ทันตแพทย์ที่ทุ่มเทเวลาในช่วงเริ่มก่อตั้งธุรกิจและเกรงว่าภรรยาจะเหงาจึงให้ช่วยทำเว็บไซต์ ส่งผลให้คลินิกเป็นที่รู้จักและนิยมในกลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติที่บินตรงมาใช้บริการ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม
ความฝันของเขาคือ เป็นนักบิน แต่บิดามารดาต้องการให้เรียนแพทย์จึงพบกันครึ่งทางด้วยการเป็นทันตแพทย์ หลังทำงานตามวิชาชีพที่ร่ำเรียนมาระยะหนึ่ง จึงพลิกบทบาทเป็นผู้บริหารธุรกิจทันตกรรม และครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนไข้ต่างชาติ โดยปี 2565 มีรายได้ 829.34 ล้านบาท กำไรสุทธิ 57.50 ล้านบาท และ 950 ล้านบาทในปี 2566 พร้อมสร้าง new s-curve จากธุรกิจผลิตยาสีฟันแบรนด์ Elite Smile ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายต้นปีนี้
ธุรกิจทันตกรรมครบวงจร
ทันตแพทย์ พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เป็นคนจังหวัดกระบี่ บิดามารดาทำธุรกิจโรงแรมและค้ายาง ปี 2535 ทางบ้านกู้เงินธนาคารสร้างโรงงานน้ำยางข้น จังหวะไม่ดีเจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ดอกเบี้ยพุ่งขึ้นเป็น 24% จึงขายโรงงานเพื่อเคลียร์หนี้สิน ขณะนั้นเขาเพิ่งเรียนจบด้านการจัดฟันที่สหรัฐอเมริกาทางบ้านขอให้กลับไทยก่อน เพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากนโยบายลอยตัวค่าเงินบาท
แต่เขาตัดสินใจเดินหน้าต่อเพราะเพิ่งได้รับการตอบรับให้เรียนต่อระดับปริญญาโทจาก University of London โดยดิ้นรนหาเงินทุนเรียนด้วยตนเองและพบว่า มีโครงการช่วยเหลือเด็กเอเชียให้กู้เงินเรียน ระหว่างนั้นก็ทำงานในร้านอาหารจีนไปด้วย ต่อมาพี่ๆ รวบรวมเงินส่งมาให้ หลังเรียนจบและเดินทางกลับประเทศไทยเขาโหมทำงานหนักอยู่ 2 ปี เร่งหารายได้เพื่อปลดหนี้และคืนเงินให้กับพี่ๆ
ปี 2548 จึงต้ังคลินิกเล็กๆ ของตนเองบริเวณถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งโรจน์ เมื่อคลินิกแห่งแรกได้รับการตอบรับจากคนไข้ชาวต่างชาติ ปี 2549 จึงเปิดอีก 2 สาขาที่สยามสแควร์และรัชดาภิเษก ปี 2551 ตั้ง บริษัท กรุงเทพทันตแพทย์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมทั่วไป ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซื้อสินทรัพย์สาขาพหลโยธินและสาขาสยามสแควร์ และใช้ชื่อทางการค้าว่า Smile Signature แทน
ปัจจุบัน D มีบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เดนทัล วิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (DVT) จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทันตกรรม, บริษัท โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BIDH), บริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (DAT) จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทันตกรรมและให้บริการงานแล็บทางทันตกรรม และ บริษัท บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล เซ็นเตอร์ จำกัด (BIDC) ให้บริการด้านทันตกรรมครบวงจร
กลุ่มบริษัทให้บริการทันตกรรมภายใต้ 3 แบรนด์คือ BIDH, BIDC และ Smile Signature โดยแบรนด์หลังเป็นคลินิกตั้งอยู่ในห้างหรือริมถนนใหญ่ สัดส่วนคนไข้เป็นคนไทยและต่างชาติ 50-50 ทั้ง 3 แบรนด์จับกลุ่มตลาดบน ซึ่ง ทพ.พรศักดิ์เทียบเคียงกับโรงแรมว่าเป็นระดับ 5 ดาวและ 4 ดาว มีสถานพยาบาลรวม 15 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลทันตกรรม 1 แห่ง ศูนย์ทันตกรรม 2 แห่ง และคลินิก 12 แห่ง ธุรกิจหลักคือ ให้บริการทางด้านทันตกรรมแบบครบวงจร
จุดเด่นของ D คือ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านทันตกรรมชื่อ “โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล” (ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลเฉพาะทาง 3 แห่ง) ซึ่งมีเทคโนโลยีในการรักษาทันตกรรมขั้นสูง มีห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์ดมยาสลบ ห้องพักฟื้น ห้องทำฟัน 24 ห้อง สามารถรองรับเคสที่มีความซับซ้อน กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้มีรายได้ระดับสูงและชาวต่างชาติ
ดังจากออนไลน์
ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในช่วงแรกชาวต่างชาติรู้จักคลินิกจากเว็บไซต์และการบอกต่อ ส่วนคนไข้ที่ติดต่อผ่านระบบเอเจนซี่คิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวม “เราทำก่อนมีระบบเอเจนซี่...เรา strong กว่าเอเจนซี่มาก” เขายกความดีความชอบนี้ให้กับ ลูซินดา เฉิน ภรรยาชาวสิงคโปร์และบอกว่า เธอเป็น “Happy Girl” ซึ่งในวันให้สัมภาษณ์ได้แวะเวียนมาดูแลอยู่เป็นระยะ
“ปี 2543 กลับจากต่างประเทศ ผมจบจัดฟันที่อเมริกาและเรียนต่อที่อังกฤษ ทำงานโรงพยาบาลเอกชน 2 ปีแล้วอยากทำคลินิกของตนเอง ผมเจอแฟนที่อังกฤษ กลับมาแต่งงานปี 2545 ส่งเธอไปเรียนภาษาไทยที่จุฬาฯ เรียนถึง 3 โมง จะให้ทำอะไรดีเราทำงานถึง 3 ทุ่ม แฟนเคยทำงานโปรเจกต์เว็บไซต์ของ Singapore Airlines แฟนจบ LSE (London School of Economics and Political Science)” เขาเล่า
“เราก็หางานให้เขาทำๆ เว็บไซต์นะ โอ้โห ทำได้ดีมาก ปี 2545 อยู่พหลโยธิน เป็นคลินิกห้องแถว 2 ห้อง 5 เก้าอี้ทำฟัน แฟนทำ marketing ให้ เขียน 10 เว็บไซต์ ตอนนั้นยังไม่มี Facebook ปรากฏว่าคนไข้ book มาเต็มเลยภายใน 6 เดือนเต็มแล้ว ต่างชาติมา 80-90% ก็หาพื้นที่ใหม่ที่รัชดาฯ เปิดคลินิกมี 24 เก้าอี้ทำฟัน”
ก่อนย้ายจากคลินิกแรกมีรายได้เดือนละ 6 ล้านบาท พอมาตั้งคลินิกที่ถนนรัชดาภิเษกซึ่งมีพื้นที่และเก้าอี้ทำฟันมากขึ้น แต่การจองก็เต็มเร็วมากอีกเช่นกัน กิจการเติบโตมาตามลำดับ ปี 2559 จึงแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปิดให้บริการโรงพยาบาลเฉพาะทางในอีก 3 ปีถัดมาด้วยเงินลงทุน 450 ล้านบาท
“เราได้การรับรอง JCI Accreditation จากอเมริกา 12 ปีแล้ว แบรนด์เป็นที่รู้จักในต่างประเทศเยอะมาก revenue 70% มาจากต่างประเทศ เราเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเป็นคลินิกแรกๆ ที่ทำตลาดนี้ ตลาดออนไลน์เกือบทั้งหมด เว็บไซต์ channel มาที่เรา หาก search ปุ๊บเจอหน้า 1 มาเลย เรารักษาคุณภาพ”
เน้นงานคุณภาพ
ทพ.พรศักดิ์กล่าวถึงจุดแข็งของคลินิกที่ทำให้กิจการเติบโตและได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ชาวต่างชาติว่ามาจากคุณภาพของการบริการ
“ผมทำมาทั้งชีวิตไม่เคยโดนฟ้อง เราโตมาจากการสร้างทีม ไม่มี one-man show เราเป็นเบอร์ 1 ในตลาด ใช้ทีมงานคุณภาพ การสร้างระบบคุณภาพทำไง...เราไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน พ่อแม่ต้องการให้เป็นหมอ ผมเป็นลูกคนเล็กก็ทำเพื่อพ่อแม่ เราไม่ยากจน เอากำไร 15% ก็พอ ถ้าทำงานไม่มีคุณภาพก็มาไม่ถึงจุดนี้ (คนไข้) มาจากเมืองนอก happy กลับไปก็บอกคนข้างบ้าน เราคัดหมอๆ จบบอร์ดอังกฤษ นิสัยไม่ดีไม่เอา”
“ผมสอนน้องๆ ว่า มา 10 คนทำ 7 คน คนหนึ่ง over expectation อย่าทำ ยากเกินอย่าทำ ง่ายเกินก็อย่าทำ เช่น อยากจัดฟันแต่เราดูแล้วไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ เคสที่ยากเกิน refer ไปคณะทันตแพทยศาสตร์ ถ้าทำแล้วไม่ happy เราคืนตังค์ บอกน้องว่า หากทำแบบนี้ schedule ก็เต็มแล้ว ทำ 7 ใน 10 ให้ success จะเป็น success story ทำเสร็จแล้วคนไข้ยกมือไหว้หมอด้วย”
ส่วนการสรรหาบุคลากรไม่มีปัญหา ผู้บริหาร D กล่าวอย่างมั่นใจว่า หากสถานที่ทำงานมีคุณภาพทันตแพทย์ก็อยากทำงานด้วย โดยอธิบายว่า ทันตแพทย์ที่จบจากเมืองนอกต้องการทำงานในโรงพยาบาล ขณะที่งานทันตกรรมเป็นแค่ department เล็กๆ ในโรงพยาบาล มีเก้าอี้ทำฟัน 3 ตัว ให้บริการอุดฟัน ถอนฟัน ย่อมไม่ท้าทายสำหรับพวกเขา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คณิสสร์ ศรีวชิระประภา ขับเคลื่อน “NEX” รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์อันดับ 1 อาเซียน