แนวคิดที่แตกต่างและนอกกรอบทั้งวิธีการบริหารงานและคนเป็นความสามารถผู้บริหารยุคใหม่ที่มารับภารกิจไม่นาน แต่มีผลงานปิดดีลหนี้ขนาดใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ หลังจบบริหารธุรกิจระดับปริญญาโทและปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ เข้านำทัพ BAM โดยผนวกทักษะและประสบการณ์อันแข็งแกร่งปิดดีลโครงการขนาดใหญ่ชนิด win-win-win ให้ทุกฝ่ายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
ความท้าทายกับบทบาทใหม่ใน BAM
“สถาบันการเงินหลายแห่งที่ผมเคยทำเรียกว่า good bank เจอลูกค้าดีๆ กิจการเติบโตก็ยิ้มแย้มมาขอเงินกู้ แต่ BAM เป็นสถาบันที่เรียกว่า bad bank ที่ผมไม่เคยสัมผัสใกล้ชิด เราจึงเหมือนหมอดูแลคนป่วยที่มีปัญหาหนี้สินและกลายเป็นหนี้เสีย โดยหยิบยื่นโอกาสครั้งที่ 2 ให้เขาหายป่วย และสะท้อนวิธีคิดใหม่ให้มองหนี้เสียไม่ใช่ภาระ แต่เป็นผู้ป่วยที่ต้องการโอกาสอีกครั้งในชีวิต”
ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไตรมาส 1 ปี 2568 ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจมีหนี้เสีย (NPL) ราว 8.2 แสนล้านบาท มีสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (special mention) ในระบบราว 1.2 ล้านล้านบาท BAM จึงปรับตัวรองรับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมั่นใจในความสามารถ ขณะที่ระบบบริหารจัดการสินเชื่อของสถาบันการเงินมีประสิทธิภาพกว่าอดีต รวมมาตรการของภาครัฐ อาทิ “คุณสู้ เราช่วย” หรือ “คลินิกแก้หนี้” จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดและแก้ปัญหา NPL ในระบบการเงินได้อย่างดี
BAM เป็นองค์กรบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ดำรงบทบาท “แก้มลิงแห่งชาติ” รองรับหนี้เสียไม่ให้ไหลท่วมระบบการเงิน และนำมาบำบัดโดยประนอมหนี้ในฐานะ “หมอหนี้” ให้เป็นหนี้ดีด้วย recycling machine เร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) ฟื้นฟูสุขภาพการเงินของลูกหนี้ให้ดีอีกครั้ง ด้วย AI และระบบออโตเมชั่น ปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะรายอย่างรัดกุม ตรงจุด รวดเร็ว และลดการใช้วิจารณญาณในการแก้หนี้ ทำให้แก้ปัญหาหนี้ง่าย เข้าถึงได้รวดเร็ว และยุติธรรม โดยพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรจัดตั้ง FA Center ให้คำปรึกษาด้านการเงินและแก้หนี้ครบวงจร รวมถึงประสานแหล่งสินเชื่อกับธนาคารพันธมิตร ให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง มุ่งดูแลลูกหนี้ให้กลับสู่ระบบอย่างยั่งยืน
ทรานส์ฟอร์เมชันยั่งยืน
ดร.รักษ์ รังสรรค์การบริหารจัดการ BAM เพิ่มศักยภาพการบริหารสินทรัพย์แบบอัตราเร่งด้วย “Resilience with Transformation” ปฏิรูปองค์กร 3 มิติ ได้แก่ 1. Business: พลิกกลยุทธ์ทั้ง NPL และ NPA 2. Process and Technology: เร่งเครื่องด้วย TDR Factory และ AI ส่วนมิติที่ 3 คือ People: ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงาน ให้เหมาะกับคุณลักษณะของพนักงานในปัจจุบัน
Business คือมิติแรกที่เปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ มุ่งประสิทธิภาพการทำงาน สร้างนวัตกรรม และตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพิ่มขีดความสามารถการประเมินและบริหารหนี้เสีย สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และปรับโครงสร้างองค์กรจากที่เคยมีความคอนเซอร์เวทีฟ เน้นความเสี่ยงต่ำและรักษาเงินต้น เลี่ยงสูญเสียมากกว่าแสวงหากำไรสูงสุด เปลี่ยนการส่งหมายศาล คล้องโซ่หรือล็อกกุญแจหลักทรัพย์ค้ำประกัน สู่การเจรจาประนอมหนี้ ร่วมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและหาข้อยุติเพื่อประโยชน์สูงสุด
“ผมอยากช่วยลูกหนี้ให้หมดทุกข์เร็วที่สุด โดยร่วมมือหาทางปรับโครงสร้างหนี้สู่จุดที่ดีขึ้น แบ่งหนี้ตามมูลค่าและประเภทหนี้ เช่น หนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาทถึง 3-5 พันล้านบาทจากบัตรเครดิต บ้าน หรืออสังหาฯ เช่น สนามกอล์ฟ หรือโรงงาน อย่างหนี้ภายใน 5 ล้านบาทมีทางเลือกของระยะเวลาและวงเงินชำระที่เป็นไปได้ แก้หนี้เสียอย่างตรงจุด ขณะที่ลูกค้ายังดำรงชีพและทำงานได้อย่างวิญญูชน”

การช่วยลูกค้าออกจากสถานการณ์นี้เรียกว่า exit option ซึ่งรวมถึงการขายและปรับโครงสร้างหนี้ หรือลดดอกเบี้ย และนำสู่โรงงานแก้หนี้ (TDR Factory หรือ Debt Restructuring) ให้เงื่อนไขการชำระหนี้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ลูกหนี้จะ “ฟื้นตัว” และกลับเข้าสังคมอย่างมีคุณภาพ
“TDR Factory ช่วยบริหารจัดการหนี้เสียแบบยั่งยืน พยายามลด ละ เลิก การใช้วิจารณญาณเพียงอย่างเดียวของ AO คือ Account Officer ที่ติดต่อประสานงาน ประเมินและวิเคราะห์ เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือติดตามและบริหารจัดการด้วย credit scoring และ underwriting schemes เหมาะกับจริตลูกหนี้ โดยส่งเมนูให้เลือก ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวของใครมาตัดสิน แต่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของการเริ่มต้นชีวิตใหม่”
การเปลี่ยนบรรยากาศสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้ลูกหนี้ทุกประเภทด้วยการเจรจาของเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่สร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรดุจคนในครอบครัว ทำงานแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นความร่วมมือที่สร้างกำลังใจให้ลูกค้าหาเงินใช้หนี้ ที่สำคัญ BAM ได้ลูกค้าชั้นดีเพิ่มขึ้นด้วย
การบริหารจัดการลักษณะนี้คือ การปรับโครงสร้าง “หนี้เป็น” คือผ่อนชำระดีแล้ว กับ “หนี้ตาย” ซึ่งไปสุดทางที่กระบวนการในชั้นศาลเพื่อยึดทรัพย์ และ BAM ช่วยให้ลูกค้ามีทางรอดต่อไปด้วยการส่งให้ธนาคารที่อยากได้ลูกค้าชั้นดี แต่ยังติดชื่อว่า NPL เพราะเคยเป็นบุคคลที่ขาดผ่อนชำระช่วงเวลาหนึ่ง โดย BAM จะหาทางผลักดันรหัสใหม่เพื่อให้พวกเขากลับสู่หนี้ปกติได้
ดร.รักษ์ได้พลิกโฉมการทำงานจับมือพันธมิตรตั้ง FA Center ส่งลูกหนี้ชั้นดีกลับสู่ระบบ นำทัพทำเป็นตัวอย่างให้ทีมเห็นคือ ออกไปทำงานนอกเหนือหน้าที่หลักซึ่ง BAM บริหารสินทรัพย์ทั้ง NPL และ NPA ได้ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ด้วยแนวทางลดการถือครองทรัพย์จากเดิม 8 ปีเหลือเพียง 4 ปี เพื่อลดต้นทุนการถือครองทรัพย์และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยเปลี่ยนแนวคิดเดิมที่คนมอง BAM เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์กลายเป็นหนุ่มสมาร์ท
“บทบาทใหม่ของ BAM เนื้อหอมน่าดู เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งแต่งงานกับเจ้าสาวอย่างธนาคารกสิกรไทย ตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ชื่อ ARUN AMC บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงิน และแต่งงานกับออมสิน ตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ ช่วยแก้หนี้เสีย SME-บัตรเครดิต เมื่อหน้าต่างแห่งโอกาสบานใหม่เปิดแล้ว BAM จะมีโปรเจกต์ที่ตรงจริตของหนี้และธนาคารได้มากขึ้นในอนาคต”
มิติที่ 2 Process and Technology คือ BAM เข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการบริการลูกค้า อาทิ พัฒนาระบบ digital literacy รองรับการดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการข้อมูล เช่น ทรัพย์สินที่รอการขาย 24,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท และข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในอนาคต สร้างสรรค์และแบ่งปันข้อมูล รวมถึงช่วยทำการตลาด อาทิ เมื่อลูกค้าเข้าสู่แฟนเพจ BAM และคลิกที่ข่าวสาร เช่น เรื่องบ้านเดี่ยวพุทธมณฑล AI จะจับสัญญาณและเก็บข้อมูลไว้ให้โชว์หน้าฟีดทันทีเมื่อมีการคลิกเข้า Facebook อีกครั้ง
“ระบบ automation ของ BAM ช่วยสร้างเงื่อนไขปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะตัวที่รัดกุม ตรงจุด และรวดเร็ว ทั้งพัฒนาเมนูตามความต้องการของลูกค้า และการนัดชำระหนี้ วันนี้ digital literacy ทำงานแทนคนมากขึ้น และจัดสรรให้ทีมออกบูธช่วยทำการตลาด พูดคุยสื่อสารให้ข้อมูลและนำเสนอองค์กรให้ผู้คนรู้จัก เช่น Money Expo หรือ Thailand Smart Money และทำในสื่อสังคมออนไลน์ คือการตอบคำถามใน LINE ให้ทีมงานคุยกับลูกค้า เพราะผมเชื่อมั่นว่าตัวบุคคลจะส่งต่อความรู้สึกต่อกันได้”
BAM ยังนับเป็นองค์กรแรกและแห่งเดียวที่เสิร์ฟเมนูสนับสนุนความต้องการอย่างตรงจุดคือ BAM Select ที่เว็บไซต์ ซึ่งช่วยบ่งชี้คุณลักษณะและภูมิศาสตร์ของทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดินเปล่า หรือคอนโดฯ โดยลูกค้าให้ AI ออกแบบหรือตกแต่งตามสไตล์ตามความต้องการได้เอง โดยไม่ต้องใช้สถาปนิก
มิติที่ 3 คือ People ออกแบบนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลและวัฒนธรรมองค์กรแนวใหม่ สร้างความสุขและเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เพราะพนักงานมีหลายเจเนอเรชั่นและความต้องการต่างกันจึงใช้แนวคิดเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ดร.รักษ์ เช่น ชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่น ยกเลิกระบบตอกบัตรแบบ 9.00-17.00 น. โดยเชื่อใจและไว้วางใจให้อิสระแก่ทีมแบบ “ใจแลกใจ” ให้ออกจากกรงขังแห่งเงื่อนเวลา เป็นแรงจูงใจให้ทีมพัฒนาศักยภาพจนเกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด
“ผมเชื่อในตัว human power เพราะเมื่อเอากรงขังออกไป creativity จะเกิดขึ้น และระบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์ (flexi benefits) คนรุ่นใหม่ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการลงนามความร่วมมือกับ 8 โรงพยาบาลชั้นนำให้พนักงานเข้ารักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย (cashless service) ตามสิทธิวงเงินค่ารักษาพยาบาล สร้างความสุข และความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน พร้อมหล่อหลอมความผูกพันและความรักในองค์กร เพื่อส่งต่อพลังบวกกลับคืนสู่องค์กรอย่างยั่งยืน”

ดร.รักษ์นำทัพ BAM โดยสร้างพลังให้ทีมพร้อมใจทำงานมุ่งทะลุเป้าหมายได้สำเร็จและมีความสุขด้วย เขายินดีผลักดันให้ทีมมีความสามารถออกแบบการทำงานได้ตรงกับวิถีชีวิตจึงจัดแนวคิด Work Time Everywhere ให้ทีมงานเลือกหยุด 1 วัน สลับกันทำงานที่ไหนก็ได้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เมื่อระบบการทำงานแบบยืดหยุ่นนี้ถูกใช้อย่างต่อเนื่องในที่สุดพนักงานจะเกิดความผูกพันกับองค์กรจนอยากกลับมาทำงานทุกวัน ไม่ใช่เพราะต้องมา แต่เพราะการอยู่ที่นี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีคุณค่า แม้ไม่มาก็ยังรู้สึกผูกพันและมีความสุขกับการเป็นส่วนหนึ่งของ BAM
นอกจากนี้ เขายังวางเป้าปั้นให้ BAM เป็นมากกว่า AMC ลุยร่วมทุนอสังหาฯ และเพิ่มยอดขายในอนาคต คือ 1. รับจ้างบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เพราะเชี่ยวชาญการบริหารจัดการสินทรัพย์หลากหลายประเภท มุ่งเพิ่มมูลค่าให้สินทรัพย์และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน และ 2. จัดตั้ง holding company ทำหน้าที่เป็นบริษัทแม่เพื่อบริหารจัดการบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจหลากหลาย เช่น ธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร อีกทั้งขยายธุรกิจและปลดล็อกข้อจำกัดที่เกิดจากกฎหมาย เพิ่มความคล่องตัวในการปรับโครงสร้างธุรกิจและตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น
“ฝากถึงสถาบันการเงิน นักลงทุน และลูกค้าทุกคนว่าให้ BAM เป็นตัวเลือกอันดับแรก หรือ Investment of choice เพราะการลงทุนใน NPA เป็นโอกาสที่น่าสนใจและให้ผลตอบแทนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน อันดับ 2 คือ การเป็น partner of choice เราให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายภาคส่วน ทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (developers) เพื่อปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรอการขาย ขณะนี้เรามีเจ้าสาว 2 รายแล้วคือ บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดย BAM คัดสรรและนำเสนอทรัพย์ NPA ขนาดใหญ่ให้พัฒนาและเพิ่มมูลค่า พลิกทรัพย์ร้างเป็นทรัพย์สร้างกำไร ต่อยอดสร้างรายได้ให้ BAM อย่างต่อเนื่อง”
ส่วนกลุ่มบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ที่สืบทอดความเชี่ยวชาญจาก “ฤทธา” บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย และ บริษัท ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด ผู้รับซื้อและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพิ่มโอกาสในการขยายฐานธุรกิจและประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้ง NPL และ NPA แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันพัฒนา ซ่อมแซม และเพิ่มมูลค่า เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทั้งสนับสนุนลูกหนี้ที่มีศักยภาพผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงินคือ จัดหาสินเชื่อเสริมสภาพคล่องช่วยธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างยั่งยืน
สำหรับมุมส่วนตัว ดร.รักษ์เข้าทำงานที่ BAM ด้วยความท้าทาย เขาได้เพิ่มความสนุกให้งานบริหารไม่เคร่งเครียด และใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับโปรเจกต์ใหม่ด้วยวิธีบริหารไร้รูปแบบ เช่น แทนการนั่งทำงานในห้องตามชั่วโมงทำงาน เขาจะออกไปเจรจาการค้าบนโต๊ะอาหารกับเครือข่ายพันธมิตรเพื่อสร้างดีลใหม่ๆ ก่อนกลับบ้าน ซึ่งเขาบอกว่า ยังรักที่จะทำงานด้านการเงินและการบริหารสินทรัพย์อีกพักใหญ่ก่อนจะวางมือเข้าสู่ภาคการศึกษาในอนาคต
เรื่อง: กนกวรรณ ไม้สนธิ์, ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ BAM
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มิ้งค์ สระบุรี นักสนุกเกอร์หญิงไทยมือ 1 โลก
