Secret of Success "Junji Ota และ วราภรณ์ โอสถาพันธุ์" กับภารกิจ "คูโบต้า" เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก - Forbes Thailand

Secret of Success "Junji Ota และ วราภรณ์ โอสถาพันธุ์" กับภารกิจ "คูโบต้า" เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Dec 2023 | 11:00 AM
READ 1888

    ถ้าพูดถึง "คูโบต้า" คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มการเกษตรด้วยแล้ว คูโบต้า ถือเป็นแบรนด์เครื่องจักรกลการเกษตรที่อยู่คู่ประเทศไทยมากว่า 40 ปี ย้อนกลับเมื่อ 45 ปีก่อนผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแบรนดืจากญี่ปุ่นได้เข้ามาสู่ภาคการเกษตรของไทย โดยเริ่มจากการผลิตรถไถเดินตาม และตามมาด้วยนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถแทรกเตอร์ หรือรถเกี่ยวข้าว ความสำเร็จของคูโบต้าในวันนั้นเกิดมาจาก การที่แบรนด์ตั้งใจมาตลอดว่า "เราจะทำสินค้าให้ใกล้ชิดกับเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้ทันท่วงที" จึงไม่แปลกใจที่มักจะมีวลีติดปากที่เกษตรกรมักกล่าวว่า "คูโบต้ามาแล้ว"

    และวันนี้ Forbes Thailand จะพาทุกคนไปร่วมเก็บเกี่ยวความตั้งใจและสิ่งที่ทำให้สยามคูโบต้าประสบความสำเร็จมาจนวันนี้


แนวคิด On Your Side เคียงข้างเกษตรกรไทย

    จากภาพของคูโบต้าที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทย เข้าถึงปัญหา ร่วมหาแนวทางแก้ไขพร้อมให้ความรู้ มาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน กลายเป็น 4 จุดแข็งที่ทำให้สยามคูโบต้าอยู่ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร

1. มีกลุ่มของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่วางจำหน่ายหลากหลาย

2. ครบครันด้วยบริการหลังการขายที่สมบูรณ์แบบ

3. ครอบคลุม ทั่วถึงในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย

4. ความยืดหยุ่นในการซัพพอร์ตด้านการเงิน

    แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกภาคธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาภาคการเกษตรกรรมก็ไม่ได้น้อยหน้า นวัตกรรมการจัดการเกษตรกรรมอัจฉริยะ หรือ Agri-Innovation ถูกวางขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต บรรเทาความไม่แน่นอนด้านความมั่นคงทางอาหาร และปลูกฝังหลักการ ESG เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตควบคู่ไปกับความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน



Concept Solution: Kubota Farm ฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้า

    สิ่งที่สยามคูโบต้ามุ่งมั่นสานต่อไม่ต่างไปจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นคือการสืบทอดเจตนารมณ์ในการช่วยดูแลแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จากหลายทศวรรษที่สยามคูโบต้าได้เรียนรู้ถึงปัญหาของเกษตรกรไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มผลผลิตหรือลดต้นทุนทางการผลิต ทำให้ริเริ่มคอนเซ็ปต์คูโบต้าฟาร์มที่นำปัญหาต่างๆ มาแก้ไขและยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของคูโบต้ามาทดลองทำเองบนเนื้อที่กว่า 200 ไร่และเปิดให้เกษตรกรรวมถึงภาครัฐมาเยี่ยมชมเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสามารถนำองค์ความรู้การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรต่างๆ ไปต่อยอดในพื้นที่ของตัวเองได้ และที่สำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มเกษตรกรว่าภาคการเกษตรมีศักยภาพและยังสามารถเติบโตไปได้อีก

ก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก

    จากวิชั่นของคูโบต้าในการเดินทางเข้าสู่การเป็น Global Major Brand (GMB) ไม่ใช่หวังเพียงสร้างผลกำไรหรือทำให้บริษัทเติบโตโดยไม่สนใจรอบข้างแต่หลักการของ GMB คือการมุ่งหวังให้คนจำนวนมากเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์และที่สำคัญกิจการนั้นๆ ต้องตอบแทนสังคมได้ จากวิชั่นสู่การปฏิบัติที่แท้จริง การเรียนรู้ปัญหาและอยู่เคียงข้างภาคการเกษตรไทยมายาวนาน ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจรวมถึงการจัดการต่างๆ จึงมุ่งเน้นสิ่งที่จะอำนวยประโยชน์ต่อเกษตรกรให้มากขึ้น โดยที่ความไม่แน่นอนในด้านสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นหลัก คูโบต้าที่รู้ลึกถึงปัญหาจึงเข้าใจว่าในแต่ละพื้นที่จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ถือเป็น solution ที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่ไม่เพียงแค่ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยแต่การขาดความรู้ ขาดแรงงานภาคการเกษตรหรือแม่กระทั่งปัจจัยอื่นๆ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สยามคูโบต้าจะยืนหยัด เคียงข้าง ช่วยเหลือเกษตรกรให้ทำการเกษตรได้ผลผลิตที่ดีและที่ทำสำคัญต้องปรับตัวให้ทันตามยุคสมัย จากกว่า 4 ทศวรรษนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต