ถ้าพูดถึงผู้บริหารไฟแรง ที่มีผลงานโดดเด่นจนสปอตไลท์แทบทุกดวงสาดส่องในรอบปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้บริหารคนเก่ง ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยแพสชันที่ชื่นชอบขับรถ BMW จนตัดสินใจเป็นดีลเลอร์ BMW รับหน้าที่ตั้งแต่เซลส์ขายรถไปจนถึงผู้จัดการ
ใครจะคิดว่า หลังจากสั่งสมประสบการณ์มากว่า 23 ปี วันนี้ ดร.สัณหวุฒิ จะสามารถสยายปีกธุรกิจดีลเลอร์ สู่อาณาจักรมิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA หนึ่งในผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์ โมบิลิตี้ ที่มุ่งพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจให้ครอบคลุมทุกวงจรการใช้บริการของลูกค้า และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2566 ดร.สัณหวุฒิ ยังนำทัพองค์กรไปแตะอีกหลักไมล์สำคัญ ด้วยการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และยังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งดร.สัณหวุฒิ วิเคราะห์ว่ามาจาก 3 เหตุผลหลัก คือ นักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานของกลุ่มธุรกิจภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม MGC-ASIA ที่มีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพเติบโตต่อไปในอนาคต บวกกับประสบการณ์และชื่อเสียงของที่ MGC-ASIA สั่งสมมากว่า 23 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่เป็นแบรนด์ระดับโลกมากมาย รวมถึงฐานลูกค้ากว่า 600,000 ราย ครอบคลุมในเกือบทุกเซกเมนต์ ที่สำคัญ ธุรกิจของ MGC-ASIA ยังถือเป็น Real sector ที่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ สามารถรับรู้และมาสัมผัสประสบการณ์ได้จริง
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า บนถนนธุรกิจที่ไม่มีคำว่า "ง่าย" หรือ "โชคช่วย" ดร.สัณหวุฒิ มี Secret of Success อย่างไรในการปลุกปั้นธุรกิจ และบริหารองค์กรที่มีผลิตภัณฑ์ บริการ รวมถึงแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ให้ประสบความสำเร็จ Forbes จะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมกัน
ก้าวแรกในการพิชิตเป้าหมาย โมเดลธุรกิจต้องชัด
เคล็ดลับความสำเร็จข้อแรกของดร.สัณหวุฒิ คือ การออกแบบโมเดลธุรกิจให้ชัด ตอบโจทย์กับสถานการณ์ โดยหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับ "MGC-ASIA" และยังเป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กร คือ การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์และแข็งแรง ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ หรือ ที่เรียกว่า "MGC-ASIA Ecosystem"
เพราะในยุคที่นิยามการเดินทางของผู้คนมีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเดินทางทางบก แต่ครอบคลุมไปถึงการเดินทางทางน้ำและอากาศ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ดร.สัณหวุฒิ ไม่ยึดติดกับโจทย์เดิมๆ ในการทำธุรกิจที่จำหน่ายยานยนต์เป็นหลัก แต่พร้อมมองหาน่านน้ำใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ จนนำมาสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ครบทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ เพื่อเป็นทางเลือกที่ครบวงจรให้กับลูกค้า ภายใต้โมเดลธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem
"โมเดลการลงทุน MGC-ASIA คือ ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นเราจึงมุ่งคัดสรรพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการกำหนดทิศทางดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน เน้นคัดสรรผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่ทันสมัยและรวดเร็ว ที่สำคัญจะต้องเกื้อกูลกับธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เราจึงเปิดรับพาร์ตเนอร์ทุกๆ ค่าย ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับโอกาสและความไว้วางใจจากพาร์ตเนอร์ระดับโลกมากมาย เพื่อเติมเต็ม Lifestyle Mobility Ecosystem ให้มีความแข็งแกร่งและสมบูรณ์"
ปัจจุบัน MGC-ASIA ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลักๆ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda, BMW Motorrad, Harley-Davidson เรือยอชต์ Azimut และเรือแม่น้ำ Chris-Craft และ Vista Jet ผู้ให้บริการในการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว และเป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ รวมถึงแบรนด์พาร์ตเนอร์ทั้ง Peugeot, Jeep, Maserati, Aston Martin นอกจากนี้ ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นพาร์ตเนอร์ศูนย์ซ่อมสีตัวถังของ "Tesla" เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวอีกด้วย
"ล่าสุดเรายังพร้อมเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Loyalty Program ภายใต้ชื่อ MGC-MOBILIFE เพื่อให้ลูกค้าสะสมคะแนนและนำมาแลกสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งจากบริษัทในเครือฯ และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ อาทิ การแลกบัตรโดยสารสายการบินที่เราเป็นผู้แทนจำหน่าย ข้อดีคือเป็นการเชิญชวนให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อความได้เปรียบทางธุรกิจ ทั้งในด้านผลประกอบการ และการเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดในระยะยาว"
2.กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ ภายใต้แบรนด์ศูนย์ซ่อมบำรุง MMS 3.กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับแบบระยะยาว (Master Car Rental) รวมถึงรถเช่าระยะสั้นแบรนด์ (Sixt) และ 4.กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) บริการบริหารจัดการ (Shared Service) บริการทางการเงินสำหรับยานยนต์ นายหน้าประกันภัย และบริการทำความสะอาดและเคลือบสีรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจสนับสนุนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทฯ
นอกจาก MGC-ASIA Ecosystem จะสร้างจุดแข็งให้กับองค์กร ยังเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ ในมุมของลูกค้าก็ได้ประโยชน์ เพราะเราสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรและหลากหลาย นำไปสู่การสร้าง Customer Experience ที่ดี และช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการของ MGC-ASIA อย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรเองก็ได้รับประโยชน์จาก Economy of Scale เพราะสามารถใช้ทรัพยากรทางธุรกิจร่วมกัน และสามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการและมีศักยภาพในการซื้อสินค้าหรือบริการที่หลากหลายของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในส่วนของการนำเสนอสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Up-selling) และการนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกัน (Cross-selling)
ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากแค่สินค้าดี
เคล็ดลับความสำเร็จถัดมาของดร.สัณหวุฒิ คือ ไม่ได้มองว่าความสำเร็จขององค์กรในมิติแคบๆ ว่าเกิดจากการมีสินค้าที่ดีเท่านั้น แต่มองว่าความสำเร็จขององค์กรเกิดจากการหลอมรวมหลากหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม
อธิบายให้เห็นภาพคือ นอกจาก MGC-ASIA จะให้ความสำคัญกับการคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อมาเป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายหรือให้บริการ MGC-ASIA ยังให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า หรือ Customer Centric เป็นที่สุด จนนำไปสู่การสร้างทีมงานบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าและพาร์ตเนอร์ทุกราย ดังนั้น MGC-ASIA จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
"การพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด ทำให้แม้แต่ตอนที่เราจะติดสกุลมหาชน ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับองค์กรที่เปลี่ยนจากระบบเจ้าของหรือเถ้าแก่มาเป็นมหาชน แต่เราก็สามารถก้าวผ่านมาได้อย่างดี เพราะเรามีการวางรากฐานวัฒนธรรมและวิธีคิดของคนในองค์กรมาตลอด มีการทำงานร่วมกับมืออาชีพ พร้อมกับการปลูกฝังและฉายภาพต่างๆในองค์กรมานานกว่า 23 ปี โดยเรามีสถาบันฝึกอบรม "Master Automotive Training" สำหรับพนักงานในองค์กร เพื่อฝึกสอนและพัฒนาทักษะของบุคลากร ผ่านหลักสูตรที่มีความหลากหลาย ทั้งความรู้ทั่วไป, ทัศนศึกษาดูงาน,ทักษะเชิงช่าง ไปจนถึงแนวคิดในการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการร่วมทำงานกับพาร์ตเนอร์ และการให้บริการกับลูกค้าทุกราย ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรในองค์กร พยายามสร้าง Employee Engagement ในองค์กร เพื่อให้พนักงานเกิดความผูกพัน และมีความภาคภูมิใจ พร้อมจะเติบโตไปกับองค์กร"
ความสำเร็จที่แท้จริง บนวิถีแห่งความยั่งยืน
นอกจากสินค้า การบริการ และพนักงานจะเป็นฟันเฟืองสำคัญขององค์กรแล้ว ดร.สัณหวุฒิ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจบนวิถีแห่งความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ESG (Environmental, Social and Governance) โดยให้ความสำคัญในการลด Carbon Footprint ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการมีสิทธิเท่าเทียมของทุกคน ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสในทุกขั้นตอน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล
ด้วยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจนนี้เอง ทำให้ ในปี 2566 MGC-ASIA สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 12,275.1 ล้านบาท เติบโต 14.8% และกำไรสุทธิ 197.9 ล้านบาท เติบโต 20.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังคงสดใสจากการรับรู้รายได้หลังจากเปิดศูนย์ซ่อมสีและตัวถังสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ระดับโลก อย่าง TESLA รวมไปถึงการที่ลูกค้าบางส่วน เป็นกลุ่ม High Net Worth ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนมากนัก
"เป้าหมายในอนาคตของ MGC-ASIA คือ เราต้องการสร้างการเติบโตทุกๆ ภาคส่วน ทั้งสินค้าการบริการ บนรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ กับพาร์ตเนอร์ทุกๆ รายแบบยั่งยืน ผ่านประสบการณ์และขีดความสามารถทุกๆ ด้าน ในองค์กร MGC-ASIA พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกเซกเมนท์ ตั้งแต่ mass ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่าง Ultra Luxury อีกทั้งปัจจุบันก็มีเซกเมนต์ใหม่ๆ เกิดขึ้น อาทิ Semi Premium หรือ High Technology จะเป็นโอกาสในการขยายตลาด เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเจนฯ และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจร"
ทั้งหมดนี้ คือ เคล็ดลับในการพิชิตความสำเร็จฉบับดร.สัณหวุฒิ ที่ต้องบอกว่า เป็นอีกหนึ่งบริษัทคนไทยที่น่าจับตามองว่า สุดท้ายแล้วผู้บริหารคนเก่งจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้โลดแล่นไปในสมรภูมิธุรกิจได้ไกลแค่ไหน