ภายใต้โจทย์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทย และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อมอบบริการด้านการลงทุนและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า สู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีทรัพย์สินในการบริหารรวมมูลค่า 8.47 แสนล้านบาท และขึ้นแท่นเป็น บลจ. ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศทันที
สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (AIAIMT) พร้อมรับภารกิจสำคัญในการนำทัพบริษัทใหม่ในเครือของกลุ่มบริษัท เอไอเอ จากประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนมากว่า 24 ปี
ก้าวแรกบนเส้นทางการลงทุนของสุขวัฒน์เริ่มต้นที่การเป็นผู้จัดการกองทุนในบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด ก่อนจะย้ายมานั่งเก้าอี้ผู้จัดการกองทุนอาวุโสบริษัท จาร์ดีนเฟลมมิ่งธนาคมหลักทรัพย์ จำกัด ดูแลรับผิดชอบการบริหารกองทุนส่วนบุคคล หรือ private fund ราว 4 ปีจึงได้รับการชักชวนให้ไปช่วยเริ่มต้นธุรกิจด้านกองทุนส่วนบุคคลที่ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด ในฐานะผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการกองทุนอาวุโส ดูแลรับผิดชอบทางด้านการบริหารสินทรัพย์ของสถาบันเอกชนและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งสามารถสร้างการเติบโตให้มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนจากศูนย์เป็นหลักหมื่นล้านบาท
หลังจากนั้นสุขวัฒน์ยังเดินหน้ารับความท้าทายใหม่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนแมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด ดูแลการบริหารองค์กรพร้อมรับผิดชอบการบริหารกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล ก่อนจะนำประสบการณ์ที่สั่งสมเข้าร่วมงานกับเอไอเอ ประเทศไทย ในปี 2554 และ
ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัท เอไอเอ จำกัด ในปี 2558 พร้อมรับผิดชอบด้านการบริหารสินทรัพย์การลงทุนมูลค่ากว่า 9.47 แสนล้านบาท (3.16 หมื่นล้านเหรียญฯ)
สุขวัฒน์ย้ำถึงหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะซีอีโอ ซึ่งบริหารงานโดยรวมของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) รวมถึงการกำหนดนโยบายและภาพรวมแผนการลงทุน กลยุทธ์การจัดสรรและการดำเนินการของสินทรัพย์กลยุทธ์การขยายผลตอบแทนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดของการลงทุนบนพื้นฐานการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัท เอไอเอ
- ผนึกกำลังบริหารเงินยูนิต ลิงค์
ท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 ระบาดทั่วโลก แต่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กลุ่มบริษัท เอไอเอ ระดับโลกให้ความมั่นใจเริ่มต้นธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทย และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ ประเทศไทย ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมูลค่า 8.47 แสนล้านบาท และเป็น บลจ. ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
สุขวัฒน์กล่าวถึงความมุ่งมั่นพัฒนาประกันยูนิต ลิงค์ ที่ไอเอไอเป็นผู้บุกเบิกเมื่อ 11 ปีก่อนและสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายอันดับ 1 ในปัจจุบัน ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% ซึ่งการเปิดตัว บลจ. ในเดือนสิงหาคมถือเป็นก้าวสำคัญทั้งในส่วนธุรกิจประกันและประกันยูนิต ลิงค์ของเอไอเอ
“ใน 18 ประเทศมี บลจ. 4 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และกำลังจะมีประเทศอื่นๆ ตามมา ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละประเทศและความสนใจของตลาดยกตัวอย่างประเทศที่ดอกเบี้ยสูงอาจจะไม่จำเป็นต้องขายยูนิต ลิงค์ก็ได้ แต่ประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำอาจจะต้องการทางเลือกอื่นๆ รวมทั้งยูนิต ลิงค์เป็นผลิตภัณฑ์ไม่ง่าย เพราะต้องการผู้ที่มีความรู้อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจและผู้ขายต้องเข้าใจความเสี่ยง”
“ยูนิต ลิงค์คล่องตัว ดีไซน์และปรับเปลี่ยนได้เปรียบเหมือนการใช้การลงทุนช่วยพยุงพอร์ตให้เงินสามารถจ่ายค่าประกันได้ คล้ายกับประกันผสมการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น รวมถึงข้อดีเรื่องการช่วยให้ลูกค้าจำกัดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ โดยหน้าที่ของเราคือ การทำให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด ไม่ใช่ทำให้ไม่ขาดทุน ซึ่งผู้ซื้อต้องยอมรับความเสี่ยงแต่ตามที่คำนวณในระยะยาวน่าจะได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเราต้องทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยต้องดีกว่าตลาด”
สุขวัฒน์กล่าวถึงจุดเด่นของกรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ ได้แก่ โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนและความยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนทุนประกันได้ตามความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละช่วงชีวิตได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนจำนวนเบี้ยได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ทั้งยังสามารถถอนและพักชำระเบี้ยได้ โดยยังคงความคุ้มครองหากมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนเหลือเพียงพอต่อการหักค่าใช้จ่ายการประกันภัย
