ตำนานบทใหม่ของสยามกลการอุตสาหกรรมที่เขียนโดยคลื่นลูกใหม่ของพรประภา โชว์ผลงานแก้วิกฤตย้ำสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ และการบริการครบวงจร พร้อมชูธงแบรนด์ยูนิแคริเออร์ขยายพอร์ตฟอร์คลิฟท์เติบโตเท่าตัว
เมื่อบรรดาทายาทสกุล “พรประภา” พยายามพิสูจน์ฝีมือขับเคลื่อนธุรกิจและต่อยอดไม้ใหญ่ให้แตกกิ่งก้านอย่างยั่งยืน ประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด ทายาทคนโตของ พรพินิจ พรประภา หนึ่งในตำนานโรงงานผลิตรถยนต์สยามกลการและเจ้าของเครือโรงแรมสยามแอทสยาม จากหนุ่มนักเรียนนอกที่สนุกกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมนำไลฟ์สไตล์ความชอบส่วนตัวในการเดินทางท่องเที่ยวมาเริ่มต้นการทำงานในฝ่ายปฏิบัติการของโรงแรม สยามแอทสยามดีไซน์โฮเทล แอนด์ สปา เหมาดูแลทั้งอาหารเครื่องดื่ม การขาย การตลาด ครอบคลุมถึงด้านการบริการ ก้าวแรกในธุรกิจโรงแรมของครอบครัวยังคงเป็นเพียงบทนำเริ่มต้นก่อนที่ประธานวงศ์จะได้รับคำสั่งแบบฟ้าผ่ามอบหมายให้กอบกู้วิกฤตธุรกิจสยามกลการอุตสาหกรรม ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers Forklift) ซึ่งรีแบรนด์ดิ้งจากชื่อนิสสัน ฟอร์คลิฟท์ (Nissan Forklift) ซึ่งผูกพันกับเครือข่ายธุรกิจของสยามกลการและพรประภาตั้งแต่ดั้งเดิม พร้อมทั้งคุมทัพบริษัทในเครือที่ให้บริการครบวงจร “ผมจำได้ว่าคุณพ่อเรียกเข้าไปคุยวันพฤหัสบดี ผมมีเวลาเตรียมตัวศึกษาบริษัทในวันศุกร์ถึงอาทิตย์ และเริ่มงานวันจันทร์ที่นี่ทันที ช่วงนั้นระบบการบริหารงานของที่นี่เป็นแบบ top down ทุกอย่างแทบจะ one man show เมื่อผู้บริหารคนเก่าไม่สบายหนักทุกอย่างจึงติดขัด บวกกับช่วงที่เวนเดอร์ญี่ปุ่นเปลี่ยน โดยเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ทั้งหมดทำให้ขาดการติดต่อสื่อสารกัน” คลื่นลูกใหม่ของพรประภาใช้วิชาความรู้ด้านการตลาดและการบริหารเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ภายใต้นโยบายที่เขาให้คำจำกัดความว่า “open door policy” ด้วยการเปิดโอกาสให้ฝ่ายขายของบริษัทได้แสดงความคิดเห็นและความต้องการ “จุดแข็งของเราคือ เราเป็นบริษัทเดียวที่ให้บริการธุรกิจครบวงจร ทั้งขาย เช่า และให้เช่าพร้อมคนขับ รวมถึงบริหารคลังเต็มรูปแบบ ซึ่งคีย์สำคัญที่ทำให้เราสามารถฝ่าวิกฤตในช่วงที่บริษัทมีปัญหาอยู่ที่คำว่าimprovise (แก้ปัญหาเฉพาะหน้า) ในจังหวะที่ธุรกิจสะดุด และไม่สามารถเดินหน้าในทิศทางที่วางไว้ หลังจากวางเป้าหมายและวาดภาพใหญ่ว่าเราต้องการอะไร เมื่อไม่เป็นไปตามที่คิด เราต้องสามารถไปตามน้ำได้หรือเอาตัวรอดให้ได้” เพียงไม่กี่ปี ประธานวงศ์ สามารถขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัวให้ก้าวพ้นวิกฤต พร้อมสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเป็นเท่าตัวจากพอร์ตรถเช่าจำนวนไม่ถึง 1,000 คันในวันเริ่มต้นเป็น 2,000 คัน และยอดขายเป้าหมายสิ้นปีที่ 900 คัน คิดเป็นรายได้คาดการณ์ 1,500 ล้านบาทในปีนี้ จากจำนวน 1,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ส่วนในยุคของประธานวงศ์ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากการค้าขายแบบ B-to-B เป็น B-to-C โดยการแข่งขันในแต่ละภาคธุรกิจได้ทวีความรุนแรงจากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนหรือ AEC ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ควบคุมต้นทุน เพิ่มคุณภาพการบริการ และสร้างนวัตกรรมเพื่อรองรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่ต้องเลือกใช้ผู้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพในการทำงาน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุน ความตรงต่อเวลาและคุณภาพของสินค้าบริการดังนั้น ในฐานะที่บริษัทมีความเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมโดยตรง ผู้นำทัพธุรกิจวัย 31 ปี จึงปรับกลยุทธ์การจำหน่ายและการบริการทุกด้านแบบครบวงจร ด้วยการให้คำแนะนำหรือร่วมกับลูกค้าสร้างระบบ รูปแบบ การจัดการในคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียในพื้นที่การทำงาน ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นควบคุมเวลาได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการสร้างบริการหลังการขายที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงของลูกค้าได้ในระยะยาว โดยร่วมมือกับบริษัทแม่ในญี่ปุ่น จัดให้มีการฝึกอบรมช่างและคนขับ เพื่อมอบใบรับรองมาตรฐานการซ่อมและความปลอดภัยของการขับรถ “เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันธุรกิจเราเป็นส่วนหนึ่งของโลจิสติกส์ถ้าต้องการเดินไปข้างหน้าก็ต้องไปทางนี้ ขณะที่ประเทศไทยเป็น manufacturing base (ฐานการผลิต)ทำไมโลจิสติกส์รายใหญ่จึงเป็นบริษัทต่างประเทศ ฝันของผมคือการเป็นบริษัทไทยขนาดใหญ่ที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราต้องthink big ผมเชื่อว่า เราสามารถสร้างธุรกิจนี้ให้เติบโตเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ได้” ประธานวงศ์ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต จากแนวโน้มการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันไทยเป็นตลาดรถฟอร์คลิฟท์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการใช้รถใหม่ไม่ต่ำกว่า9,000 คันต่อปี “เป้าหมายการเติบโตของเราไม่มีลิมิตผู้บริหารทุกคนต้องการให้ธุรกิจเป็นอันดับ 1 แต่ถ้าพยายามแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่ 1เพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราควรต่อยอดธุรกิจอื่นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจหลักเติบโตขึ้นควบคู่กัน” เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: ระพีพัฒน์ สิทธิชัยลาภคลิ๊กอ่าน "ประธานวงศ์ พรประภา ติดปีกสยามกลการอุตสาหกรรม" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine