เภสัชกรผู้สร้างธุรกิจจากงานวิจัย นำ pain point มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ สร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบสาธารณสุขผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และก้าวข้ามจากเคมีสู่ดิจิทัลเพื่อสร้าง S-Curve ใหม่
หลังเรียนจบคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภก.ดร.พิสิฐ อุ่ยรุ่งโรจน์ ทำงานกับบริษัทเอกชนอยู่พักหนึ่งก่อนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา และกลับมาตั้งบริษัทปี 2530 ความตั้งใจแรกจะทำโรงงานผลิตยา แต่สรุปลงตัวที่ผลิตภัณฑ์ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ พัฒนาผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย และวางตำแหน่งตนเองว่าเป็น research company
ผู้นำผลิตภัณฑ์ป้องกันการติดเชื้อ
ภก.ดร.พิสิฐ อุ่ยรุ่งโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โพสเฮลท์แคร์ จำกัด และผู้ก่อตั้งบริษัทให้สัมภาษณ์ทีมงาน Forbes Thailand ที่โรงงานแห่งใหม่จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเพิ่งแล้วเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้ ด้านหน้าประตูทางเข้ามีประติมากรรมรูปอินฟินิตี้ที่หมุนเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อผ่านประตูเข้าไปบริเวณโถงกลางอาคารจัดแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ไทม์ไลน์แสดงเส้นทางการเติบโต
แม้จะเลยวัยเกษียณมากว่า 10 ปี แต่ ภก.ดร.พิสิฐยังแข็งแรงกระฉับกระเฉง ตอบคำถามได้รวดเร็ว และจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี หลังจบการสัมภาษณ์ยังเปิดคลิปวิดีโอที่เขาร่วมขับร้องเพลงในคอนเสิร์ต “รวงทอง ทองลั่นธม 88 ปี คีตศิลปินแห่งแผ่นดินสยาม” เพื่อโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นปลายเดือนสิงหาคม ปี 2568 ทั้งยังพูดคุยกับทีมงานอย่างอารมณ์ดีว่า ควรร้องเพลงอะไรในงานเลี้ยงของบริษัท




ภก.ดร.พิสิฐซึ่งลูกน้องมักเรียกว่า “โก” เริ่มต้นด้วยการนำชมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก่อนจะให้สัมภาษณ์ที่ห้องประชุมซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันโดยเกริ่นนำว่า ความฝันของเขาคืออยากมีโรงงานผลิตยา “ตอนนั้นมีกระดุมหลายเม็ดที่เลือก เม็ดที่ 1 คือยา NCDs (ยารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) เช่น โรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ตอนนั้นไปดูเครื่องจักรแล้ว เม็ดที่ 2 คืออาหารเสริม พวกวิตามินเกลือแร่ อีกกลุ่มคือชุดน้ำยาฆ่าเชื้อ...
“เนื่องจาก HIV ระบาดปี 2528 และปี 2532 CDC (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา) เพิ่งออก guideline ว่าจะทำอย่างไรถ้าเชื้อระบาด เราเอา guideline ตรงนั้นมาทำงานวิจัย แล้วเอา pain point มาทำเป็นสินค้า...เรายึดหลัก RR2R (Routineo Research to Routine Excellence) คือ นำงานวิจัยมาสู่การใช้งานจริง และนำผลลัพธ์กลับไปพัฒนางานวิจัยต่อยอด เรามีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์และนำเสนอในเวทีนานาชาติมากมาย...เราไม่ได้ทำ me-tooproducts แต่ต่อยอด”




ภก.ดร.พิสิฐเริ่มต้นสายงานเภสัชกรรมจากการเป็นเภสัชกรการตลาด ทำได้ 3 ปีจึงย้ายมาทำงานอีกบริษัท และรับตำแหน่งเป็น Product Manager หลังจากนั้นจึงไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ
“ไปอเมริกาตั้งใจไป 2 อย่าง ทำงานและเรียนปริญญาเอกด้าน Marketing Management ตอนผมวัยรุ่นหนังอเมริกันเข้ามาเต็ม ทุกคนก็ใฝ่ฝันอยากไปอเมริกาตามบริบทตอนนั้น ไปได้พักหนึ่งก็กลับมาเปิดบริษัท อยู่โน่นก็ได้อีกชีวิตหนึ่ง แต่บังเอิญผมเลือกชีวิตนี้
“ธุรกิจของผมไม่ได้เริ่มต้นจากแผนธุรกิจบนกระดาษ แต่เกิดจากวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศในช่วงปี 2528 ที่โรค HIV เริ่มระบาด มองเห็น pain point ที่ชัดเจนในโรงพยาบาลคือ การขาดผลิตภัณฑ์ป้องกันการติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยจิตวิญญาณของเภสัชกรและนักวิจัยจึงก่อตั้ง Pose Health Care ในปี 2530 ไม่ใช่เพื่อขายสินค้าตามกระแส แต่เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ทางการแพทย์อย่างแท้จริง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
“เราไม่ได้ถามว่าตลาดต้องการอะไร แต่ถามว่าระบบสาธารณสุขขาดอะไร นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามุ่งสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม หรือ research-driven company ตั้งแต่วันแรก”

หน้าเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับระบบป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออัจฉริยะ (smart IPC systems) ระบบที่ใช้เทคโนโลยี เช่น สารต้านจุลชีพประจุบวก ร่วมกับ AI และ IoT เพื่อป้องกัน ตรวจจับ และจัดการความเสี่ยงจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อดื้อยาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานวิจัย พัฒนา ผลิต รวมถึงระบบสำหรับป้องกันและควบคุมการติดเชื้อโดยเฉพาะเชื้อดื้อยา (MDROs) ในสถานพยาบาล เช่น ระบบล้างทำความสะอาดเครื่องมือและกล้องส่องผ่าตัด
บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อใน 5 จุดหลักคือ มือ เครื่องมือแพทย์ พื้นผิวและบรรยากาศ เสื้อผ้า และคนไข้ และเป็นบริษัทแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO13485 ด้านการผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาฆ่าเชื้อและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเครื่องมือแพทย์
ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้างต้นได้จากการทำงานวิจัยหลัก 3 เรื่องคือ การฆ่าเชื้อประจุบวก ผลิตภัณฑ์เสริมร่วมกับการฆ่าเชื้อประจุบวก และไบโอฟิล์ม ภก.ดร.พิสิฐอธิบายถึงเหตุผลที่ใช้ประจุบวกในการฆ่าเชื้อว่า เพราะมีคุณสมบัติทำลายเชื้อโรคโดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์มนุษย์ ส่วนไบโอฟิล์มเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่มีความทนทานต่อสารฆ่าเชื้อทั่วไป
“เราไม่ได้ถามว่าตลาดต้องการอะไร แต่ถามว่าระบบสาธารณสุขขาดอะไร นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรามุ่งสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม”

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่นำผลงานวิจัยมาพัฒนาและจัดจำหน่ายในตลาดได้สำเร็จ เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันการแข็งตัวของเลือดบนเครื่องมือแพทย์, ผลิตภัณฑ์กำจัดไบโอฟิล์มในเครื่องมือแพทย์, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเอนไซม์สำหรับเครื่องมือแพทย์ชนิดพิเศษ เช่น Endoscope และ Laparoscopy, กลุ่มผลิตภัณฑ์ประจุบวก (cationic products) เช่น Ion Pad Plus CHG2 และ Pose Jel (CCS), กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อ Cationic Antiseptic Compounds ภายใต้แบรนด์ Sterex
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และปี 2561 ได้ตั้งบริษัท โพส อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด ให้บริการด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับใช้ในโรงพยาบาล เช่น แพลตฟอร์มสำหรับการบริหารจัดการเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ การบริหารจัดการผ้าในโรงพยาบาลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Medical Device UV Laser Marking, RFID ซึ่งงานส่วนหลังนี้มี “ธีรภัทร์” บุตรชายของพิสิฐเป็นผู้บริหาร และเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารและเทคนิค บจ. โพสเฮลท์แคร์ ส่วนบุตรสาว “พญ.ภัทราพร” เป็นรองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิชาการและนวัตกรรม
บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อลูกๆ เรียนจบและเข้ามาช่วยงานบริษัท โดยงาน IT เป็นตัวเร่งสำคัญ
กลุ่มเครื่องสำอาง เช่น โพเซ่ เดอร์ม่า วอเตอร์สกิน เป็นโลชั่นบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว พิสิฐหยิบขวดโลชั่นเล็กๆ ให้ดูพร้อมอธิบายว่า “ตัวนี้เหมือนน้ำตบแต่ใช้ได้ทั้งตัว...ครั้งแรก design ให้สำหรับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลนาน หรือคนไข้ที่ได้รับน้ำเกลือผิวจะแห้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อเป็นประจุบวก ฉะนั้นโลชั่นทาตัวผู้ป่วยต้องเป็นประจุบวกด้วย”

อีกตัวที่น่าสนใจคือ ชุดทำความสะอาดช่องปากสำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ประกอบด้วยแปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำยาป้ายปากชนิดประจุบวก ช่วยป้องกันการติดเชื้อขณะใส่เครื่องช่วยหายใจ ตัวแปรงสีฟันถูกออกแบบให้ดูดสารละลายออกจากช่องปากได้จึงช่วยผู้ดูแลผู้ป่วยทำความสะอาดช่องปากผู้ป่วยได้ง่าย ลดความเสี่ยงของการสะสมเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปากซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยเฉพาะบริเวณทางเดินหายใจและช่องปอด
“ตลาดโรงพยาบาลใหญ่มาก วิชาการต้องเป็น intermediate level, high level การป้องกันมีทั้งกระบวนการ เราเห็นตัวเลขแล้ว ถ้าจะชนะคู่แข่งต้องมี paper อย่างการทำลาย DNA รหัสพันธุกรรมเชื้อดื้อยา ขณะเดียวกันต้องเอา IT เข้ามาจับ เดือนพฤศจิกายนเราเปิดตัวเครื่อง Micro-Link ซึ่งเป็นเครื่องที่นำข้อมูลไป integrate กับข้อมูลของโรงพยาบาล และประมวลผลส่งรายงานให้แพทย์ พยาบาล หอผู้ป่วยที่คนไข้อยู่ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปกติใช้เวลา 3 วัน”
ก้าวข้ามศาสตร์
บริษัทวางตัวเองว่าเป็น research company และเน้นด้านอุปสงค์ (demand side) จึงให้ความสำคัญกับการทำวิจัย โดยร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีงานวิจัยที่เขามีส่วนร่วมได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติอยู่เป็นระยะ ตัวอย่างผลงานวิจัยที่มีส่วนร่วมและได้รับรางวัลจากเวทีประชุมวิชาการระดับสากล เช่น Best Abstract 2 รางวัล จากงาน 8th International Congress of the Asia Pacific Society of Infection Control (APSIC), รางวัล Young Scientist Travel Grant จากการนำเสนอผลงานที่ประเทศเกาหลีใต้, Second Best Poster Award จากงาน 23rd World Sterilization Congress ณ เมือง Barcelona ประเทศสเปน, รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 การนำเสนอแบบบรรยาย (1st place Oral Presentation Award) จากงาน 11th International APSIC Congress ณ กรุง Jakarta ประเทศอินโดนีเซีย
พัฒนาการของบริษัทในช่วงเวลาเกือบ 30 ปี แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงบุกเบิก เริ่มจากการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อวิกฤตโรคระบาดในขณะนั้น ช่วงแห่งการวิจัย บริษัทยกระดับตัวเองสู่การเป็นresearch company อย่างเต็มตัว โดยสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันชั้นนำ เช่น คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผ่านโครงการ iTAP, สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และเข้าสู่เวทีระดับนานาชาติในปี 2560 เริ่มมีงานวิจัยใหม่ๆ ออกมา
ช่วงดิจิทัลและข้ามศาสตร์เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้นในปี 2561 โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ (Modern Infor-mation Technology: MIT) มาปรับใช้โดยตั้ง บริษัท โพส อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อทุกมิติของการป้องกันการติดเชื้อ ตั้งแต่การบริหารจัดการเครื่องมือแพทย์ด้วย IoT ไปจนถึงระบบแจ้งเตือนเชื้อดื้อยาแบบเรียลไทม์ “เราเปลี่ยน business model จากการขายผลิตภัณฑ์สู่การให้บริการระบบนิเวศ”
รวมทั้งยังขยายองค์ความรู้ (transdisciplinary) จากคนไปสู่สัตว์เศรษฐกิจ เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันโรคในการเพาะเลี้ยงกุ้ง ป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออหิวาต์แอฟริกันในฟาร์มเลี้ยงสุกร ปี 2566 ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 706 ล้านบาท ส่วนโรงงานแห่งใหม่ใช้งบลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท
“เราเอา guideline ตรงนั้นมาทำงานวิจัย แล้วเอา pain point มาทำเป็นสินค้า”
ใช้ความรู้นำการค้า
ปี 2567 ภก.ดร.พิสิฐได้ก่อตั้งและผลักดันโครงการสถาบันการเรียนรู้และพัฒนาการป้องกันการติดเชื้อแบบยั่งยืน (PHC Academy@IPC) ด้วยเป้าหมายเพื่อยกระดับองค์ความรู้และทักษะของบุคลากรทางการแพทย์ด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ (IPC) ทั้งในและต่างประเทศ
โดยสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับกรมปิ่นปัว กระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว และโรงพยาบาลหลัก 3 แห่งในนครเวียงจันทน์ ได้แก่ โรงพยาบาลมโหสถ โรงพยาบาลมิตรภาพ และโรงพยาบาลเชษฐาธิราช รวมถึงโรงพยาบาลในประเทศไทย เพื่อสร้างการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน และพัฒนาศักยภาพการควบคุมการติดเชื้อในภูมิภาคในการทำตลาดต่างประเทศ ภก.ดร.พิสิฐใช้โมเดล “นำความรู้ นำการค้า” (Know-ledge-Led Growth)
“เราเชื่อว่าความสำเร็จทางธุรกิจต้องเดินควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคม ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือ โครงการ PHC Academy ใน สปป.ลาว ซึ่งไม่ใช่แค่การเข้าไปขายของ แต่คือการเข้าไปช่วยยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการป้องกันการติดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศนั้นๆ ก่อน นี่คือการสร้างคุณค่าร่วมกันที่เรามุ่งมั่นเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้น...เราไม่เคยส่งเซลส์ไปต่างประเทศเป็นด่านแรก เราส่งนักวิชาการไปก่อนเสมอ...เมื่อคุณสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นได้ ตลาดจะเปิดรับคุณเอง”
หลังจากเดินทางไปให้ความรู้แก่บุคลากรที่ สปป.ลาว มาหลายครั้งๆ ละหลายวัน ปลายปีนี้มีแนวโน้มว่าจะมีคำสั่งซื้อมาบ้างแล้ว
ถามถึงเป้าหมายรายได้ปี 2568 ภก.ดร.พิสิฐไม่ตอบว่าเป็นจำนวนเท่าไร บอกเพียงว่า ตั้งเป้าการเติบโตว่าเป็นตัวเลข 2 หลัก ตามแผนงานขับเคลื่อนดังนี้
1. ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ต่อยอดจากงานวิจัยเรื่องเชื้อดื้อยา เช่น สบู่, น้ำยาบ้วนปาก และเจลหล่อลื่น
2. รุกตลาดดิจิทัล โดยเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Micro-Link ที่จะเชื่อมโยงผลแล็บจุลชีววิทยาถึงมือแพทย์แบบเรียลไทม์เพื่อการรักษาที่รวดเร็วขึ้น
3. ขยายกำลังการผลิต โดยใช้สิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมของ BOI เพื่อขยายโรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้รองรับความต้องการที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนโดยต่อยอดความสำเร็จจากโครงการใน สปป.ลาว

ในการทำตลาดต่างประเทศเขาบอกว่ามีความยากระดับหนึ่ง ตัวอย่างเช่น อินโดนีเซียมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์แต่ติดในข้อกฎหมายที่ว่าบริษัทต้องมีโรงงานผลิตที่นั่น “หลายประเทศเป็นแบบนี้ เราจะปรับกลยุทธ์ส่งเป็นวัตถุดิบ 2 ตัวคือ ตัวฆ่าเชื้อประจุบวกและไบโอฟิล์ม ทำเป็นวัตถุดิบ สอนการผลิตให้ เราไม่สามารถผลิตเป็นโปรดักต์ จีนก็ส่งเป็นถัง 1 ตันไป แต่ยังไม่ work เพราะต้นทุนสูง”
ส่วนตลาดในประเทศเน้นสถานพยาบาลซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทใช้กลยุทธ์ Educational Marketing คือ การให้ความรู้ จัดอบรม และทำงานวิจัยร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่มากกว่าตัวผลิตภัณฑ์และออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ
กลุ่มเกษตรและปศุสัตว์ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง บริษัทเน้นการนำเสนอข้อมูลวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันโรคระบาดสำคัญที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ เช่น โรคในกุ้ง และสุกร
ผลักดันงานวิจัยเรื่องการทำลายเชื้อดื้อยาในระดับ DNA ให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี2569 และเตรียมตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ
รวมทั้งมีเป้าหมายว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นผู้นำด้าน total IPC solution provider ในภูมิภาคอาเซียน ต่อยอดสู่ธุรกิจ S-curve ใหม่ๆ โดยขยายงานวิจัยไปสู่ anti-aging และ nano technology ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนตามหลัก ESG และมุ่งสู่ Net Zero Emissions
ในตอนท้ายเขากล่าวถึงหลักคิดในการทำงานว่า “วิชาชีพเภสัชกรรมไม่ใช่แค่สิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตผม แต่มันคือหัวใจของการช่วยเหลือผู้คน ผมเชื่อในการเรียนรู้ตลอดชีวิตและมักบอกเสมอว่า ถ้ามีความรู้อะไรจงเก็บไว้ในคลังความคิด เพราะวันหนึ่งเราจะได้ใช้มันแน่นอน...การทำงานของผมขับเคลื่อนด้วยความรักและความท้าทายในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แม้จะเลยวัยเกษียณมาแล้ว แต่ผมยังมีความสุขที่ได้ทำงานทุกวัน”
ภาพ วรัชญ์ แพทยานันท์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ปั้น รพ. เฉพาะทางกระดูกสันหลังและข้อ