นอกจากนั้น สุขวัฒน์ยังแสดงความมั่นใจในก้าวสำคัญของเอไอเอที่ดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 82 ปี และครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 โดยกลุ่มบริษัท เอไอเอ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารทุน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การสนับสนุนด้านทรัพยากรหลายภาคส่วนจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ด้วยประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยมีทีมบริหารการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 150 คนจากทั่วทุกภูมิภาคของโลก
- ทัพกองทุนกระจายความเสี่ยง
แม้ บลจ. เอไอเอ จะมีจุดมุ่งหมายการก่อตั้งเพื่อบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ และบริหารสินทรัพย์มากกว่า 8 แสนล้านบาทของบริษัท เอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลเพียงรายเดียว แต่สุขวัฒน์ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ากลยุทธ์สร้างผลตอบแทนตามกรอบการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่วางไว้เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน
“โจทย์อย่างแรกคือ performance ดี แข่งกับคนอื่นได้ อย่างที่ 2 คือการมีผลิตภัณฑ์หรือกองทุนกระจายความเสี่ยงเพียงพอ เราอาจจะไม่ได้มีกองทุนเป็นร้อยกอง แต่อาจจะแค่ 20 กองที่มี asset class ครบ และการพัฒนาประสิทธิภาพลดต้นทุนด้านการจัดการให้ลูกค้าได้ผลตอบแทนสูงสุด ซึ่ง scale มีความหมายมาก เพราะค่า fee ไม่เท่ากันระหว่างเงินแสนล้านกับหมื่นล้าน เรามีการจ้างผู้จัดการกองทุนระดับโลกหลายล้านเพื่อบริหารเงินของ AIA อยู่แล้ว โดยเราสามารถนำเงินของลูกค้าเราให้บริหารด้วยก็จะได้ fee ไม่แพง และเราก็คืนกลับให้ลูกค้าได้ประโยชน์”
นอกจากผู้จัดการกองทุนระดับโลกและการประสานความร่วมมือกับเครือข่ายการลงทุนของกลุ่มบริษัท เอไอเอ ทั่วโลก สุขวัฒน์ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานของ บลจ. เนื่องจากกลุ่มบริษัท เอไอเอ เชื่อในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและคุณธรรมตามหลัก ESG
(environmental, social and governance) ซึ่งคำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และบรรษัทภิบาล เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนตามนโยบายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน
(sustainable investment)
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้ในการทำงาน พร้อมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาทางด้านไอทีเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและเทรนด์ดิจิทัลในอนาคต โดยเฉพาะด้านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันเวลา
สำหรับการวางกลยุทธ์ธุรกิจและแผนการดำเนินงานแบ่งเป็นด้านกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล โดยสัดส่วนหลักของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการอยู่ที่กองทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีเอไอเอเป็นลูกค้ารายเดียว โดยมุ่งเน้นการบริหารตามกรอบการลงทุน และความเสี่ยงเดิมที่ให้น้ำหนักกับการลงทุนในประเทศมากกว่าต่างประเทศ ด้วยการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 5.1 แสนล้านบาท ตราสารหนี้ต่างประเทศ (investment grade offshore fix income) 1.3 แสนล้านบาท หุ้นในประเทศ 1 แสนล้านบาท และตราสารหุ้นกู้ภาคเอกชน 1 แสนล้านบาท
“จุดแข็งของเราอยู่ที่ความร่วมมือของทีมระหว่าง AIA ประเทศไทย บลจ. เอไอเอ และเอไอเอกรุ๊ป 18 ประเทศทั่วเอเชีย รวมทั้งเราเป็นบริษัทที่มีการปรับปรุงและพัฒนาตลอดเวลา โดยสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารได้จาก scale ที่มีเงินบนหน้าตักเยอะ ซึ่งสามารถนำข้อได้เปรียบเหล่านี้ส่งให้ลูกค้าได้ และสุดท้ายชื่อเสียงของ AIA ที่เป็นประกันชีวติอันดับ 1 อยู่ในสังคมไทย 82 ปี เราผ่านมาหลายวิกฤต และบริหารงานอย่างระมัดระวังในกรอบความเสี่ยงที่เหมาะสมเพียงพอ ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและอยากเข้ามาใช้บริการของเรา” สุขวัฒน์ย้ำถึงความได้เปรียบในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
สุขวัฒน์ปิดท้ายเกี่ยวกับหลักการบริหารตลอดเส้นทางการลงทุน “ทุกอณูของการทำงานต้องทุ่มเทเพื่อให้เวลาที่เรามองย้อนกลับไปแล้วต้องภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ หรือการฝากผลงานไว้กับบริษัทว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ที่นี่และสร้างความสำเร็จไว้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยี การลดขั้นตอนหรือเวลาการทำงานลง ผมคิดว่าประสิทธิภาพและความรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญรวมทั้งทีมงานที่ต้องมีเป้าหมายร่วมกันในการทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
คลิกอ่านฉบับเต็ม “สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ถอดสูตรประกันปั้นกองทุน AIA” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine