'divana' ธุรกิจสปาและเครื่องหอมแบรนด์ไทยระดับพรีเมียม ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 โตเพิ่มจากปีก่อน 100% เป็น 600 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาเพิ่มและเตรียมปักหมุดในต่างแดน หลังจากยึดหลัก 'Passion + Professional' นำพาธุรกิจให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 นอกจากนี้ ทางผู้ก่อตั้งแบรนด์ยังฝากย้ำเตือนถึงคนทำธุรกิจด้วยว่า "อย่ามองข้ามเรื่องของกระแสเงินสดหรืองบการเงิน และต้องเรียนรู้มองแนวโน้มล่วงหน้าให้เป็น พร้อมปรับตัวให้เร็วอยู่เสมอ"
หากใครได้ลองแวะเวียนมาเดินเล่นหรือ shopping ที่ห้างดังใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท อย่าง Emsphere ที่บริเวณชั้น M ก็น่าจะได้เห็นและสะดุดตากับบรรยากาศหน้าร้าน divana Atelier Wellness Flagship Store & Cafe ที่ตกแต่งออกมาได้อย่างสวยงาม ตรงตามคอนเซ็ปต์ของสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องหอมแบรนด์ไทยระดับพรีเมียมที่เลือกใช้แต่วัตถุดิบอย่างดีจากธรรมชาติในการผลิต โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 'Foresta Sunrise Phenomenon' ที่มีการจำลองเสมือนกระท่อมที่ตั้งอยู่กลางป่าสนรายล้อมไปด้วยหญ้ามอสสีเขียวของยุโรปเข้ามาตั้งไว้อยู่ภายในห้างรอคอยให้ผู้คนได้มาสัมผัส

ธเนศ จิระเสวกดิลก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ดีวานา เวลเนส จำกัด บอกเล่าเรื่องราวให้ทีมงาน Forbes Thailand ฟังว่า สาขานี้คือ Flagship Store หนึ่งในช่องทางหลักที่จำหน่ายสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าปลีกในรูปแบบ Concept Store ตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Central World, Icon Siam, King Power รวมทั้งการจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าที่ห้าง Paragon, Emporium และ Central โดยมีสินค้าผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอมให้เลือกสรรเป็นจำนวนมากกว่า 200 SKUs
"ธุรกิจสปาและเครื่องหอมแบรนด์ divana มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีรายได้อยู่ที่ 300 ล้านบาท และในปี 2568 นี้ เรายังตั้งเป้ารายได้ให้เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 100% อยู่ที่ 600 ล้านบาท เรามั่นใจมากว่าผลจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จะเป็นอานิสงส์ให้เหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติหันมาเลือกซื้อสินค้าเครื่องหอมระดับพรีเมียมของแบรนด์เราเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของแผนธุรกิจ เราเตรียมทุ่มงบลงทุนปีนี้อีก 100 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะใช้เป็นงบในการเปิด Luxury Spa เพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขา จ.ภูเก็ต (ที่มีทั้งคาเฟ่และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 1/2568 และสาขาพัทยา จ.ชลบุรี (สปา คาเฟ่ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2568 จากปัจจุบันที่มีร้านสปาอยู่จำนวน 6 สาขา ภายใต้แบรนด์ divana Scentuara spa, divana Divine spa, divana Virtue spa, divana Nurture spa ที่กรุงเทพฯ และ divana Lana spa ที่เชียงใหม่ รวมทั้งล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัว divana Anda spa ที่ลากูนา จ.ภูเก็ต
สำหรับงบในส่วนที่ 2 อีก 50 ล้านบาท จะใช้ในการเปิดร้านค้าปลีก (Concept Store) จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม เพิ่มอีก 5 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 20 สาขา ได้แก่ Icon Siam, Central World, Paragon และอีก 2 สาขา กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาในการเลือกทำเลสถานที่"

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2563-2568 ทาง Global Wellness Institute (GWI) มีการเผยข้อมูลว่า ธุรกิจสปาจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่อัตรา 17.2% ส่วนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะเติบโตเฉลี่ยที่อัตรา 20.9% ซึ่งในส่วนของเทรนด์อุตสาหกรรมสปา ปี 2568 นี้ GWI คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั่วโลก (Global Wellness Economy) จะมีมูลค่าสูงราวๆ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 230 ล้านล้านบาท นี่จึงเป็นเหตุผลหลักให้ทาง divana เตรียมวางแผนนำร่องขยายสาขาเพิ่มไปในตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดตัวร้านแบบ Pop Up ที่ประเทศจีน ต่อเนื่องไปถึงประเทศในแถบอาเซียน รวมทั้ง Middle East เป็นต้น เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ ณ ปัจจุบัน 80% คือ ชาวต่างชาติ อาทิ จีน, รัสเซีย, มาเลเซีย, Middle East ส่วน 20% ที่เหลือคือ กลุ่มลูกค้าคนไทย
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากธุรกิจร้านนวดสปา, ร้าน flagship store, ร้าน concept store ที่จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ รวมทั้งร้านคาเฟ่ ที่มีอยู่ทั้งหมดรวม 3 สาขา ได้แก่ Central World, Emsphere (กรุงเทพฯ 2 แห่ง) และภูเก็ตแล้ว ทางบริษัทยังมีธุรกิจโรงเรียนสอนการนวดแผนไทยและสปา ภายใต้แบรนด์ "divana innovative academy" เพื่อให้ความรู้และอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเธอราปิสต์ ตามหลักสูตรมาตรฐาน divana เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และยกระดับมาตรฐานบริการด้านสปาครบวงจรไว้รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพพร้อมเดินหน้าก้าวไปสู่ Medical Hub ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะมีส่วนดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเทีี่ยวไทยมากยิ่งขึ้น

ทุกวิกฤต คือ โอกาส สร้างความแข็งแกร่ง
พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ (ตี๋) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ธเนศ จิระเสวกดิลก (ตง) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ดีวานา เวลเนส จำกัด คือ 2 หนุ่มผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ divana แบรนด์สปาและเครื่องหอมระดับพรีเมียมของไทยให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ในปี 2544 แต่ทั้งนี้ การเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจดังกล่าวในช่วงแรกก็ไม่ได้สวยงามเสมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะทั้งคู่ถูกเลย์ออฟจากงานประจำที่หลายๆ คนต่างใฝ่ฝัน นั่นก็คือการทำงานเป็นสจ็วตให้กับสายการบิน สวิส แอร์ไลน์ หลังจากทำงานมาได้ 4-5 ปี โดยสาเหตุหลักที่ทั้งคู่ต้องถูกออกจากงานนี้ก็เป็นผลมาจากเหตุวินาศกวรรม 9/11 ที่สร้างความสะเทือนใจผู้คนไปทั่วโลก ทางสายการบินจึงต้องยกเลิกการจ้างงานพนักงานต่างชาติเป็นจำนวนหลายรายเพื่อความปลอดภัย
"ช่วงเวลาว่างๆ ระหว่างการทำงานเป็นสจ็วตตอนนั้น เราก็เลือกเรียนโทด้าน Tourism management อยู่ด้วยพอดี และหลังจากเกิดเหตุการณ์ 9/11 ช็อกโลก พนักงานหลายคนในบริษัทก็ถูกเลย์ออฟรวมถึงเราทั้งสองคนด้วย แต่เราก็มีสติ ไม่เครียด! และสามารถมองมุมกลับได้ว่า นี่คือปัญหาหรือวิกฤตในชีวิตที่สร้างความท้าทายกับเราว่าจะรับมือและแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีที่ตอนนั้นเราเลือกทำ thesis เกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจสปาและการท่องเที่ยว ประกอบกับคุณตี๋ที่เป็น partner ร่วมก่อตั้งธุรกิจ ก็มีพื้นฐานที่เรียนจบมาเกี่ยวกับการทำวิจัยต่างๆ เราจึงเอาจุดแข็งของทั้งคู่มาช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมวางแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง" ธเนศ หรือ ตง กล่าว

ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อ 25 ปีก่อน divana massage & spa แห่งแรก ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 25 ซึ่งเป็นซอยตัน !!! คุณตง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังแบบขำขันว่า ก่อนที่ธุรกิจจะเปิดให้บริการ ก็มีการขอให้เพื่อนเป็นที่เป็นฝรั่งชาวสวิตเซอร์แลนด์ และยังทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับบริษัทชั้นนำของโลกระดับ Top 4 มาช่วยเสนอแนะความคิดเห็นถึง Business Model ที่เขากำลังทำอยู่ ซึ่งเพื่อนก็ให้ความเห็นว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้ ดูแล้วไม่น่ารอด !!!
จากคำปรามาสของเพื่อนดังกล่าว และการเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจสปาในเมืองไทยเมื่อราวๆ 20 กว่าปีก่อน ได้สร้างความท้าทาย (Challenge) ให้แก่ตงและตี๋เป็นอย่างมาก เพราะในเมืองไทยตอนนั้นคำว่า ธุรกิจสปา ยังไม่ได้เป็นที่นิยมและรู้จักอย่างกว้างขวาง "หลายคนมองไม่เห็นภาพว่าธุรกิจที่พวกเรกำลังทำให้เกิดขึ้นมันคืออะไร เราจึงต้องก้าวข้ามผ่านความกลัวที่คนอื่นต่างหยิบยื่นให้ แล้วเอาความแข็งแกร่ง ความมั่นใจ ในการวางแผนธุรกิจที่ผ่านการ research หาข้อมูล และทำการวิเคราะห์มาแล้วเป็นอย่างดี บ้านหลังเก่าที่เรานำมาใช้เป็นสปาแห่งแรกก็มีความสวยงาม Unique ไม่เหมือนใคร ร่มรื่นไปด้วยสีเขียวของหมู่มวลต้นไม้ที่เรานำมาจัดแต่งไว้นานาพรรณ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมือง ทุกขั้นตอนดีเทลรายละเอียดต่างๆ ที่เราคิดมาแล้วเป็นอย่างดี จะต้องตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เราวางเป้าหมายไว้ชัดเจนได้อย่างแน่นอน" ผู้บริหารของ divana เล่าขยายความให้เห็นความเป็นมาในยุคก่อน
'Passion + Professional' นำพาธุรกิจเติบโต
จากเดิมที่เคยเป็นพนักงานประจำ ทำงานอยู่ในบริษัทสายการบินต่างชาติคอยรับเงินเดือนสบายๆ พอต้องกลายร่างมาเป็น 'เจ้าของธุรกิจ' คุณตง หรือ ธเนศ จิระเสวกดิลก บอกว่า บทบาทหน้าที่การทำงานทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมด เขาต้องดูแลการทำงานทุกอย่างในแต่ละขั้นตอนและต้องมีไฟที่จะปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาทำงานได้ในทุกๆ วัน ดังนั้นคนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจจึงเป็นต้องมี Passion แต่แค่นั้นก็ยังไม่พอ เพราะจะต้องมีความเป็น Professional เป็นมืออาชีพที่จะผลิตสินค้าหรือบริการที่ดีมีคุณภาพส่งต่อให้ไปกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามเป้าหมาย
"ถ้าเราทำธุรกิจแบบมี passion มันก็เหมือนกับเราได้ใส่พลังชีวิตเข้าไปในการขับเคลื่อน แม้ว่าบางทีเราอาจจะสะดุดหกล้ม แต่เราก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาสู้ได้ใหม่ เพราะมันคืองานที่เราเลือก เป็นธุรกิจที่เราอยากทำ เราก็จะสู้กับมันได้อย่างเต็มที่ และถ้าเรามีความเป็น professional เราก็จะโฟกัสได้ถูกจุดว่าลูกค้าเราคือใคร คู่แข่งเราเป็นอย่างไร ตลาดธุรกิจที่เราทำอยู่มันเป็นแบบไหน และเราจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดอย่างไร เราได้เห็นสิ่งต่างๆ จากการเดินทางไปยังสถานที่มากมายทั่วโลก จึงทำให้รู้ได้ว่าบริการแบบพรีเมียมในระดับมืออาชีพทั้งจากสวิตเซอร์แลนด์หรือยุโรปนั้นเป็นอย่างไร ประกอบกับบิสเนสโมเดลที่เราวางไว้ทุกอย่างคือสิ่งที่สนับสนุนให้มันเป็นจริงได้ ที่เหลือก็คือการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพในการให้บริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทุกอย่างเหล่านี้เราต้องทำการ Check list ทั้งหมด และต้องมั่นใจด้วยว่าทุกอย่างที่วางไว้จะเป็นไปตามแผน หลังจากนั้นจึงลงมือทำให้เต็มที่ เพราะถ้าไม่ลงมือทำ ความสำเร็จก็จะไม่เกิด นี่คือทั้งหมดที่เรายึดถือทำมาตลอด 25 ปี" ธเนศ กล่าวเสริม

โดดเด่นด้วยความเป็นไทย ทันสมัยด้วย 'นวัตกรรม'
เมื่อธุรกิจสปาและเครื่องหอมมีแบรนด์ต่างๆ ออกมาให้เลือกหลากหลาย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ดีวานา เวลเนส ได้บอกกับทาง Forbes ว่า ธุรกิจของแบรนด์ divana มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ อย่างชัดเจน พร้อมนำเอา Innovation เทคโนโลยีต่างๆ อันทันสมัยเข้ามาผสมผสานไว้ในแต่ละโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
"เราเน้นศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดภาพรวมตามความเป็นจริงหรือคอยจับตาดู trend ต่างๆ ของตลาดในทุกๆ 5-10 ปี เพื่อให้ง่ายต่อการดู forescene trend หรือดูแนวโน้มวางแผนล่วงหน้าให้พร้อมขยับปรับตัวเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็นไปตามยุคสมัยได้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของสินค้าและบริการ เราเน้นผลิตสินค้า (Product) ที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน เราสร้างประสบการณ์ในการบริการ (Experience) ในทุกๆ มิติ มีการนำศาสตร์แพทย์แผนไทยมาผนวกใช้ร่วมกับภูมิปัญญาของชาวบ้านท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น การนำเส้นไหมของจีนมาใช้ในการขัดหน้า การนำแป้งของไทย จีน พม่า มาขัดผิวสร้างความกระจ่างใส่ควบคู่กับเหล้าแชมเปญ นอกจากนี้ ยังมีการนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีมาช่วยในเรื่องของการชะลอริ้วรอยให้ผิวอ่อนเยาว์ เช่น การใช้เครื่อง Oxygen Peeling มาช่วยในการทำความสะอาดพร้อมผลัดเซลล์ผิวให้ดูสดใสกว่าเดิม"
และจากโอกาสที่มองเห็นช่องว่างในการทำธุรกิจสปาจากเดิมที่มีแต่โรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาวเท่านั้นที่จะให้บริการในธุรกิจนี้ในระดับพรีเมียม นอกจากนี้ธุรกิจนวดสปาส่วนใหญ่ก็จะเป็นการให้บริการในระดับราคาทั่วไป ดังนั้นการสร้างความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมบริการที่เหนือระดับเสมือนโรงแรมหรู แต่อยู่ในบรรยากาศอัน luxury สร้างความผ่อนคลายด้วยดีเทลรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน พร้อมโปรแกรม treatment ที่มีให้เลือกหลากหลาย สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาให้แก่เหล่าลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้จึงทำให้แบรนด์ divana ค่อยๆ ขยายการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องมาถึงปีที่ 25

อุปสรรค ก็เหมือน 'สปริงบอร์ด' มีเสียหลักบ้าง แต่ยังยืนหยัดได้มั่นคง
ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนที่จะไม่เคยเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค ผู้บริหารของ divana บอกว่า ช่วงสถานการณ์ Covid-19 ธุรกิจร้านนวดสปาต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่ทว่าธุรกิจของแบรนด์ divana เองไม่มีการปรับลดพนักงานแต่อย่างใด และยังคงเดินหน้ากัดฟันสู้กับอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ โดยหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดดังกล่าวคลี่คลายลง ทางแบรนด์ก็มีการปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์หรือ packaging ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคและจับต้องได้ง่ายขึ้น
ซึ่งในส่วนของการบริหารจัดการ ณ ช่วงเวลานั้น ทางบริษัทก็มีการทุ่มเอาเงินทั้งหมดที่มีมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายส่วนใดที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งแทบทั้งหมดเพื่อทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังจ่ายในเรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลรวมถึงการผลิตสินค้าให้ดีมีคุณภาพเพราะทั้งสองสิ่งถือเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ลูกค้ายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการ
"ช่วง 10 ปีแรกที่ธุรกิจกำลังจะเปิดตัวร้าน Medical spa ที่สาขา Central Embassy เราเลือกเทเงินลงทุนแบบหมดหน้าตักแบบไม่เหลือกระแสเงินสดอยู่เลย ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปัญหาอุปสรรคต่างๆ เข้ามาพอดี แล้วเราก็มองเผื่อเอาไว้แล้วว่ายังพอมีเหลือทรัพย์สินส่วนตัวตรงไหนบ้างที่พอจะเอามาเป็นทุนสำรองต่อได้ แล้วเราก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าสู้ต่อไปให้ได้ โดยหลังจากที่สาขานี้ทำการเปิดตัวภายในระยะเวลา 4 เดือน ก็สามารถทำรายได้สูงที่สุดมากกว่าสาขาอื่นก็ทำให้เราภูมิใจมากๆ การทำธุรกิจทุกอย่างเกิดขึ้นมันมีเหตุและผลของมัน บางครั้งเราก็อาจจะเสียใจบ้าง ที่บางอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดหรือคาดหวังไว้ แต่ถามว่าเสียดายไหม ก็ไม่เสียดาย เพราะจริงๆ แล้ว ทุกปัญหาหรือทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้น มันก็เหมือนกับช่วงวิกฤติในชีวิตที่เราปรับให้มันเป็นเหมือนกับสปริงบอร์ด เพราะเวลาที่ปัญหากระแทกมาที่ตัวเราในแต่ละครั้ง เราก็จะสามารถเด้งตัวกลับมายืนได้ใหม่ได้อย่างมั่นคงมากขึ้นในทุกๆ ครั้ง เราเลยไม่ได้มองว่าปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นจุดผิดพลาดหรือความล้มเหลว เรามองว่ามันทำให้เราแข็งแร็งขึ้นมากกว่า"

ฝากถึงคนทำธุรกิจ ต้องเรียนรู้ดู ''งบการเงิน' ให้เป็น
"กระแสเงินสดเปรียบเสมือนเลือดหล่อเลี้ยงธุรกิจให้เติบโต ต่อให้ธุรกิจเราดูเหมือนได้กำไร แต่ถ้าวันนึงเราไม่มีกระแสเงินสดที่จะไปรันที่ธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ จนเกิดปัญหาติดขัดเรื่องการเงิน จนจำเป็นต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ซึ่งปัจจุบันนี้ทางแบงก์เองก็ปล่อยกู้ให้ยืมเงินยากมากๆ แล้วถ้าสุดท้ายเราอาจจะต้องจำใจเอาธุรกิจที่รักมากๆ ไปแบ่งให้คนอื่น มันก็คงไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นคนทำธุรกิจต้องวางแผนการใช้เงินให้รัดกุม และถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องของ Financial งบทางการเงินเลย ก็อาจจะติดกับดัก! เพราะถ้าเราเลือกมองแต่ตัวเลขรายได้อย่างเดียว ไม่ได้มองให้ละเอียดถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็อาจจะทำให้เราไม่มีกำไรเหลือเลย" ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ divana เน้นย้ำถึงงบการเงินและกระแสเงินสดคือสิ่งสำคัญ
พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากถึงคนทำธุรกิจและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเองด้วยว่า การจะทำให้ธุรกิจของตนเองอยู่ในระดับ top หรือแถวหน้าได้ เราต้องปรับตัวได้เร็ว ต้องแข็งแรง และวิ่งล้ำหน้าได้ก่อนใคร สิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของ dicana แข็งแรงมาตลอดระยะเวลา 25 ปี จนมีพนักงานหน้าร้านเป็นจำนวน 400 คน และพนักงานออฟฟิศราว 500 คนได้นั้น คือเราจะ Forescence Trend มองเห็นแนวโน้มธุรกิจล่วงหน้าอยู่ตลอดเวลา
"ถ้าเราเห็นว่าเทรนด์ไหนกำลังจะเปลี่ยนไปภายใน 3.5 ปี เราก็ต้องรีบเตรียมพร้อมปรับตัวในเรื่องของพื้นฐานและด้านต่างๆ เอาไว้ล่วงหน้า พร้อมมองหาโมเดลธุรกิจว่าควรจะปรับแผนให้เป็นไปในรูปแบบไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้มากที่สุด รวมถึงการใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ สร้างความแตกต่าง บวกกับเทคโนโลยี นวัตกรรมในระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือสร้างความสะดวกสบายที่มากขึ้นใส่ลงไป แล้วทำการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าให้ได้อย่างมีมิติครบถ้วนมากที่สุด ธุรกิจก็จะประสบผลสำเร็จ" ธเนศ หรือ ตง กล่าวทิ้งท้าย

ภาพ : วรัชญ์ แพทยานันท์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Karun สูตรความสำเร็จ ‘ชาไทยพรีเมียม’ รายได้หลัก 100 ล้าน พร้อมปักธงโกอินเตอร์
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine