโต ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด (MTS Gold Futures) ดูด้านการตลาด Gold Futures และตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใน บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS Gold) ส่วนกีรดิตเป็นลูกคนกลาง ดูแลด้านโรงงานและสาขาในตำแหน่งประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด และน้องสาวคนเล็ก ดลพร หิรัณยศิริ ดูงานหลังบ้านทั้งเรื่องการเงิน บัญชี บุคลากร งานตรวจสอบภายใน (internal audit)
ESG ทองคำรักษ์โลก
กีรดิตได้รับหน้าที่ให้ดูงานด้านโรงงานและสาขาจึงเกิดไอเดียการขับเคลื่อนโรงงานผลิตทองคำแม่ทองสุกให้เป็นโรงงานสีเขียว เป็นโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำเรื่อง ESG (Environmental, Social, Governance) มาใช้ในการบริหารจัดการโรงงานสู่ความยั่งยืนภายใน 5 ปี (ปี 2568-2572) เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนทั้งของไทยและต่างประเทศ
กีรดิตเล่าว่า จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีปัญหาเรื่องความมั่นคงด้านการขนส่งของมีค่า เนื่องจากทองคำที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจะขนส่งทางเครื่องบินเท่านั้น เมื่อเกิดโควิด-19 ทำให้มีปัญหาเรื่องการขนส่ง ผนวกกับช่วงนั้นทั้งโลกให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยทองคำเป็นโลหะจากเหมืองทอง เป็นอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการระเบิดภูเขา ขุดทองจากใต้ดิน ทำให้เขาเริ่มมองหากลยุทธ์ที่แตกต่าง
“ผมศึกษาเรื่องเทคโนโลยี การนำทองคำในตลาดมารีไซเคิล โดยการสกัดทองคำ 99.99% จากทองคำที่เรารับซื้อจากตลาดภายในประเทศ โดยนำทองที่มีเปอร์เซ็นต์หลากหลายมาสกัดเป็นทอง 99.99%”
ในยุคก่อนทองคำที่ร้านจะใช้รูปแบบซื้อมาขายไป นำเข้าทองคำและนำมาผลิตเป็นทองรูปพรรณ แต่ในยุคใหม่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการปกป้องโลก “รักษ์โลก” กีรดิตที่ให้ความสนใจอยู่แล้วจึงเริ่มศึกษาจริงจัง ดูว่าครอบครัวซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำจะทำอะไรได้บ้างกับโจทย์ “ทองคำรักษ์โลก”
“ผมศึกษาความเป็นไปได้ในการสกัดทองคำออกมาจากโลหะผสมต่างๆ อย่างทองคำในประเทศไทยเปอร์เซ็นต์ทองคำจะอยู่ที่ 96.5% ที่เหลือจะเป็นโลหะอื่นอย่างเงินและทองแดง ผมก็ศึกษาว่ามีสารเคมีที่สามารถดึงแร่โลหะอื่นอย่างเงินและทองแดงออกมาจากทองคำได้ สุดท้ายทำให้ได้ทองคำ 99.99% ออกมาจากทองคำที่มีอยู่ในประเทศเราได้ ทำให้ลดการนำเข้าทองคำ และกลายเป็นทองคำที่ไม่ทำลายโลก” กีรดิตกล่าว

โดยเขาเริ่มทำโครงการรีไซเคิลทองคำมาได้ 10 ปีแล้วตั้งแต่กลับมาทำงานกับครอบครัวหลังจากจบปริญญาตรี ด้านการเงินและบริหารจัดการจาก Indiana University และปริญญาโท บริหารธุรกิจ MBA ด้านการเงินและการบริหารจัดการโรงงานให้มีประสิทธิภาพจากมหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นโปรเจกต์ที่ช่วยเรื่องการดำเนินธุรกิจได้หลากหลายมิติ ทั้งด้านการลดต้นทุนจากการนำเข้าทองคำซึ่งมีกระบวนการซับซ้อนและต้นทุนการนำเข้าที่สูงมาก ด้านการขนส่ง ค่าประกัน และกระบวนการขนส่งจากสนามบินสู่โรงงานเป็นกระบวนการที่ซ้ำซ้อนและมีความเสี่ยงสูง
ที่ผ่านมา MTS Gold แม่ทองสุก นำเข้าทองคำรอบละ 400 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่าพันล้านบาท แต่ละเดือนนำเข้าหลายรอบทำให้ต้องหันมามองเรื่องแนวทางการลดต้นทุนและลดการนำเข้า ซึ่งกระบวนการรีไซเคิลทองคำช่วยลดการนำเข้าทองคำได้เกือบ 50%
“จากนำเข้าทองคำเดือนละ 10 ครั้ง เราค่อยๆ ลดเหลือ 4-5 ครั้งต่อเดือน โดยเปลี่ยนมาใช้การรีไซเคิลทองคำซึ่งช่วยลดต้นทุนการนำเข้าและต้นทุนการผลิตทองคำได้มาก ซึ่งตามเป้าหมายจะลดการนำเข้าเหลือ 2-3 ครั้ง หรือเพียง 20% ของการผลิตทองคำของบริษัททั้งหมดภายในปีนี้” กีรดิตกล่าว
โรงงานสีเขียว รีไซเคิลทองคำ
กีรดิตกล่าวว่า นอกจากกระบวนการรีไซเคิลทองคำแล้ว ที่ผ่านมาได้สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ ย้ายโรงงานจากที่วงเวียนใหญ่มายังพระราม 2 สมุทรสาคร เป็นโรงงานสีเขียว งบการลงทุน 250 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 1,500 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับการสกัดทองคำหรือรีไซเคิลทองคำโดยเฉพาะ สามารถสกัดทองคำได้ 300 กิโลกรัมต่อวัน
โรงงานแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นโรงงานที่มีขยะเป็นศูนย์ หรือ zero waste เป็นโรงงานรีไซเคิลทองคำ 100% และนำกลับมาใช้ใหม่ ขณะที่ส่วนของโลหะผสมที่สกัดได้ทั้งเงินและทองแดงจะนำมาผลิตเป็นเงินและทองแดงรูปพรรณเป็นเครื่องประดับ ทำให้โรงงานสามารถดึงทั้ง 3 โลหะกลับมาใช้ได้หมด เป็น zero waste ทั้งในส่วนของวัตถุดิบและการผลิต
นอกจากนี้ ในส่วนของโรงงานยังได้นำแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิตโดยใช้พลังงานสะอาดตามแนวคิดความยั่งยืนหรือ ESG ในด้านการบริหารจัดการระบบของโรงงานทั้งหมดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และการบริหารจัดการน้ำและอากาศภายในโรงงานให้เวียนนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้โรงงานของกลุ่ม MTS Gold แม่ทองสุก เป็นโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในชื่อ MTS Refinery and Manufacturing ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ circular economy ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและให้ความสำคัญ
การพัฒนาสายการผลิตทองคำโดยสร้างโรงงานสีเขียว ยกระดับการดำเนินธุรกิจสู่ธุรกิจยั่งยืนส่งผลให้ในปี 2567 โรงงานของ MTS Gold แม่ทองสุก เป็นโรงงานผลิตทองคำแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็น “โรงงานสีเขียวระดับ 4” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทองคำของบริษัทยังได้รับการรับรองว่าเป็นทองคำที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“ทองคำผลิตจากโรงงานทุกชิ้นมีการวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตตามมาตรฐานของ carbon footprint โดยโรงงานของ MTS Gold แม่ทองสุก เป็นโรงงาน SMEs ดีเด่นที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม”
แผนพัฒนาและการออกแบบโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและแผนในการลดก๊าซเรือนกระจกบรรจุอยู่ในแผนคาร์บอนฟุตปริ้นต์ เป้าหมายคือความเป็นกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2593 ตามแผนของรัฐบาลภายใต้ข้อตกลงปารีส COP21 เรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นกลางในปี 2593 ทำให้ทองคำทุกชิ้นของบริษัทเป็นทองรักษ์โลก

“เราทำเรื่อง zero waste, carbon footprint เพื่อเตรียมพร้อมขับเคลื่อนองค์กรต่อไปสู่การเป็น ESG แผนพัฒนานี้จะนำไปสู่การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2573” กีรดิตกล่าว
การตัดสินใจนำ MTS Gold แม่ทองสุกเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นแนวคิดที่อยู่ในแผนงานที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อม ประกอบกับลักษณะธุรกิจเป็นธุรกิจที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำคือโรงงานผลิตถึงปลายน้ำคือการซื้อ-ขายทองคำ เป็นโบรกเกอร์ ซื้อ-ขายทองคำในตลาดฟิวเจอร์ มีความพร้อมในการที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“แนวคิดเรื่อง ESG ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวเห็นตรงกันและเป็นทิศทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่นำไปสู่การรีไซเคิลทองคำเพื่อลดการนำเข้าให้น้อยที่สุด ซึ่งสุดท้ายแล้วเราจะสามารถลดการนำเข้าทั้งหมด โดยใช้ทองคำที่หมุนเวียนในประเทศ”
ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม Grab โชว์ซูเปอร์แอปท็อปฟอร์ม